ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 145
บทที่ 145 ตระกูลเฟิงของพวกนายติดค้างฉัน
“ของเธอเหรอ” เวินน๋อนหน้าซีดในชั่วพริบตา
เฟิงเซิ่งขมวดคิ้ว มองไปที่เข็มกลัดพลางพูดอย่างมั่นใจ “ฉันเห็นเธอกลัดเข็มกลัดนี้ตอนทานอาหารค่ำเมื่อวานนี้ น่าจะเป็นของเธอไม่ผิดแน่”
เมื่อมองไปที่เลขสิบที่แสดงบนจอลิฟต์ เวินน๋อนก็กำหมัดแน่น
“เซิ่ง นายสงสัยมาตลอดไม่ใช่เหรอว่าทำไมฉันถึงไปต่างประเทศโดยไม่บอกนายเรื่องที่ฉันท้อง ” เธอกัดฟันพูด “เพราะฉันไม่อยากให้ลูกของฉันเกิดมามีชื่อเสียงเสียๆหายๆ”
เฟิงเซิ่งเงยหน้าขึ้นและพูดด้วยความจริงใจ “ถ้าตอนนั้นเธอบอกฉัน ฉันจะทำให้พ่อเห็นด้วยกับการแต่งงานของเราแน่นอน”
“ไม่มีทาง” เวินน๋อนหน้านิ่ง “พ่อของนายไม่มีวันทำอย่างนั้น เพราะพ่อนายเป็นคนขับไล่ฉันไป”
เฟิงเซิ่งตกตะลึง “พ่อฉันงั้นเหรอ”
“ใช่ เพราะงั้นตระกูลเฟิงของพวกนายติดค้างฉันอยู่”
เวินน๋อนมองไปที่ดวงตาของเฟิงเซิ่งโดยไม่ปิดบังจุดประสงค์ของเธอ “ฉันต้องการให้นายช่วยฉัน ตราบใดที่นายช่วยฉัน เรื่องที่ตระกูลเฟิงของพวกนายขับไสไล่ส่งฉันในตอนนั้น ก็จะถูกลบหายไป”
“……”
ฝ่ายขายกลุ่มที่ 1
ในการประชุมช่วงเช้าเล่อสวี้ได้สรุปผลกำไรของโรงแรมในภูมิภาคต่างๆระหว่างการเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจ ส่วนลั่วมั่นก็เหม่อลอยตลอดการประชุม แต่ผู้ดำเนินการประชุมก็คือเล่อสวี้ เธอนั่งในตำแหน่งผู้อำนวยการแผนก และเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น
“ประธานลั่ว คุณคิดว่ายังไงคะ”
เสียงของผู้หญิงที่ดังชัดในห้องประชุมดึงความคิดของลั่วมั่นให้กลับมา เธอนิ่งไปชั่วขณะ พลางหันไปมองส้งชิงหรู คนที่จู่ๆก็ถามเธอขึ้นมา
เดิมทีส้งชิงหรู เป็นผู้รับผิดชอบโครงการโรงแรมHY ถึงแม้ตอนนี้เธอจะวางมือจากสายงานนี้ไปแล้ว แต่การส่งมอบกลับไม่เคยสิ้นสุด ทางฝั่งเล่อสวี้เองก็ไม่ได้พิเศษเกินไปกว่าคนอื่นๆ ดังนั้นในบางเรื่องก็จำเป็นที่จะต้องถามส้งชิงหรูถึงจะได้คำตอบที่ชัดเจน
ดังนั้นที่เล่อสวี้รีบกลับมาในคราวนี้ ก็เป็นเพราะส้งชิงหรูบอกว่าเธอมีเวลาแค่ครึ่งวันหลังจากกลับมาจากการเดินทางทางธุรกิจ เพราะอย่างนั้นทุกคนจึงให้ความร่วมมือกับเธอ
ลั่วมั่นที่กำลังมึนงง เธอไม่ได้ยินสิ่งที่ส้งชิงหรูคุยกับเล่อสวี้เลยแม้แต่น้อย
“ประธานลั่วคะ” ส้งชิงหรูพูดด้วยรอยยิ้ม “เมื่อคืนประธานลั่วไม่ได้พักผ่อนหรือเปล่าคะ เหม่อลอยไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”
“ประธานลั่วก็แค่คิดว่าแผนงานของเธอไม่มีที่ต้องติก็เท่านั้น” เล่อสวี้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาท่ามกลางห้องประชุม
“หนิงโจวเป็นพื้นที่ชนกลุ่มน้อย อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกด้วย ที่ประธานส้งกล่าวเมื่อครู่นี้ถึงข้อกำหนดที่เป็นเอกภาพนั้นไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในท้องถิ่นจริง ช่วงราคารวมเมื่อเทียบกับโฮมสเตย์แล้ว ประสิทธิภาพของโรงแรมในเครือที่นั่นไม่ค่อยดีนัก”
เหล่านี้เป็นการเตือนอย่างลับๆ ถึงเนื้อหาการประชุมเมื่อครู่นี้
ลั่วมั่นเข้าใจได้ทันที เธอเอ่ยปากพูดต่อ
“เส้นทางแรกเริ่มของโรงแรมHYนั้นก็คือข้อกำหนดที่เป็นเอกภาพ แต่เห็นได้ชัดว่าประสิทธิภาพนั้นอยู่ในระดับต่ำและไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ ข้อกำหนดที่เป็นเอกภาพอาจไม่ใช่ปัญหา แต่พวกเราไม่จำเป็นต้องหยิบทีละอันๆขึ้นมาเพื่อทดสอบว่าเป็นปัญหาหรือไม่ ในแผนของเล่อสวี้มีการผสมผสานรูปแบบของโฮมสเตย์เพื่อให้เหมาะกับสภาพท้องถิ่น ซึ่งดิฉันคิดว่าไม่มีปัญหาค่ะ”
เห็นได้ชัดว่าส้งชิงหรูไม่เต็มใจนัก แต่เพราะการปรากฏตัวของลั่วมั่นเธอจึงจำเป็นต้องกดมันไว้ “ที่ประธานลั่วพูดมาก็มีเหตุผลนะคะ แต่เส้นทางของโรงแรมHYนั้นก็คือผลักดันโรงแรมในเครือ เป้าหมายเดิมนั่นก็คือสร้างโรงแรมระดับห้าดาว การเปลี่ยนมาเป็นสไตล์ในปัจจุบัน ดูท่าจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่”
“โฮมสเตย์ในเครืออาจไม่สามารถเข้าถึงมาตรฐานระดับห้าดาวได้” เล่อสวี้พูดออกมาอย่างราบเรียบ แต่กลับทำให้ส้งชิงหรูพูดไม่ออก
หลังจากจบการประชุม ลั่วมั่นก็ไปส่งเล่อสวี้ที่สนามบิน ทุกคนในแผนกก็แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง
“คิดว่าตำแหน่งสูงๆของตัวเองจะสามารถทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ!ตลกสิ้นดี!เธอเป็นผลงานที่แย่ที่สุดในบริษัท แต่กลับมารับช่วงต่อโครงการของฉัน”
แม้ว่าเสียงของผู้หญิงในห้องน้ำจะลดลง แต่ก็ยังค่อนข้างแหลมอยู่ดี
“พี่ชิงหรู อย่าโกรธไปเลยค่ะ ใครที่ทำให้เราต้องกลายมาเป็นสุนัขรับใช้ของภรรยาท่านประธาน!พวกเราไม่ลืม คราวหลังพวกเราจะไม่เข้าร่วมโครงการของเธอ ถึงเวลานั้นก็จะจัดตั้งทีมไม่ได้ แค่นี้ก็ไร้ประโยชน์”