ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 165
บทที่ 165 สู้ฉันถอนรากถอนโคนตอนนี้ซะยังดีกว่า
เธออาจจะซ่อนฝันร้ายจากคนอื่นๆเมื่ออยู่ต่างประเทศได้ แต่เมื่อกลับมาในประเทศ มันจะต้องไปถึงหูคุณพ่อคุณแม่ของเฟิงเฉินอยู่ดี และเมื่อเวลานั้นมาถึง แม้เธอจะเป็นคนที่เฉลียวฉลาด แต่ก็ไม่มีทางที่จะอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้
เธอไม่สามารถเข้าถึงอารมณ์ของลู่จิ่งจูได้ ความรุ่งโรจน์ของตระกูลเฟิงคือความใฝ่ฝันสูงสุดในชีวิตของเธอ เธอทุ่มเทความพยายามให้กับเฟิงเฉินอย่างมาก และไม่มีทางที่จะเธอปล่อยให้ผู้หญิงที่เป็นโรคประหลาดอย่างตัวเองอยู่เคียงข้างลูกชายของเธออย่างแน่นอน
แต่เรื่องนี้ไม่สามารถบอกกับเฟิงเฉิน ประการแรกเธอไม่อยากให้เฟิงเฉินเห็นท่าทางที่บ้าคลั่งของเธอตอนที่เธอเดินละเมอ ประการที่สองหากอิงจากนิสัยของเฟิงเฉินแล้ว แน่นอนว่าเขาจะไม่สนใจกับสิ่งที่เธอคิดเหล่านี้ และเธอจะต้องถูกนำตัวกลับโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด
แม้ว่าเขาจะเป็นคนมีความสามารถและเฉลียวฉลาดอย่างไม่มีใครทัดเทียม แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อแม่ขอตัวเองแล้ว เกรงว่ามันจะไม่เป็นผล เพราะอย่างไรแล้ว นั่นก็คือพ่อแม่ของเขา
เช่นเดียวกับที่ฉันต้องเสียสละตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อบริษัทลั่วซือ เพียงเพราะความต้องการของพ่อและแม่ เขาก็เช่นกัน คำสั่งของพ่อแม่ที่ไม่อาจขัดขืนได้
ดังนั้น จนกว่าโรคนี้จะหายไป เธอก็ยังกลับไปไม่ได้
ดวงตาแดงก่ำของลั่วมั่นช่างดูน่าสงสาร เธอเองก็ลำบากใจ ท่าทางของลั่วมั่นที่อยู่ในแววตาของเฟิงเฉิน มันทำให้เขาเจ็บราวกับโดนมีดกรีดแทง เวลาผ่านไปเนิ่นนาน เขาพยักหน้ารับราวกับไม่ได้ยินเสียงใดอีก
“ฉันสัญญา”
ลั่วมั่นมาส่งเฟิงเฉินที่ประตูสนามยิงปืน แต่แล้วก็ถูกซือโม่เรียกเอาไว้ “จอยซ์มาแล้ว มีแผนใหม่มาให้”
เธอขมวดคิ้ว “โอเค เดี๋ยวฉันไป”
พูดจบก็หันกลับมาจับมือของเฟิงเฉิน “นายไปก่อนเถอะ ถ้าฉันจัดการเรื่องที่นี่เรียบร้อยแล้วจะติดต่อไป ไม่ต้องเป็นห่วง”
“อืม”
รับปากน่ะง่าย แต่จะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไง
สายตามองดูลั่วมั่นเดินจากไป เฟิงเฉินหันกลับมองซือโม่ด้วยสายตาที่เย็นชาพลางพูดเตือน
“ถ้ามั่นมั่นเป็นอะไรไป มิตรของตระกูลเฟิงในเมืองเจียงนั้นมีอยู่ทั่วทุกมุมโลก คงจะไม่สามารถแข่งขันกับคุณซือได้หรอกนะครับ”
ซือโม่ที่ยืนอยู่บนขอบสนามยิงปืนกำลังเล่นกับปืนพกที่อยู่ในมือ “ที่พูดมาก็ถูก อย่างนั้นแล้วสู้ผมถอนรากถอนโคนตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญญาในอนาคตดีไหมล่ะครับ”
พูดจบ แสงสว่างวาบก็กระทบกับดวงตาของเขา ปลายกระบอกปืนสีดำจ่อมาที่หน้าผากของเฟิงเฉิน
ปืนลูกโม่ที่ดูสวยงามและประณีตนั้นตกกระทบกับแสงเป็นประกาย เพียงแค่ซือโม่เหนี่ยวไกปืนในจังหวะนี้ ในชั่วพริบตาเดียว กระสุนปืนก็จะพุ่งทะลุเข้าไปในศีรษะของเฟิงเฉินจนเลือดกระเซ็นทันที
แต่เฟิงเฉินกลับยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ สายตาเยือกเย็นจับจ้องไปที่ซือโม่พลางพูดอย่างนิ่งเฉย “ถึงแม้จะไม่มีผม คุณก็ไม่มีวันได้ครอบครองมั่นมั่น คุณตื่นตูมมากกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก คุณซือ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น แววตาของซือโม่ก็เผยให้เห็นถึงความโกรธ “คุณคิดว่าผมไม่กล้ายิงคุณจริงๆงั้นเหรอ ที่นี่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของตระกูลซือและกฎหมายไม่คุ้มครองผู้บุกรุกที่ไม่ได้รับเชิญเช่นคุณ คุณเฟิง”
“คุณจะทำแบบนี้ก็ได้ หรือคุณจะถอนตัวตอนนี้ก็ได้ แต่ไม่รู้ว่าคุณจะเคยได้ยินประโยคนี้หรือเปล่า ที่กล่าวไว้ว่าคุณไม่มีทางเอาชนะคนที่ตายไปแล้ว”
ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขา ถึงซือโม่จะคิดอยากเอาชนะเขา ก็ไม่มีทางทำได้
ซือโม่ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เขาดูตกใจและค่อยๆวางปืนลง เวลาผ่านไปพักใหญ่แล้วจึงเอ่ยปาก “จอร์น ส่งคุณเฟิงที”
พ่อบ้านรับคำสั่งและรีบผายมือบอกทาง “คุณเฟิง เชิญทางนี้ครับ”
หลังจากที่เฟิงเฉินออกจากคฤหาสน์ตระกูลซือ เขาก็โทรหาหลี่สู้ทันที
“เช็คข้อมูลคนๆนึงให้ฉันหน่อย ชายคนที่เข้าออกคฤหาสน์ตระกูลซือ วันนี้เวลาประมาณบ่ายสามโมง ตัวตนไม่ชัดเจน ชื่อว่าจอยซ์”
ฝั่งของหลี่สู้ก็ส่งสัมภาระของทั้งสองคนไว้ที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว
“ครับ ประธานเฟิงครับ เราจะเดินทางกันเมื่อไหร่ดีครับ”
ในโทรศัพท์ เฟิงเฉินเงียบไปครู่หนึ่ง
“มั่นมั่นกลับมาเมื่อไหร่ พวกเราก็ไปกันเมื่อนั้น”