ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 175
บทที่ 175 ฉันยอมลาออกเอง
“ค่ะ” ลั่วมั่นเหลือบมองส้งชิงหรู ก่อนที่จะอธิบาย “เล่อสวี้มีความสามารถมาก เธอช่วยฉันได้เยอะมากหลังจากที่ย้ายมาอยู่ฝ่ายขายที่สอง เอกสารในมือท่าน ยอดที่เพิ่มขึ้นของเดือนนี้เป็นฝีมือของเธอ เพราะงั้นฉันรู้สึกว่าเธอเหมาะสมกับตำแหน่งนี้”
“จากพนักงานตัวเล็กๆ เนี่ยนะ?”
ลู่จิ่งจูจัดประโยคของเธอ ด้วยเสียงสูง “เธอคิดว่าที่นี่เป็นสนามเด็กเล่นหรือยังไง? ที่เธอต้องการสนับสนุนใครก็ได้งั้นเหรอ?”
ในห้องเงียบสนิทแม้แต่เสียงเข็มตกพื้นก็ได้ยินชัดเจน
ทุกคนเหลือบพิจารณาปฏิกิริยาของลั่วมั่น เมื่อถูกแม่ยายสั่งสอนต่อหน้าทุกคนแบบนี้ ในเวลาแบบนี้ต้องอับอายมากแน่
ผ่านไปสักพัก ลั่วมั่นพ่นลมหายใจออกมา
“ประธานลู่พูดถูก ไม่รู้ว่าประธานลู่ตัดสินใจว่าอย่างไรบ้าง”
“ความจริงพิสูจน์ให้เห็นว่า เธอไม่เหมาะสมแก่ตำแหน่งผู้อำนวยการของฝ่ายขาย”
เมื่อจบประโยค สถานการณ์โกลาหล
ช่วงเวลานี้ทุกคนได้เห็นความพยายามของลั่วมั่นอยู่ในสายตา ความสามารถของเธอเหนือกว่าคนทั่วไปจริงๆ ในระยะเวลาอันสั้นเธอสามารถทำให้ตัวเลขของฝ่ายขายเพิ่มขึ้น12เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน นี่เป็นสิ่งที่คนธรรมดายากนักที่จะทำได้
แม้แต่จะไม่ใช่ความดีความชอบของเธอแค่คนเดียว แต่วิธีการดึงความสามารถของคนออกมาใช้ เป็นสิ่งที่น่าทึ่ง
คิ้วทั้งสองข้างของเฟิงเฉินขมวดเข้าหากันแน่น มารดาของเขาเข้มงวดในด้านนี้เสมอเขารู้ดี แต่การที่เธอเข้ามาที่บริษัทโดย ไม่ไว้หน้าภรรยาของเขาเลยสักนิด นี่เป็นครั้งแรก สงสัยนอกจากเรื่องนี้แล้ว คงยังมีจุดประสงค์อื่นอีก
ในขณะที่เขาคิดที่จะปริปากเพื่อช่วยลั่วมั่นนั้น แต่กลับได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างแผ่วเบา “ค่ะ ฉันยอมไปลาออกที่ฝ่ายขายเอง” ลั่วมั่นกวาดสายตาไปรอบห้องประชุมอย่างไม่สลดและขัดขืนใดๆ
“ทุกคนเป็นพยาน การประชุมเมื่อเดือนก่อน ฉันเคยให้คำมั่นเอาไว้ ว่าหากยอดของเดือนไม่เพิ่มขึ้น15เปอร์เซ็นต์ ฉันจะคืนตำแหน่งทั้งหมด ลาออกจากบริษัทH.Y. ฉันพูดได้ทำได้”
ลู่จิ่งจูไม่คิดเลยว่าเธอจะตอบตกลงอย่างรวดเร็วขนาดนี้ ความตกตะลึงของเธอเผยออกมาให้เห็นจากดวงตาทั้งสองข้าง
“แต่ฉันมีข้อแลกเปลี่ยน” เธอหันไปทางลู่จิ่งจูด้วยความเคารพ “ประธานลู่ จะรับข้อเสนอของฉันได้หรือไม่?”
ลู่จิ่งจูมีอารมณ์ที่ซับซ้อน เธอลังเลอยู่ครูหนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“เธอว่ามาสิ”
“ความสามารถของเล่อสวี้ทุกคนประจักษ์แก่สายตา ยอดขายที่เพิ่มขึ้น12เปอร์เซ็นต์มีใครบ้างที่สามารถทำได้ เพราะงั้นจะให้ฉันลาออกนั้นได้อยู่แล้ว แต่ฉันสนับสนุนให้เล่อสวี้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายขาย”
“เป็นไปได้ยังไง?” ส้งชิงหรูตกตะลึง จนส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่รักษาภาพลักษณ์ “ครั้งนี้เธอเพียงแค่โชคดี ที่ได้มาโครงการหนึ่งเท่านั้น หากทุกคนทำยอดที่น่าทึ่งเพียงเพราะได้รับโครงการใหญ่ ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าทุกคนก็เป็นผู้อำนวยการได้น่ะสิ?”
“โชคงั้นเหรอ? โครงการใหญ่งั้นเหรอ?” ลั่วมั่นเหลือบมองเขา พร้อมแดกดัน “เท่าที่ฉันรู้ ก่อนหน้านี้โรงแรมในเครือH.Y.อยู่ในความดูแลของรองผู้อำนวยการส้งมาตลอดหนึ่งปีเต็ม ในหนึ่งปีนั้นขาดทุนมาโดยตลอดนี่นา ทำไมไม่เห็นว่ารองผู้อำนวยการส้งจะโชคดีบ้างเลยล่ะ? คงลำบากคุณแย่”
“พอได้แล้ว” ลู่จิ่งจูเบื่อหน่ายกับการนั่งฟังการโต้แย้ง เธอเคาะโต๊ะอย่างไร้ความอดทน “เรื่องนี้ฉันจะพิจารณา ผลการตัดสินจะเป็นอย่างไรประธานเฟิงเองก็มีการตัดสินใจของเขาเอง พวกคุณมัวทะเลาะกันอยู่ในนี้จะมีประโยชน์อะไร ลืมสถานะตัวตนไปหมดแล้วใช่ไหม?”
จบการประชุม ลู่จิ่งจูตามเฟิงเฉินไปที่ห้องทำงานของเขา
พร้อมปิดประตู
“แม่ครับ วันนี้ท่านมาที่นี่เพื่ออะไรกันแน่?”
“แกยังคิดที่จะปิดบังฉันไปถึงไหน?” ลู่จิ่งจูไม่สบอารมณ์ “แกบอกฉันมา หลายวันมานี้ มั่นมั่นไปอยู่ที่ไหน? แล้วแกไปอยู่ที่ไหนมา?”
เสียงตวาดดังกึกก้องไปทั่วห้องทำงาน เฟิงเฉินกระตุกวูบไปเล็กน้อย