ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 177
บทที่ 177 ฉันไม่ลำบาก
“ฉันไม่ได้อยากได้ตำแหน่งอะไร” น่าน่าสีหน้านิ่งขรึม ดวงตาแดงก่ำ “หลังจากที่คุณมาบรรยากาศของแผนกเราดีขึ้นมาก ไม่รู้สึกมาคุเหมือนแต่ก่อนแล้ว ทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างมิตรภาพ ตั้งใจทำหน้าที่ของตนเอง เรื่องอะไรที่อยากจะให้คุณไปก็ให้คุณไปเลย คุณแม่ของท่านประธานเฟิงไม่มีเหตุผลเลย ฉันได้ข่าวว่าในอดีตเธอเป็นผู้ธุรการระดับสูงของบริษัท!”
“พอได้แล้ว” ลั่วมั่นทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นทีท่าของน่าน่าที่เรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเอง ก็รู้สึกปลื้มใจ “ในอนาคตเธอแต่งงานแล้วจะเข้าใจเอง เรื่องงานกับเรื่องครอบครัวอันที่จริงเอามารวมกันไม่ได้หรอกนะ แต่เมื่อเกิดขึ้นกับตัว ทุกอย่างก็พูดยาก”
เธอไม่รู้ว่าเหตุใดลู่จิ่งจูถึงได้บีบให้เธอไร้หนทางในวันนี้ แต่ยังไงต้องมีเหตุผลแน่ เธอเป็นคนที่ไม่มีทางปะทะกับผู้อาวุโส การที่เธอยอมรับในข้อตกลงง่ายๆ เป็นแค่การแก้ปัญหาตรงหน้าก่อนเท่านั้น เธอต้องสืบให้รู้ก่อนว่าเรื่องอะไรกันแน่ที่ให้แม่ยายของเธอโกรธขนาดนี้
“ฉันไม่แต่งงานหรอก”
“ยิ่งพูดยิ่งนอกเรื่องไปไกล” ลั่วมั่นยันกับโต๊ะ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “หากแฟนหนุ่มของเธอรู้ว่าเธอไม่แต่งงานเพราะการยกตัวอย่างของฉัน เขาไม่เกลียดฉันแย่เหรอ?”
“เขาไม่กล้าหรอก?” น่าน่าเลิกคิ้วขึ้น ทำทีท่ามีน้ำโห
ลั่วมั่นลากประโยคคำล่ำลาที่ซาบซึ้งออกไปไกลโพ้น
“ฉันคิดว่าเธอมาที่นี่ยังไงก็ต้องทำหน้าเศร้า ทีท่าน่าสงสารเสียอีก แต่เธอดูไม่เป็นไรเลยสักนิด ฉันคงกังวลมากเกินไปเองล่ะมั้ง?”
น้ำเสียงของชายหนุ่มดังขึ้นที่หน้าห้อง หญิงสาวทั้งสองแหงนหน้าขึ้นไปตามต้นตอของเสียง และได้พบกับเฟิงเฉินที่ยืนกอดอกอยู่หน้าประตู ไม่รู้ว่าเขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทีท่าสดใสของเขาเหมือนกับว่ายืนดูเหตุการณ์มานาน
“ท่านประธานเฟิง” น่าน่าโมโหขึ้นมา เธอกล่าวทักทายอย่างไม่สบอารมณ์
“คุณมาได้ยังไง?” ลั่วมั่นไร้ความโกรธใดๆ ทั้งสิ้น ยังไงซะเธอรู้มาตลอดอยู่แล้ว ลู่จิ่งจูเป็นคนแข็งแกร่ง หากเธอต้องการจะทำอะไร เธอไม่มีทางเจรจาหารือกับเฟิงเฉินแน่นอน เพราะงั้นเขาไม่รู้เห็นด้วยกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
“คุณแม่เพิ่งกลับไป เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ อันที่จริงไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอก ผมกลัวว่าคุณจะเป็นกังวล ก็เลยมาบอกคุณสักหน่อย”
เมื่อได้ยินประโยค ลั่วมั่นเหลือบมองทางน่าน่า “น่าน่าเธอออกไปก่อน ฉันมีเรื่องที่จะต้องคุยกับท่านประธานเฟิง”
ประตูถูกปิดลง เฟิงเฉินเดินเข้าไปยังลั่วมั่น ดึงเก้าอี้ออก ก่อนที่จะหย่อนก้นนั่งลง “แต่คุณว่องไวใช้ได้ บอกจะไปก็เก็บของทันทีเลย เป็นเด็กดีขนาดนั้นเชียวหรือ?”
“ไม่อย่างนั้นแล้วยังไงล่ะ? นั่นแม่คุณนะ ฉันไม่ฟังคำเธอได้ด้วยหรือ?”
ในประโยคที่ปนไปด้วยการถือโทษเล็กน้อย
เฟิงเฉินกระชากเธอกะทันหัน เธออุทานร้องอย่างตกใจ ล้มตัวลงนั่งกับตักของเขา
“ทำอะไรของคุณ?”
เธอต่อต้าน
ที่นี่เป็นห้องทำงานของเธอ มีเพียงกระจกบานเดียวเท่านั้นที่กั้นกลางกับข้างนอก แถมผลลัพธ์ของการเก็บเสียง ก็ไม่ค่อยดีอีกด้วย
เฟิงเฉินเอาเอวของเธอเอาไว้ไม่ปล่อย พร้อมกระซิบที่ข้างหูของเธออย่างแผ่วเบา
“ไม่ต้องลำบากหรอก คุณไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ผมเคยบอกแล้วว่าผมจะช่วยคุณเอง จะไม่ให้คุณต้องเจอกับความลำบากใจอีก”
ประโยคของเขาทำให้ลั่วมั่นหยุดการต่อต้าน ทีแรกเธอไม่รู้สึกลำบากอะไรทั้งนั้น แต่กลับถูกประโยคของเขาบีบน้ำตาจนแตกพราก น้ำตาเอ่อล้นที่ขอบตา พร้อมเอ่ยอย่างฝืนทน “ฉันไม่รู้สึกลำบากเลยสักนิด”
“ยังจะบอกว่าไม่ลำบากอีก” เฟิงเฉินทัดเส้นผมที่ประปรายบนหน้าผากที่หลังหู “จะร้องไห้อยู่แล้ว”
“ใครร้องไห้กัน?” ลั่วมั่นเบือนหน้าหนีไม่อยากให้เขาเห็นสภาพของตน
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลังจากที่แต่งงานกับเขาเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง มีแม่ยายที่เข้มงวด เธอต้องเป็นฝ่ายถอยหลังหนึ่งก้าวเสมอ ไม่เช่นนั้นชีวิตคงจะยากมาก แต่วันนี้เขากลับพูดแบบนี้ออกมากะทันหัน สิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจระเบิดแตกออกมา ฝืนทนไม่ไหวอีกต่อไป