ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 179
บทที่ 197 เราแจ้งความกันดีไหม
ช่วงบ่ายหลังจบการประชุมยอดรายเดือน บริษัทH.Y.ได้ประกาศเรื่องที่ทุกคนต้องตกตะลึงไปตามๆ กัน หนึ่งในนั้นเรื่องที่ทำให้ทุกคนเกิดความประหลาดใจมากที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงของฝ่ายการตลาด
หลังจากการประชุมในครั้งนี้เล่อสวี้ที่เพิ่งโยกย้ายจากพนักงานมาดำรงตำแหน่งรองประธานของแผนก ถูกเฟิงเฉินแต่งตั้งให้เป็นประธานของแผนก ช่วงบ่ายหลังการประกาศในวันเดียวกัน ลั่วมั่นหอบสัมภาระของตนเองไปยังแผนกธุรการ ทุกคนต่างรู้ดี ว่าฝ่ายธุรการของบริษัทH.Y.เปรียบเสมือนยาครอบจักรวาล ต้องประสานงานกับหน่อยงานต่างๆ เมื่อเทียบกับแผนกอื่นๆแล้ว คนในแผนกธุรการล้วนแต่อีคิวสูงทั้งนั้น ไม่เช่นนั้น ก็คงไม่สามารถประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ
แต่แผนกนี้ มีแนวโน้มการเจริญเติบโตน้อยที่สุด หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเป็นเพียงงานเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
ประธานฝ่ายธุรการ ฟังดูเป็นหน้าเป็นตา อันที่จริงก็แค่มีหน้าที่เล็กน้อยเท่านั้น ทำทุกอย่าง หากวันไหนว่างก็ต้องจัดการส่งคนไปเก็บกวาดห้องทำงานของประธาน บางครั้งแม้แต่งานด้านโลจิสติกส์และกิจการทั่วไปของบริษัท ยังต้องรับผิดชอบ
เธอละเลยความสงสารและความเห็นอกเห็นใจของผู้อื่นรอบตัว ลั่วมั่นไร้ข้อกังขาใดๆ ต่อสิ่งนี้ หากเทียบกับการที่ต้องอยู่บ้านทำสวยและช็อปปิ้งเมื่อหลายปีที่แล้ว เธอรู้สึกว่าการหาอะไรทำเวลาจะได้ผ่านไปเร็วขึ้น
เวลาพักเที่ยง ลั่วมั่นเพิ่งเดินออกมาจากการรับประทานอาหารที่โรงอาหาร ทันใดนั้นเธอได้รับสายจากมารดาให้แวะกลับไปที่บ้านหลังเลิกงาน
“สุขภาพของคุณพ่อเกิดเหตุฉุกเฉินงั้นเหรอ?”
“ป่าวหรอก…..แก…..แกกลับมาก่อน หลังจากที่พ่อแกรับสายโทรศัพท์หนึ่งไปเมื่อเช้า เขาก็ล็อกตัวเองไว้ในห้อง นี่ผ่านไปครึ่งวันแล้ว ไม่สนใจใครเลย ฉันไม่สบายใจเลย”
“อะไรนะ?” ลั่วมั่นขมวดคิ้วแน่น “ค่ะ หนูจะกลับไปเดี๋ยวนี้เลย”
งานจองฝ่ายธุรการไม่ยุ่งมากนัก เธอสั่งการกับเลขาสั้นๆ เพียงสองประโยค ก่อนที่จะออกจากบริษัทมุ่งตรงไปที่บ้าน
เมื่อถึงบ้าน ประตูห้องทำงานถูกปิดสนิท ผู้เป็นมารดายืนอยู่ที่หน้าห้องด้วยความร้อนใจ
“มั่นมั่น แกดูพ่อของแกนี่เกือบทั้งวันแล้ว ไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด…..”
ลั่วมั่นกุมมือของผู้เป็นมารดาแน่น “ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะแม่ ไม่ต้องใจร้อนไปหรอก หนูจะลองเคาะประตูดู”
“พ่อคะ” ลั่วมั่นเคาะประตูสองสามที “พ่อ นี่หนูเอง มั่นมั่น หนูกลับมาแล้ว”
ในห้องประการตอบสนองแต่อย่างใด
ลั่วมั่นขมวดคิ้วแน่ “พ่อคะ ที่บริษัทมีปัญหาอะไรใช่ไหม พ่อบอกหนูได้นะ หนูจะช่วยพ่อแก้ไขปัญหาเอง พ่ออยู่แบบนั้นคนเดียวจะไปคิดอะไร”
เคาะประตูอยู่นาน แต่ก็ไร้การตอบสนองจากด้านไหนแม้แต่น้อย มารดาลั่วใจร้อนขึ้นมา “มั่นมั่น เราแจ้งความกันดีไหม ฉันกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพ่อแก ฉันจะไปเอาโทรศัพท์” เธอเอ่ย พร้อมกับหันหลังเดินลงไปยังชั้นล่าง
ในเวลานี้เองประตูห้องถูกเปิดออกกะทันหัน น้ำเสียงที่เศร้าหมองแล่นออกมาจากในห้อง
“แจ้งความอะไรกัน? ผมแค่คิดอะไรในห้องเท่านั้นเอง คุณจะเอะอะโวยวายอะไร แถมยังเรียกลูกสาวเรากลับมาอีก ตอนนี้เธอทำงานที่บริษัทH.Y. ก็ยุ่งมากพออยู่แล้ว ทำไมไม่รู้จักคิดซะบ้างเลย” เมื่อเห็นว่าผู้เป็นพ่อไม่เป็นอะไร ลั่วมั่นถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “คุณแม่ก็แค่เป็นห่วงท่านเท่านั้นเอง ท่านอายุมากแล้ว ทำไมถึงได้ล็อกตัวเองไว้ในห้องแบบนั้นล่ะ? หากเป็นอะไรขึ้นมาแล้วเรามาไม่ทันการขึ้นมาล่ะ อย่าทำให้เราเป็นห่วงสิคะ?”
“นั่นสิ” มารดาลั่วสมทบด้วยอีกเสียง “แถมคุณยังว่าฉันอีก ฉันคิดมากไปเองแหละ”
“พอได้แล้ว” บิดาลั่วไร้ความอดทนขึ้นมา “ลูกสาวเข้าข้างคุณหน่อยได้ใจเลยนะ ไปต้มน้ำชา ลูกสาวกลับมาพอดี ผมจะคุยกับเธอสักหน่อย”
มารดาลั่วไม่โมโหแต่อย่างใด เธอเดินลงไปยังชั้นล่างพร้อมกับบ่นพึมพำอยู่คนเดียว ส่วนลั่วมั่นประคองบิดาเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นขวดยามากมายบนโต๊ะ เธอตระหนกสุดขีด