ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 184
บทที่ 184 แต่ผมมีข้อเสนอ
“ประธานของบริษัทซิงกุ่ยคุณลู่เขามีนิสัยดีมาก คนที่อยู่ใกล้เขาต่างบอกว่าเขาเป็นคนสง่า เพราะงั้นประธานลั่ว ไม่ต้องตื่นเต้นไป”
ในห้องน้ำชา น่าน่าอยู่ข้างลั่วมั่น ตรวจสอบเอกสารอยู่หลายสิบรอบ
ลั่วมั่นยกกาแฟขึ้นจิบ พลางเหลือบทางหญิงสาว
“เธอดูยังไงว่าฉันตื่นเต้น?”
“คือฉัน…..” น่าน่ากัดฟันแน่น “ก็ได้ ฉันตื่นเต้นเอง”
หลังจากที่ลั่วมั่นย้ายมาอยู่ฝ่ายธุรการไม่นาน น่าน่าเองก็ถูกย้ายมาด้วย ผลการประเมินบอกว่าเธอเหมาะกับการอยู่ฝ่ายธุรการเสียมากกว่า อันที่จริงลั่วมั่นรู้ดี เฟิงเฉินคงกลัวว่าเธอจะเบื่อ ก็เลยหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนแก้เหงาเท่านั้น
น่าน่าเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ไม่มีความทะเยอทะยาน ปกติเธอมักเป็นคนตื่นตูม ตอนที่อยู่ฝ่ายขายมักใจร้อน ย้ายมาอยู่ฝ่ายธุรการดีหน่อย เวลาว่างก็สามารถแทะเมล็ดทานตะวันพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานได้
“ประธานลั่วนี่อยู่ว่างๆ ไม่ได้จริงๆ เลยนะคะ อุตส่าห์ได้ย้ายมาอยู่ฝ่ายธุรการ แต่ตัวเองกลับไปต่อคิวหาเรื่องใส่ตัว ฉันเองก็ต้องพลอยถูกทำโทษไปด้วย ฉันตื่นเต้นจะตายอยู่แล้ว”
“น่าน่า หากเธอไม่เต็มใจจะกลับไปก็ได้”
“จริงเหรอคะ ถ้างั้นฉันกลับก่อนนะคะ”
“ได้ข่าวว่าคนที่มาเจรจากับเราในครั้งนี้คือดาวใหม่แห่งวอลล์สตรีท หน้าตาดีนิสัยดีแถมร่ำรวยอีกด้วย”
“เอ่อ…..ฉันว่าฉันควรจะร่วมสู้ไปกับประธานลั่ว”
“น่าจะอัดเสียงเก็บไว้ให้แฟนของเธอได้ฟังนะ”
ระหว่างที่ทั้งสองหยอกล้อกันอยู่นั้น เงาร่างที่อยู่ในเสื้อกั๊กสีน้ำตาลเดินเข้ามาในอาหาร ซึ่งสวมทับด้วยเสื้อสูทสีเดียวกัน หลังจากที่เอ่ยถามพนักงาน ก็หันไปทางลั่วมั่น ภายใต้แว่นตากรอบทอง ปรากฏสายตาที่คมกริบ
“คุณลั่ว?”
“คุณลู่” ลั่วมั่นส่งมรอยยิ้มตอบทันที พร้อมกับลุกขึ้นยืน “ใช่สิ นี่เป็นเลขาของฉัน น่าน่า”
“ปล่อยให้รอซะนานเลย ต้องขอโทษด้วย เมืองเจียงรถติดมาก” ลู่หมิงเหมือนกับคำร่ำลือไม่ผิดเพี้ยน สง่าผ่าเผยเป็นสุภาพสุบุรุษ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เราเองก็เพิ่มมาได้ไม่นาน”
หลังจากที่กล่าวคำทักทายไป ทั้งคู่ก็เข้าประเด็นทันที
“ผมคิดว่าคุณลั่วน่าจะติดต่อกับบริษัทโปรแกรมประเภทเดียวกับเรามาก่อนแล้วใช่ไหมครับ?” ลู่หมิงวางแก้วกาแฟลง สีหน้าเรียบเฉย “เราเปิดใจพูดกันตามตรงเลยดีไหมครับ ว่าปฏิกิริยาของพวกเขาเป็นยังไง?”
ลั่วมั่นตั้งใจหลีกเลี่ยงประเด็นสำคัญ
“ถ้างั้นฉันก็จะเปิดใจพูดตามตรง ราคาของอีกสองที่ที่ให้เรามาต่ำกว่าของคุณลู่จริงๆ นั่นแหละค่ะ”
“แต่สองที่นั่นคงทำการบำรุงซ่อมแซมทั้งหมดได้ใช่ไหมครับ การรักษาซ่อมแซมโปรแกรมหลังจากนั้น พวกเขาคงค่อนข้างคลุมเครือสินะครับ” ลู่หมิงมองเกมขาดรอย “การซ่อมแซมรักษา บริษัทซิงกุ่ยแม้ว่าจะไม่ใช่บริษัทที่มีชื่อเสียงที่สุด แต่วิธีการทางเทคนิคและเจ้าหน้าที่เราฝีมือดีที่สุด ผลการใช้งานที่ตามมาหลังจากนั้น เราเหมาะสมที่สุด”
ประโยคที่เรียบง่าย ล้มลั่วมั่นได้อยู่หมัด
จริงนั่นแหละ สองที่นั่น อันที่จริงเขาไม่รับประกันผลการใช้งานหลังจากนั้น อาจก่อให้เกิดการใช้งานบางอย่างที่ไม่ได้ประสิทธิภาพดี อาจนำไปสู่การตลาดที่เน่าเปื่อยได้
ดังนั้นไม่ว่าจะเปรียบเทียบอย่างไร ตัวเลือกสุดท้ายของพวกเขา เหลือเพียงแค่บริษัทซิงกุ่ยเท่านั้น
“คุณลู่เป็นคนตรงไปตรงมา ถ้างั้นคุณหมายความว่า ราคานี้ลงอีกหน่อยไม่ได้แล้วเหรอคะ?” ลั่วมั่นตัดสินใจที่จะรักษาโอกาสเป็นครั้งสุดท้าย “อันที่จริงฉันได้ข่าวว่าคุณลู่มีจุดประสงค์ที่จะเปิดบริษัทภายในประเทศ หากสามารถร่วมมือกับบริษัทH.Y.ในระยะยาว อนาคตเราเองก็จะได้ไปมาหาสู่ช่วยเหลือกัน”
“ราคาผมสามารถลดได้อีกร้อยละห้า แต่ผมมีข้อเสนอ ไม่รู้ว่าคุณลั่วจะรับคำผมได้หรือไม่”