ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 191
บทที่ 191 มีคนวางแผนอยู่เบื้องหลัง
“เจตนาทำร้าย? เป็นไปได้อย่างไร? พวกคุณก็เชื่อเรื่องไร้สาระบนอินเทอร์เน็ตพวกนั้นเหรอคะ?”
ในสถานีตำรวจ ลั่วมั่นแทบจะไม่สามารถระงับความโกรธของเธอได้ “อยู่ๆ พวกคุณก็พาฉันมาที่นี่ พวกคุณมีหลักฐานอะไรที่พิสูจน์ได้ว่าฉันจงใจทำร้ายเธอคะ?”
ตำรวจที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมองไปที่เธออย่างดูถูก “อีกไม่นานก็รวบรวมหลักฐานได้แล้ว สิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้คือถ้าผมถามอะไรคุณลั่วก็ต้องตอบตามนั้น ไม่เช่นนั้นอย่าได้กล่าวโทษพวกผมถ้าใช้วิธีเผด็จการนะครับ”
หัวใจของลั่วมั่นบีบแน่น “ฉันขอโทรหาสามีของฉัน”
“ขอโทษด้วยครับ ตอนนี้ไม่ได้”
ตำรวจเปิดสมุดบันทึกและพูดอย่างเป็นทางการว่า “เมื่อวานเวลา 14:50 น. คุณกับผู้ช่วยของคุณไปซื้อกาแฟและเอาไปที่สตูดิโอ เพื่อจะนำไปให้คนในสตูดิโอดื่ม อย่างนั้นใช่ไหมครับ?”
ลั่วมั่นรู้ดีว่าถ้าเธอไม่ให้ความร่วมมือในตอนนี้จะต้องลำบากแน่ๆ ทำไมเรื่องมักจะเกิดขึ้นในตอนที่เฟิงเฉินไม่อยู่ในประเทศตลอดเลย ลำบากและไม่มีใครสามารถช่วยเหลือได้
“ค่ะ”
“มีคนเห็นว่าคุณไปที่ห้องแต่งตัวของหลัวแมนจีพร้อมกับกาแฟหนึ่งแก้ว คุณไปทำอะไรครับ?”
“ส่งกาแฟค่ะ”
“แค่ส่งกาแฟ?” สีหน้าของตำรวจวัยกลางคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเคร่งขรึมขึ้นมา และสูดลมหายใจเล็กน้อย “ไม่ได้เกิดความขัดแย้งอะไรเลยเหรอครับ?”
“ความขัดแย้งที่ว่านี่หมายความว่าอะไรคะ?”
“ใช้กำลัง”
“ไม่มีค่ะ เราไม่ได้สัมผัสตัวกันแม้แต่น้อย”
“ความหมายคือมีปากเสียงกันอย่างนั้นใช่ไหมครับ”
น้ำเสียงของตำรวจวัยกลางคนมุ่งมั่นมาก และไม่ได้ถามเธอว่าเธอหมายถึงอะไร
ลั่วมั่นรู้สึกโกรธขึ้นมา
“คุณ……”
“โอเคครับ คำถามต่อไป หลังจากออกมาจากห้องแต่งตัว คุณได้พบสลิงถ่ายหนังในสตูดิโอไหมครับ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คิ้วของลั่วมั่นก็ชะงัก
การแสดงออกเพียงเล็กน้อยนั้นอยู่ในสายตาของตำรวจ และสายตาของเขาก็เย็นขึ้นมา “คุณลั่ว ผมแนะนำให้คุณพูดความจริงและอย่าปิดบังอะไรเลย”
หลังจากเงียบไปนาน ลั่วมั่นก็เงยหน้าขึ้น
“ฉันขอปฏิเสธที่จะตอบทุกคำถามที่คุณถาม ไม่ว่าคุณต้องการถามอะไร ได้โปรดคุยกับทนายของฉันนะคะ”
“คุณอย่าทำเป็นไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดีเลยครับ”
“เป็นเพราะฉันไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดีเหรอคะ?” นัยน์ตาของลั่วมั่นเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “เป็นเพราะฉันไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี หรือว่าตำรวจอย่างพวกคุณกำลังสมรู้ร่วมคิดกับใครกันแน่คะ?”
ไปนำตัวเธอออกมาจากโรงพยาบาลเพียงเพราะข่าวลือในอินเทอร์เน็ต จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานอะไรเลย ทำได้แค่ถามคำถามกับเธอไปเรื่อย ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร ตำรวจก็พร้อมที่จะกักขังเธอแล้ว ถ้านี่ไม่ใช่สมรู้ร่วมคิดกับใครสักคนจะเป็นอะไรได้อีก?
ตำรวจวัยกลางคนตบโต๊ะและพูดอย่างไม่พอใจ “คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร? พวกเราทุกคนทำตามระเบียบและขั้นตอน คุณควรอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดในวันนั้น และถ้าคุณพ้นข้อสงสัยแล้วถึงจะสามารถกลับได้”
“เหรอคะ?” ลั่วมั่นสงสัย “ถ้าคุณได้คำตอบว่าฉันได้พบกับสลิงถ่ายหนังคุณจะทำอย่างไร?”
“สอบสวนขึ้นต่อไป สอบสวนผู้คนที่อยู่ที่นั่น และพยานทั้งหมด”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอถามคุณสักหน่อย พยาน ผู้คนที่อยู่ที่นั่น หรือว่าจะเป็นผู้รับผิดชอบของสลิงถ่ายหนังบุคคลที่สำคัญที่สุดเหล่านั้น คุณตำรวจได้สอบถามทีละคนแล้วหรือยังคะ?”
สีหน้าของตำรวจวัยกลางคนเปลี่ยนไป
“คงไม่ใช่ไหมคะ?” ลั่วมั่นยิ้มเยาะ “คุณไม่ได้ถามผู้รับผิดชอบที่เป็นบุคคลที่สำคัญที่สุด แต่ฉันกลับกลายเป็นผู้ต้องสงสัยคนแรก และสิ่งที่น่าขันก็คือ ใครเป็นคนแจ้งคุณว่าเมื่อเช้านี้ฉันอยู่ในโรงพยาบาล สถานีตำรวจนี่ได้รับข่าวสารไวจริงๆ เลยนะคะ”
เมื่อเธอพูดจบ ใบหน้าของตำรวจวัยกลางคนก็ซีดเซียว และเขาก็เปิดประตูห้องสอบสวนด้วยความละอายและโกรธ “เสี่ยวหลี่ มาพาเธอไปไว้ในห้องกักขัง และปล่อยให้เธอสำนึก”
ลั่วมั่นพ่นลมหายใจออกอย่างช้าๆ
ตอนแรกก็ยังไม่แน่ใจ แต่ปฏิกิริยาของตำรวจในขณะนี้ยืนยันทุกอย่างตามที่เธอคาดไว้ เหตุการณ์นี้มีคนวางแผนอยู่เบื้องหลัง