ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 21
บทที่ 21 เห็นได้ว่าปกป้องภรรยา
ในห้องพิเศษล้วนแต่เป็นเพื่อนของเฟิงเฉิน แม้ว่าไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กับลั่วมั่นเป็นการส่วนตัว แต่พวกเขาเคยเจอกันในงานเลี้ยง แต่น้อยครั้ง อีกทั้งพวกเขาไม่รู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนี้จะมีความหมายกับเฟิงเฉิน ใครๆ ก็เลยไม่จริงจังเท่านั้นเอง
เมื่อลั่วมั่นปรากฏตัว ณ ที่แห่งนี้ ทำให้บรรยากาศภายในห้องพิเศษเปลี่ยนไป ทุกคนต่างแสดงความประหลาดใจ มองไปทางลั่วมั่นที มองไปที่เฟิงเฉินที แล้วก็จ้องมองซึ่งกันและกัน
ใครๆ ก็ไม่เคยเห็นเฟิงเฉินมางานเลี้ยงของพี่น้อง แถมยังพาผู้หญิงของตัวเองมาด้วย
สายตาของทุกคนมองไปที่ตัวเอง ขณะนั้นลั่วมั่นวิตกกังวล ยืนเก้ๆ กังๆ จะเข้าก็ไม่จะถอยก็ไม่
ทันใดนั้นชายผู้ดึงเธอเอาไว้มีสติกลับคืนมา ดึงมือกลับมาตบที่แก้มของตัวเอง “ฉันผิดเอง ฉันผิดเอง มีตาหามีแววไม่ ไม่รู้ว่าอาซ้อจะมา ฉันขอขมาโดยการดื่มให้หนึ่งแก้ว”
ขณะพูด เขาก็หันกลับไปมองทุกคน “นี่คือภรรยาของเฟิงเฉิน เพิ่งมาเป็นครั้งแรก แต่ทุกคนก็เคยเจอมาแล้ว ไม่ต้องแนะนำอะไรมาก เรียกเธอว่าอาซ้อล่ะกัน”
ลั่วมั่นเป็นคนสวย เมื่อได้สวมชุดOLอยู่ท่ามกลางต่อหน้าสาวๆ ทั้งหลายกลับทำให้เธอเหมือนดอกบัวเบ่งบานบริสุทธิ์ ชายหลายคนต่างแอบมองเฟิงเฉินด้วยสายตาอิจฉา เรียกอาซ้อด้วยความกระตือรือร้น จนทำให้บรรยากาศกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“อาซ้อมาแล้ว พวกเรามาดื่มกัน?”
“ดื่ม ต้องดื่ม? มามามา เทให้อาซ้อเต็มแก้ว”
ขณะที่ลั่วมั่นกำลังจะรับแก้วไป มีมือข้างหนึ่งยื่นมาหยุดตรงหน้าเธอไว้ ขวางแก้วใบนั้นไว้ หูได้ยินเสียงเย็นชาที่คุ้นเคย “จื่อหยาง แก้วเมื่อกี้ที่คุณใช้ลงโทษตัวเองยังไม่ได้ดื่มเลย นี่เรียกว่าฉวยโอกาสไหม?”
ลั่วมั่นตะลึง ที่นั่งที่เธอนั่งอยู่ห่างจากเฟิงเฉิน แต่ทำไมดูเหมือนเขาจะอยู่ข้างหลังเธอได้นะ?
จ้าวจื่อหยางถลึงตาด้วยความไม่พอใจ
“ใครว่าฉวยโอกาส เหล้าฉันก็ยังอยู่นี่ ขนาดนั้นเชียว ดื่มก็ดื่ม”
พูดจบ ก็ดื่มหมดแก้ว ดื่มเสร็จยังหันไปมองลั่วมั่นอย่างสงบนิ่ง “อาซ้อ แก้วนี้ถือเป็นการขอขมา แก้วต่อไป….”
“ในเมื่อคุณคอแข็ง งั้นแก้วต่อไปคุณก็ดื่มแทนอาซ้อของคุณ ถือซะว่าเป็นของขวัญสำหรับอาซ้อของคุณ”
ลมหายใจพัดเข้าทางหูของเฟิงเฉิน ลั่วมั่นรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง
ทุกคนต่างหัวเราะ
“จื่อหยาง ทุกคนต่างเห็นชัดเจนว่าเป็นการปกป้องภรรยา คุณยังจะดันทุรัง มีความสุขนักหรือไง?”
จ้าวจื่อหยาง มีสีหน้าโกรธไม่พอใจ
“เฟิงเฉิน อย่าทำแบบนี้เลย พี่น้องก็เหมือนแขนขา ผู้หญิงก็เหมือนเสื้อผ้า?”
คำพูดนี้พูดต่อหน้าลั่วมั่นดูไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่มีเสียงสอดแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“จ้าวจื่อหยาง คุณเป็นมือและเท้าตะขาบ ตัดไปก็มีใหม่ไม่รู้จักจบสิ้น อาซ้อก็เหมือนเสื้อฤดูหนาว คุณมีความสามารถที่จะลองไหมล่ะ?”
ชายหนุ่มที่พูดสวมเสื้อเชิ้ตสีไวน์แดง ซึ่งลั่วมั่นเคยพบไม่กี่ครั้ง จำได้ว่าชื่อ กวนเส้าหยู้ เป็นคนสง่างาม รักอิสระ ปากหวานเป็นที่พอใจของหญิงสาว รูปหล่อไม่เบา เป็นคู่แข่งกับเฟิงเฉินได้สบาย
ทุกคนหัวเราะไปหมด แม้แต่ลั่วมั่นเองที่ไม่ได้ประทับใจอะไรในตัว กวนเส้าหยู้ ก็ยังอดหัวเราะไม่ได้ มีเพียง จ้าวจื่อหยาง ที่มองด้วยความโกรธจนหน้าแดง
ในที่สุดเมื่อเห็นใบหน้าของ จ้าวจื่อหยาง โกรธจนเป็นสีแดงเข้ม กวนเส้าหยู้ ยิ้มตาหรี่ใช้วิธีประนีประนอม โดยการเล่นไพ่สี่ขา ใครแพ้ดื่มเหล้า
เมื่อได้ยินว่าเล่นไพ่ ลั่วมั่นรีบปฏิเสธทันควัน “ฉันเล่นไม่เป็น ฉันไม่เอาด้วย ขอยืนดูอยู่ข้างๆ ล่ะกัน”
“ไม่เป็นไร ฉันสอนคุณเอง”
เมื่อได้ยินเสียงเฟิงเฉิน ลั่วมั่นหันกลับไปโดยไม่รู้ตัว ปะทะเข้ากับความอบอุ่นที่แสดงออกมา จนแทบจะปิดกั้นไม่อยู่