ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 213
ต้องพาเด็กคนนี้กลับบ้านตระกูลเฟิงให้ได้
สีหน้าท่าทางของเฟิงเฉินโอบอ้อมอารี ด้วยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เหมาะสมว่า
“ใครชอบเธอ ใครไม่ชอบเธอ ผมไม่อยากรู้ ภรรยาของผมไม่จำเป็นต้องเลียแข้งเลียขาคนอื่นเพื่อใช้ชีวิต แม้ว่าพี่จะเป็นพี่ชายของผม เธอก็ไม่จำเป็นต้องทนดูพี่ชักสีหน้าใส่ ผมชอบเธอ ก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นพี่น่าจะเข้าใจความหมายของผมนะครับ ”
เฟิงเฉินใช้ชีวิตมาสามสิบกว่าปี และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินน้องชายพูดอย่างจริงจังเช่นนี้
หากได้ยินจากปากของคนอื่น เธอก็คงจะคิดว่าคนๆนั้นพูดจาเหลวไหล แต่ว่าตอนนี้เฟิงเฉินพูดต่อหน้าเขา แล้วคำพูดยังแฝงนัยยะข่มขู่อีกต่างหาก
ผมชอบก็เพียงพอแล้ว
“นายชอบ?เมื่อกี้นี้นายบอกว่านายชอบหล่อน?เฟิงเฉิน พี่รู้จักนายมาหลายปี ไม่เคยได้ยินว่านายชอบอะไรสักอย่างเลย นายกำลังล้อเล่นกับพี่อยู่ใช่ไหม?”
“พี่จะคิดว่าผมล้อเล่นก็ได้นะครับ”เฟิงเฉินค่อยๆเช็ดมือ,“หากพี่กล้าชักสีหน้าใส่มั่นมั่น ผมคิดว่าพ่อกับแม่ก็คงเห็นสาเหตุของการหย่าร้างใครบางคนเป็นเรื่องล้อเล่น”
“นายข่มขู่พี่?”
“ผมไม่ได้ข่มขู่” เฟิงเฉินยิ้ม “ก็แค่เตือนพี่สาวของผม”
ขณะที่พุด เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น หลังจากที่เขาเหลือบตามองหน้าจอโทรศัพท์ คิ้วของเขาก็ขมวดเล็กน้อย จากนั้นก็กดตัดสาย
เฟิงจิ่งเห็นพอดีจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อ ถามขึ้นว่า
“ทำไมถึงไม่รับสายโทรศัพท์ของเฟิงเซิ่ง?”
“เขาติดต่อผมก็คงอยากจะให้ผมช่วยพูด คงจะไม่มีเรื่องอื่น เรื่องนี้ผมช่วยไม่ได้จริงๆ”
“ทำไมจะช่วยไม่ได้ล่ะ นายก็แค่ช่วยพูดกับแม่ให้หน่อย เพราะถึงยังไงพ่อก็ต้องช่วยแม่อยู่แล้ว”
“พี่คิดว่าพ่อเชื่อฟังแม่ทุกเรื่องจริงๆเหรอ?”เฟิงเฉินยิ้ม “เรื่องๆนี้ผมช่วยไม่ได้จริงๆ พี่คิดว่าถ้าผมกับแม่เห็นด้วยที่จะให้เฟิงเฉินแต่งงานกับน๋อนน๋อนพี่คิดว่าพ่อจะคิดยังไง?เขาก็คงคิดว่าพวกเรามีวัตถุประสงค์อื่น”
เฟิงจิ่งขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆก็โบกมือ “เรื่องพวกนี้ผมไม่สนใจเหรอ อย่าดึงผมเข้าไปเกี่ยวข้องก็แล้วกัน”
ตอนเย็นเฟิงจิ่งเดินตามหลังเฟงเฉินเพื่อกับไปกินข้าวที่คฤหาสน์เฟิง
สำหรับเรื่องทะเลาะเบาะแว้งเมื่อตอนกลางวัน ทุกคนต่างไม่ได้เอ่ยถึง และก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องเฟิงเซิ่งกับน๋อนน๋อน
เดิมที่ลั่วมั่นคิดว่าพ่อเฟิงจะไม่ลงมากินข้าว เพราะเมื่อกลางวันทะเลาะกับแม่สามีทำให้ไม่พอใจ เลยคิดไม่ถึงว่าพ่อเฟิงจะลงมากินข้าวเย็น สีหน้าก็พอดูได้ ราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อย
แต่พ่อเฟิงกลับถามถึงแม่ของเธอ
“ได้ยินมาว่าช่วงนี้เฟิงเฉินกับลั่วมั่นกลับไปเยี่ยมบ้านพ่อแม่ของลั่วมั่นมา สุขภาพของพ่อลั่วมั่นเป็นยังไงบ้าง?”
ลั่วมั่นรีบวางตะเกียบลงเพื่อตอบกลับ
“ก็ดีค่ะ ส่วนใหญ่ก็เป็นโรคคนแก่ ขอบคุณค่ะพี่พ่อเป็นห่วง”
“อืม ก็จริง อายุขนาดนี้ควรจะเกษียณแล้ว หลังจากเกษียณก็จะกลายเป็นคนว่างงานแล้ว พวกเราก็คงจะได้มีโอกาสไปมาหาสู่กันมากขึ้น ไปเล่นหมากรุก ไปตกปลาด้วยกัน”
“หนูจะลองคุยกับพ่อดูนะคะ พ่อก็ถึงเวลาที่ควรจะเกษียณแล้วค่ะ”
“อืม” พ่อเฟิงพยักหน้า “มั่นมั่นพ่อจำได้ว่าเธอไม่มีพี่น้อง?”
“ค่ะ มีแต่ลูกพี่ลูกน้อง ที่ช่วยพ่อของหนูดูแลกิจการ”
“ลูกพี่ลูกน้องจะสนิทใจกว่าสายเลือดเดียวกันได้ยังไง”คำพูดของพ่อเฟิงคุมเครือ“ลูกกับเฟิงเฉินก็ควรจะมีลูกได้แล้ว มีหลายๆคนหน่อย จะได้ช่วยพ่อของเธอดูแลกิจการของบริษัทลั่วซื่อ”
ลั่วมั่นตะลึงงันครู่หนึ่ง ปกติแล้วเรื่องลูก แม้ว่าพ่อเฟิงจะเร่ง แต่ปกติแล้วก็จะฝากคนอื่นมาบอก ไม่เคยพูดต่อหน้าเธอ แต่ว่าวันนี้……
ขณะที่เธอกำลังสงสัย จู่ๆ พ่อเฟิงก็กระแอม เพื่อเตือนเหมือนมีลางอะไรบางอย่าง จู่ๆก็เปลี่ยนเรื่อง “เรื่องของเฟิงเซิ่งผมไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน พวกคุณก็รู้ แต่ในเมื่อเด็กเกิดขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นยังไง แต่เด็กคนนั้นก็เป็นคนของตระกูลเฟิง จะต้องเอามาให้ได้