ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 214
บทที่ 214 คุณเห็นที่นี่เป็นสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าเหรอ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของแม่สามีลั่วมั่นก็ขรึมขึ้น
เนื่องจากลั่วมั่นรู้ความคิดของแม่สามีก็รู้สึกตรึงเครียด พลางหันไปมองเฟิงเฉิน
และกลับเห็นพี่น้องตระกูลเฟิงกินข้าว ดื่มน้ำอย่างสบายใจ ไม่มีการตอบสนองกลับใดใดทั้งสิ้น ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาใจเย็น หรือว่าไม่ใส่ใจแผนการของแม่ตนเลยแม้แต่น้อย
“ฉันไม่เห็นด้วย” แม่สามีปฏิเสธดั่งที่ลั่วมั่นคาดไว้
สีหน้าของพ่อเฟิงในเวลานี้ก็ดำคล้ำ “เด็กคนนั้นก็ถือว่าเป็นคนในตระกูลเฟิงคนหนึ่ง เป็นลูกของเฟิงเซิ่ง ทำไมคุณถึงไม่เห็นด้วย?”
“คุณไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าทำไมฉันถึงไม่เห็นด้วย?”ลู่จิ่งจูยิ้มอย่างเย็นชา “ตอนนั้นคุณพาลูกนอกสมรสเข้ามาอยู่ในบ้านก็ทีหนึ่งแล้ว แล้วยังจะให้ลูกนอกสมรสพาลูกนอกสมรสของตนเข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่อีก คุณคิดว่าที่นี่เป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเหรอ?”
“ทำไมคุณพูดแบบนี้ล่ะ?”พ่อเฟิงโมโห ปัดมือใส่ถาดแก้วน้ำ จนตกแตกบนพื้น
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ลั่วมั่นตกใจจนเนื้อเต้น
เฟิงเฉินทำเพียงวางแก้วที่อยู่ในมือลงไม่พูดไม่จา เฟิงจิ่งขมวดคิ้วและเรียกให้คนใช้มาเก็บกวาด ราวกับเห็นเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติ
สถานการณ์ต่อไปลั่วมั่นไม่ได้เห็น แต่ตนก็สามารถจินตนาการได้ว่าสถานการณ์จะตึงเครียดขนาดไหน ลู่จิ่งจูไล่สองสามีภรรยารวมทั้งเฟิงจิ่งออกไปข้างนอก คาดว่าต้องการที่จะคุยเรื่องของเด็กคนนั้นให้เรียบร้อย
“แม่ไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน”
ลั่วมั่นรัดเข็มขัดนิรภัย ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ในเวลานี้เธอรู้สึกเพียงว่าเด็กน้อยช่างน่าสงสาร และต้องมารับกับเรื่องที่ตนไม่ได้ก่อ
“ก็ไม่แน่นะ” เฟิงเฉินสตาร์ทรถ สีหน้าเป็นธรรมชาติ “สมัยก่อนพี่ก็บอกว่าแม่ไม่ยอมให้เฟิงเซิ่งเข้ามาอยู่ในบ้านแน่ๆ ก็สุดท้ายก็ได้เข้ามาอยู่ดี”
“นั้นเป็นเพราะว่าใช้อำนาจในการเป็นผู้ถือหุ้นแลกมา”
“ครั้งนี้ก็สามารถทำได้”
“คุณหมายความว่า……” ลั่วมั่นเข้าใจความหมายของเฟิงเฉิน จึงไม่ได้ถามต่อ
ใช่ ในเมื่อเคยใช้อำนาจในการถือหุ้นเป็นเครื่องต่อรองได้แล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ก็เป็นสามารถทำได้เช่นกัน ในมือของพ่อนอกจากจะยังมีหุ้นบริษัทH.Y.อยู่สิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ยังถือหุ้นอยู่อีกหลายบริษัท ทรัพย์สินที่อยู่ในมือไม่ได้มีเพียงแต่หุ้นของบริษัทH.Y.เท่านั้น
ลั่วมั่นไม่ได้สนใจเรื่องทะเลาะเบาะแว้งพวกนี้ เพียงแต่เป็นกังวลว่าเฟิงเฉินจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง จึงถามขึ้นว่า “งั้นเรื่องนี้ คุณจะเข้าไปแทรกแซงไหม?”
“ไม่หรอก”
ลั่วมั่นผ่อนลมหายใจลง ในขณะเดียวกันก็สงสัยว่า “คุณไม่อยากได้ทรัพย์สมบัติของพ่อคุณเหรอ?”
“ของที่ผมอยากได้ผมจะหาด้วยตนเอง ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้หรอก”
เมื่อพูดจบ เฟิงเฉินก็เหลือบมองเธอครู่หนึ่ง มีรอยยิ้มอ่อนๆอยู่ที่หางตา “อีกอย่างหนึ่ง หากผมเข้าไปแทรกแซงเรื่องนี้ เกรงว่าจะมีคนบางคนหึงหวงหาว่าผมยังอาลัยอาวรณ์แฟนเก่าอยู่ ไม่ยอมลืมสักที”
ลั่วมั่นงุนงง ผ่านไปสองสามนาทีถึงได้สติกลับมา รู้ว่าเขาต้องพูดแบบนี้เพื่อแขวะเธอ พูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “ใครหึงกัน?ใครคิดอยู่แต่เรื่องนั้น ใครสนกันว่าคุณจะใส่ใจกับแฟนเก่าไหม”
“ใช่ ใช่ ใช่” เฟิงเฉินยิ้มอย่างมีเลสนัย “เป็นหึงเอง ผมหึงเองโอเคแล้วใช่ไหม”
“แบบโอเคแล้วใช่ไหม”
เมื่อพูดจบ ภายในรถก็มีเสียงแปลกๆดังขึ้น สีหน้าของลั่วมั่นเปลี่ยนไป มือของเธอกุมอยู่ที่ท้องแล้วหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง
เฟิงเฉินควบคุมพวงมาลัยรถอยู่ และพยายามจะกลั้นหัวเราะ
“เย็นนี้ห่อเกี้ยวกันเถอะ แป้งที่ซื้อมาคราวที่แล้วยังเหลืออยู่เลย ผมยังกินไม่อิ่ม”
“ฉันโอเคดี ถ้าคุณอยากกิน คุณก็ห่อเองเถอะ ฉันยังอิ่มอยู่เลย”
ห่อเกี้ยวคราวที่แล้ว ไส้และแป้งแม่บ้านหลีเป็นคนจัดการให้ พวกเขาสองคนมีหน้าที่ห่ออย่างเดียวสุดท้ายในบรรดาเกี้ยวสิบตัว มีถึงเก้าตัวที่ไส้แตกออกมา กลายเป็นเกี้ยวน้ำ
“คุณไม่อยากเรียนสักหน่อยเหรอ?”
“ไม่”
“หากต้องการรั้งหัวใจของผู้ชาย ก็ต้องรั้งกระเพาะของชายหนุ่มให้ได้ ”เฟิงเฉินเตือนขึ้น
ลั่วมั่นรู้ว่าเขาต้องพูดแบบนี้ ยกคิ้วขึ้น พลิกเบี้ยล่างให้กลายเป็นเบี้ยบน
“คำพูดนี้ เปลี่ยนเป็นผู้หญิงก็ใช้ได้เช่นกัน”