ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 218
บทที่ 218 คนไม่กลัวหรอกกลัวผีมากกว่า
“คุณผู้ชาย นายท่านไม่อยู่บ้านค่ะ ช่วงนี้สมาคมคัดลายมือแต้จิ๋วจัดงาน คุณผู้ชายเป็นรองประธานก็เลยได้รับเชิญให้ไปงานด้วย นายท่านขึ้นเครื่องตั้งแต่เมื่อวาน ตอนนี้น่าจะถึงแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินคนใช้คฤหาสน์เฟิงพูดเช่นนั้น สีหน้าของเฟิงเซิ่งก็เปลี่ยนไป ถึงว่าเมื่อวานโทรหาพ่อไม่ติดเลย
“แล้วแม่ล่ะ อยู่บ้านไหม?”
“อยู่ค่ะ กำลังรดน้ำดอกไม้อยู่ที่ห้องดอกไม้”
“โอเค รู้แล้ว”
ห้องด้านขวาห้องดอกไม้ของลานทางตะวันออกของคฤหาสน์เฟิงดอกไม้กำลังบานพอดี ลู่จิ่งจูหยิบฝักบัวค่อยๆรดน้ำทีละดอกทีละดอก ข้างกายมีแม่บ้านหลีคอยช่วย
“นายหญิงจะต้องปล่อยใจให้สบาย หากเราคิดเล็กคิดน้อยทุกเรื่อง ก็จะทำให้เราไม่สามารถปล่อยวางได้”
“ฉันคิดเล็กคิดน้อยเหรอ ฉันก็แค่คิดถึงอนาคตของเฟิงจิ่งกับเฟิงเฉิงแค่นั้น พ่อแม่บนโลกใบนี้ก็เหมือนกันทั้งนั้นแหระ คุณคิดว่ามีฉันคนเดียวเหรอที่ไม่เห็นใจคนอื่น คอยปกป้องลูกของตัวเอง หากแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยื้อแย่งกับลูกของฉันยังไงบ้าง”
สีหน้าของลู่จิ่งจูราบเรียบ ขณะที่พูดถึงผู้หญิงที่ทำลายชีวิตการแต่งงานของตนในเวลานั้น แววตาไร้ซึ้งความโกรธแค้น ราวกับกำลังพูดคุยเรื่องปกติธรรมดาอยู่
ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเธอไม่โกรธแค้นแล้ว แต่เป็นเพราะเธอรู้ดีว่า การคิดเล็กคิดน้อยกับคนที่ตายไปแล้ว ไม่ส่งผลดีต่อเธอ
“เมื่อวานจู่ๆนายท่านก็ไม่อยู่บ้าน นายหญิงไม่รู้สึกแปลกๆเหรอคะ?ตอนนี้ยิ่งมีเรื่องวุ่นวายอยู่”
“ล้วนที่วุ่นวายก็ล้วนเป็นเรื่องของเขาทั้งนั้น คุณคิดว่าเขาจะวางใจง่ายๆเหรอ ไม่สนใจหลานชายสุดที่รักของเขาแล้วเหรอ?ก็แค่ตรวจพบว่าเด็กคนนั้นไม่มีบุญวาสนา ป่วยเป็นโรคก็เท่านั้นเขาเบื่อหน่าย อีกทั้งยังกลัวเฟิงเซิ่งกลับมาขอร้องให้ช่วยเด็กคนนั้นก็เลยหลบไป”
“เด็กคนนั้นเป็นโรคอะไรเหรอค่ะ?”
“หมอบอกว่า เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว”สีหน้าของลู่จิ่งจูไม่เปลี่ยนแปลง หยิบอาหารปลาโยนใส่อ่างปลา ทันใดก็มีปลาทองสี่ห้าตัวว่ายมากิน
แม่บ้านหลีอดไม่ได้จึงถามขึ้นว่า “ฉันได้ยินมาว่ามะเร็งเม็ดเลือดขาวสามารถรักษาได้ แล้วทำไมนายท่านถึงได้ไม่สนใจล่ะ?”
“ผลสำเสร็จของการเปลี่ยนถ่ายมีไม่ถึงสามสิบห้าเปอร์เซ็นต์ อีกทั้งในอนาคตอาการอาจจะกำเริบได้อีก คุณคิดว่าคนที่ฉลาดอย่างเขา จะยอมให้เฟิงเซิ่งเสียยเวลากับเด็กแล้วก็ผู้หญิงคนนั้นเหรอ ?”
“แต่การหนีไปแบบนี้ก็ไม่ใช่วิธีที่ดีนะคะ”
“เขาคงคิดว่าหากปล่อยเวลาให้นานขึ้นหน่อย ให้เฟิงเซิ่งได้ลิ้มลองกับความลำบากสักพัก เขาก็คงจะกลับตัวกลับใจได้เอง”
“แล้วถ้าเฟิงเซิ่งมาขอร้องคุณล่ะ?”
“หากเฟิงเซิ่งยังคงใจเสาะ ก็ไม่ควรที่จะมาขอร้องฉันในเวลานี้ ฉันเป็นอะไรกับเขาล่ะ?ก็แค่แม่เลี้ยงที่เห็นแก่หน้าพ่อของเขา อบรมเลี้ยงดูเขามาหลายปี หากเป็นแบบนี้ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ ถ้างั้นเด็กในบ้านก็คงจะเลี้ยงให้ประสบความสำเร็จไม่น้อย”
หลังจากที่ให้อาหารปลาเสร็จ แม่บ้านหลีก็ยื่นผ้าเพื่อให้เธอเช็ดมือ เสียงจากข้างนอกดังขึ้น แม่บ้านหลีขมวดคิ้ว แล้วมองออกไปข้างนอก เห็นเพียงเงาดำๆที่จากไป มองไม่ชัดว่าเป็นใคร เหลือเพียงกระถางที่ตกแตกอยู่บนพื้น แล้วก็เศษดินที่หน้าประตูเท่านั้น
“นายหญิง เมื่อสักครู่นี้เหมือนว่าด้านนอกจะมีคน”
ลู่จิ่งจูยิ้มอย่างเย็นชา ราวกับไม่ได้ยิน เธอค่อยๆเช็ดมือจนสะอาด
“คนไม่กลัวหรอกกลัวผีมากกว่า