ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 239
บทที่ 239 คุณก็คือฝู้หมิงถัง?
ข้าวมื้อนี้วันนี้ ในที่สุดก็ไม่ใช่แซนด์วิชแล้ว
หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้า ตอนที่เฟิงเฉินบอกให้เธอทำอาหาร ความจริงแล้วเธอตื่นเต้นนิดหน่อย พลิกสูตรอาหารต่างๆ มาหนึ่งสัปดาห์แล้ว กลับไปบ้านแม่ไปเรียนทำอาหารมาหลายอย่างจากแม่บ้าน วันนี้เป็นครั้งที่ลองทำด้วยตัวเองคนเดียว
ตัวเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าอาหารเที่ยงที่ทำชุดนี้จะถูกปากเฟิงเฉินไหม การประชุมครั้งนี้กะทันหัน ไม่ต้องไปส่งพอดีเลย
จับพวงมาลัยคิดอยู่สักครู่ เธอหมุนพวงมาลัยไปทางเขาหลงหู่
สามนาทีก่อนหน้านี้ประธานเจินแผนกประชาสัมพันธ์ของบริษัทH.Y.โทรหาเธอ บอกว่าเบอร์โทรศัพท์ของคุณฝู้ที่เธอให้ไปไม่ถูกต้อง คนที่รับสายบอกว่าตัวเองไม่ใช่ฝู้หมิงถัง และก็ไม่รู้จักฝู้หมิงถัง
คำพูดเหล่านี้ทำให้ประธานเจินแผนกประชาสัมพันธ์ตกใจกลัว คิดว่าจะพลาดโอกาสไปแล้ว กระดาษใบนี้ทั้งบริษัทกำลังจ้องมองอยู่ ถ้าการณ์เซ็นสัญญาแถลงการณ์พังลง ดังนั้นจึงโทรมาหาลั่วมั่น ร้องไห้งอแงอย่างน่าอนาถ รบกวนให้ลั่วมั่นช่วยไปดูให้หน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น
ในเมื่อเป็นปัญหาที่ตัวเองไม่ได้แก้ไขให้ดี ลั่วมั่นก็ไม่สามารถปล่อยไปโดยไม่สนใจ ยิ่งตัวเองมีหุ้นในบริษัทเล็กน้อย จึงทำได้แค่ตอบตกลง
มาถึงเขาหลงหู่ตอนเที่ยงพอดี ประตูสวนเหมือนสองครั้งที่แล้วไม่ได้ปิดไว้ ลั่วมั่นเพิ่งจะเข้ามาในสวนก็ได้ยินเสียงโกรธเสียงดังดังลงมาจากระเบียบชั้นสอง
“หมิงถัง ไอเด็กบ้าคนนี้ ยังไม่ทำข้าวเที่ยงอีก อยากให้ฉันหิวตายรึไง?”
เสียงเพิ่งจะจบลง แต่เสียงจากทางศาลาริมทะเลสาบส่งเสียงตอบกลับมาอย่างเกียจคร้าน “ปลายังตกไม่ได้เลย กินบ้าอะไรล่ะ!”
ลั่วมั่นคิดว่าตัวเองไม่น่าจะฟังผิด คนแก่ที่อยู่บนชั้นสองเรียกว่า ‘หมิงถัง’ เด็กบ้าที่อยู่ศาลาตอบกลับมาหนึ่งคำ
ดังนั้น…เป็นไปไม่ได้น่า?
ลั่วมั่นรีบเดินไปที่ศาลาริมน้ำ เด็กน้อยที่นั่งเบื่อหน่ายอยู่บนราวบันไดหันกลับมามองตามเสียง ตอนที่เห็นลั่วมั่นสีหน้าเขาดุประหลาดใจ
“คุณคือฝู้หมิงถัง?” ลั่วมั่นพูดตรงเข้าประเด็น
“อืม” เขาไม่ปฏิเสธ ยักคิ้วหนาดำ แสงแดดจากด้านนอกศาลาสาดมาบนตัวเขา ดูอ่อนเยาว์เป็นอย่างมาก
“ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?” ลั่วมั่นรำคาญที่โดนคนอื่นหยอกล้อ “แกล้งฉันเล่นสนุกไหม?”
“นี่? คุณยังจะโกรธอีก?” ฝู้หมิงถังกระโดดลงจากราวบันได สีหน้าล้อเล่น
“ครั้งก่อนแทบจะเผาห้องครัวฉันไปแล้ว ฉันยังไม่คิดบัญชีกับคุณเลย! นี้คุณกลับส่งตัวเองมาเลยหรือไง?”
พูดถึงเรื่องนี้ ลั่วมั่นรู้สึกผิดเล็กน้อย ไอเสียงแหบแห้ง และพูดคอแข็งว่า “นั่นเพราะคุณให้ฉันทำอาหาร ฉันไม่เคยทำอาหารมาก่อน จะได้รู้ได้ยังไงว่าจะกลายเป็นแบบนั้น”
“ไม่เคยทำอาหารมาก่อน แต่ขอโทษก็ควรจะเป็นบ้างน่ะ ทำให้ครัวฉันกลายเป็นอย่างนั้น ไม่บอกสักคำก็ไปแล้ว นี่เป็นสไตล์ของบริษัทH.Y.ใช่ไหม?”
ฝู้หมิงถังเข้ามาใกล้ ท่าทางดูจริงจังแต่น้ำเสียงกลับขี้เล่น ทำให้ไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้วเขาโกรธจริงหรือแกล้งโกรธ
“คุณ…” ลั่วมั่นก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว ในใจเอามีดเฉือนเจ้าเด็กไม่โตนี่ไปเป็นพันพันครั้งอย่างนับไม่ถ้วน ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมเชื่อเด็กบ้าที่ดูอายุไม่เกิน20ปีคนนี้อีกแล้ว เป็นคุณฝู้ที่เด็กวัยรุ่นสมัยนี้คลั่งไคล้ว่าเป็นคนมีพรสวรรค์ในประวัติศาสตร์
คนที่มีความรู้มากมาย มีอารมณ์ขัน มีการรวบรวมข้อมูลมากมายในการอ้างอิง คุณฝู้ผู้รู้ดาราศาสตร์รู้ภูมิศาสตร์ ทำไมถึงเหมือนเด็กที่ยังมีขนขึ้นไม่เต็มตัว?
“แล้วมาทำอะไรอีก?”
‘ของสิ่ง’ นั่น กอดอกยืนพิงกำแพง มองเธออย่างยิ้มๆ “เผาครั้งเดียวไม่พอ กลับมาเผาห้องครัวฉันอีกครั้งหรือไง?”
“ฉัน…” ลั่วมั่นค่อยปล่อยลมหายใจออกมาช้าๆ ตัดสินใจละทิ้งทัศนคติไม่ดีส่วนตัว พูดอย่างค่อยว่า
“ฉันมาคุยเรื่องสัญญากับคุณ ครั้งที่แล้วคุณสัญญากับฉันไว้ แค่ฉันไปร่วมงานนิทรรศการคอสเพลเป็นเพื่อนคุณ คุณจะบอกฉันว่าคุณฝู้จะมีเวลาว่างเมื่อไหร่ ตอนนั้นคุณไม่ได้บอกฉันว่าคุณคือคุณฝู้”