ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 248
บทที่ 248 ปกติเขากลับบ้านดึก
“อธิบายหลักฐานโดยละเอียดหน่อย”
“สีขาว ไม่มีลาย ผ้าไหมจริง จากการตรวจสอบเป็นแขนเสื้อของผู้หญิงวัยทำงานอายุ20-30ปี”
ลูกน้องรายงาน ทำให้สายตาของตำรวจตกลงมาอยู่ที่ข้อมือขาวของผู้หญิงตรงหน้า รอยแดงรอบข้อมือที่เห็นได้ชัดทำให้สายตาเขาเย็นชาขึ้นมา
ลั่วมั่นโดนเขามองจนไม่เป็นตัวเอง ในใจหนักอึ้ง รีบพูดกับนายตำรวจอย่างรวดเร็วว่า “คุณตำรวจ ถ้าไม่มีเรื่องอะไร ฉันต้องไปที่โรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าแม่สามีของฉันสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
ทางตำรวจขยับสีหน้าเล็กน้อยอย่างครุ่นคิดและพูดว่า
“คุณลั่วเป็นพยานคนแรกที่เห็นเหตุการณ์ ถ้าสะดวก คงต้องไปสถานีตำรวจกับพวกสักรอบ ลงบันทึก รอจนลงบันทึกเสร็จ ฉันจะไปส่งคุณที่โรงพยาบาลด้วยตัวเอง ไม่ทราบคุณลั่วมีเวลาให้ความร่วมมือกับพวกเราไหม”
ลั่วมั่นกำหมัดแน่น สีหน้าไม่ขยับ “แน่นอน”
เจ้าหน้าที่ตำรวจฟางฉงเม่าที่รับผิดชอบคดีนี้เป็นผู้กำกับของเมืองเจียง มีประสบการณ์ในการจัดการคดีอาญามากว่ายี่สิบปี คดีของตระกูลเฟิงครั้งนี้เกี่ยวกับปืนและกระสุน ไม่ใช่คดีง่ายแล้ว ดังนั้นคดีเลยต้องส่งเขามาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุก่อน
และเพราะอย่างนี้ จึงไม่มีใครสงสัยถึงนายหญิงน้อยของบ้าน ลั่วมั่นที่ดูเปิดเผยและเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง ถึงถูกเขาจ้องมองอย่างรวดเร็ว
คดีใช้ปืนดึงดูดความสนใจของนายตำรวจระดับสูงของเมืองเจียงเป็นอย่างมาก ดังนั้นเมื่อลั่วมั่นเข้าไปในสถานีตำรวจก็ได้รับ “การดูแลเป็นพิเศษ” ถูกนำตัวเข้าไปในห้องสอบสวนเดี่ยวที่มีแสงสลัวๆ
ไม่เหมือนการบักทึกทั่วไปด้านนอก เธอพยายามรักษาความสงบไว้ แต่กลับรู้สึกคลุมเครือ ภายในชั่วขณะเดียวเรื่องก็เกี่ยวข้องกับตัวเองโดยไม่สามารถสลัดทิ้งได้
“เพราะเป็นคดีเกี่ยวกับปืน การบันทึกข้อมูลของพวกเราครั้งนี้จะนานหน่อย เพื่อป้องกันการรบกวนจากด้านนอก ดังนั้นจึงเลือกบันทึกในห้องเดี่ยว คุณลั่วไม่ต้องตื่นเต้น”
“ได้” ลั่วมั่นตอบหนึ่งคำ
นายตำรวจเปิดสมุดบันทึกปกแข็งขึ้น คลายฝาปากกา สีหน้าอ่อนลง “คุณลั่วดูไม่มีท่าทีประหลาดใจ และไม่ตื่นตกใจ ราวว่าทุกอย่างอยู่ในการคาดการณ์ไว้?”
ลั่วมั่นแอบกำหมัดแน่น สีหน้ากลับนิ่งไม่ขยับ
“คนทำธุรกิจ ชินกับเหตุการณ์ใหญ่ๆ ดังนั้นไม่ว่าเรื่องอะไรเกิดขึ้นตรงหน้าก็สามารถเก็บอารมณ์ไว้ได้ คนของตระกูลเฟิงเป็นอย่างนี้ทั้งนั้น”
นายตำรวจไม่แสดงท่าทีอะไร กำลังเขียนอะไรลงบนสมุดบันทึก ถามต่อโดยไม่เงยหน้าว่า “งั้นก็ตรงเลยแล้วกัน คุณลั่วลองพูดใหม่อีกครั้ง ถึงลำดับขั้นตอนทั้งหมดที่คุณเห็นเหตุการณ์ในคดี”
ลั่วมั่นสุดหายใจลึก และค่อยผ่อนออกมาและพูดว่า “วันนี้เป็นงานเลี้ยงของคฤหาสน์เฟิง คนของตระกูลเฟิงทุกคนก็ควรจะกลับมากินข้าวที่บ้าน ฉัน…”
เธอสังเกตเห็นว่าไม่มีใครจังหวะเมื่อเธอเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด นายตำรวจหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านข้างจดลอกทุกคำพูดที่เธอพูดลงในสมุดบันทึก
จนกระทั่งเธอพูดจบ นายตำรวจวางแก้วชาในมือลง “คุณบอกว่าวันนี้เป็นงานเลี้ยงในบ้านของคฤหาสน์เฟิง งั้นทำไมถึงมีแค่คุณเดียวที่ไป สามีคุณล่ะ?”
“ปกติเขางานยุ่ง กลับบ้านดึกเป็นปกติ”
นายตำรวจไม่สนใจหัวข้อนี้และกลับเปลี่ยนหัวข้อ “คุณลั่ว ปกติคุณกับแม่สามีลู่จิ่งจูมีความสัมพันธ์กันยังไงบ้าง?”
“พวกเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน จึงไม่ค่อยสนิทกัน ทุกเดือนจะมีเวลาที่ได้เจอหน้ากัน แม่สามีมักจะเตือนเรื่องหารชีวิตของเธอ จึงไม่ถือว่าคุ้นเคยกัน”
“อ่อ?” น้ำเสียงนายตำรวจดูสงสัยแต่ก็ไม่ถามต่อ แต่กลับถามว่า “ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้บริษัทลั่วซื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะตระกูลเฟิงช่วยให้พ้นวิกฤต และสามปีมานี้ ดูเหมือนว่าตระกูลเฟิงแทบจะช่วยบริษัทลั่วซื่ออยู่ตลอด? ใช่ไหม?”
ลั่วมั่นตะลึง