ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 251
บทที่ 251 เป็นปืนกระบอกนี้ได้อย่างไรกัน
ตอนที่ประตูห้องสอบปากคำถูกผลักเข้ามาอีกครั้งก็เป็นช่วงกลางวันของวันถัดไปแล้ว
ลั่วมั่นที่นอนอยู่บนโต๊ะสะดุ้งตื่น จ้องมองผู้มาเยือนด้วยความงัวเงีย หลังจากมองไปรอบๆแล้วก็รู้สึกตัวขึ้นมา จึงถอนหายใจออกมาช้าๆ
ไม่ได้ฝันไป ที่นี่คือสถานีตำรวจ
“คนที่สามารถกินข้าวนอนหลับที่นี่ได้ มีคุณลั่วเป็นคนแรก สภาพจิตใจดีก็เป็นเรื่องที่ดี”
ฟางฉงเม่าดึงเก้าอี้ออกมานั่ง
“ฉันไม่ได้สภาพจิตดี แต่ฉันไม่มีอะไรที่ต้องรู้สึกละอายใจ”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องที่ไม่มีอะไรต้องรู้สึกละอายใจแล้ว ฟางฉงเม่าก็มองเธอแวบหนึ่ง น้ำเสียงเรียบเฉย “แต่หลักฐานในรอบใหม่นี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คุณไม่ได้เป็นผู้บริสุทธิ์
“หลักฐานหรือ หลักฐานอะไรคะ”
“คุณรู้จักปืนกระบอกนี้หรือไม่” ซองเก็บหลักฐานอยู่ในมือของคุณตำรวจถัง ใต้แผ่นฟิล์มใสแข็งแรงมีปืนสีนิลงดงามประณีตกระบอกหนึ่ง
ลั่วมั่นเห็นปืนกระบอกนั้นแล้วก็รู้สึกว่าคุ้นตา แต่เมื่อพิจารณาดูอย่างละเอียดแล้วก็เผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมา “ปืนกระบอกนี้? พวกคุณมีปืนกระบอกนี้ได้อย่างไรคะ”
ฟางฉงเม่าขมวดคิ้วเล็กน้อย คล้ายกับไม่เข้าใจในคำถามนี้ จึงซักถามต่อว่า “ดังนั้นคุณกำลังยอมรับแล้วว่า ปืนกระบอกนี้เป็นของคุณใช่ไหมครับ”
“กรุณาตอบฉันก่อนค่ะ ปืนกระบอกนี้มันอย่างไรกันแน่” สีหน้าลั่วมั่นขาวซีด ในใจก็มีการสันนิษฐานที่ไม่ดีมากอย่างหนึ่ง
ภายในห้องสืบสวนเล็กแคบนั้นมีเสียงแหบพร่าของฟางฉงเม่าดังสะท้อนไปมา พิสูจน์การคาดเดาของลั่วมั่นทีละก้าวๆ
“นี่คือพยานวัตถุในที่เกิดเหตุ ก็คือปืนที่ยิงใส่ลู่จิ่งจู”
ลั่วมั่นหน้าเปลี่ยนสี ชั่วพริบตาก็กลายเป็นซีดเผือด เอ่ยพึมพำว่า “จะเป็นปืนกระบอกนี้ได้อย่างไรกัน”
เมื่อวานนี้เรื่องเกิดขึ้นกะทันหัน สมาธิของเธอจดจ่ออยู่ที่ร่างของลู่จิ่งจู แม้ว่าจะเห็นปืนกระบอกหนึ่งตกอยู่ในมุม แต่ก็ไม่ได้มองให้ละเอียด จึงไม่ทันได้รู้ตัวว่า ปืนกระบอกนั้นเป็นของตัวเอง เป็นปืนที่เก็บเอาไว้เพื่อป้องกันตัวเองมาหลายปีแล้วกระบอกหนึ่ง
“ฉันขอพบเฟิงเฉิน ผู้เป็นสามีของฉันค่ะ” ลั่วมั่นได้สติกลับคืนมา น้ำเสียงหนักแน่นมาก “จะต้องมีคนวางแผนให้ร้ายฉันในเรื่องนี้อย่างแน่นอนค่ะ”
ฟางฉงเม่าชะงักไปหลายวินาที จู่ๆก็หัวเราะออกมา แต่น้ำเสียงกลับเย็นชามาก “คุณลั่ว วิธีการแก้ตัวให้ตัวเองแบบนี้ไม่ค่อยฉลาดเท่าไรนะครับ”
“ปืนเป็นของฉันนั้นไม่ผิดค่ะ แต่ฉันไม่ใช่คนที่ยิงปืนฆ่าคนแน่นอน” ลั่วมั่นฝืนให้ตัวเองสงบสติอารมณ์
“ระหว่างฉันกับคุณแม่สามีก็ไม่ได้มีการพิพาทกันในเรื่องผลประโยชน์ใดๆ เรื่องตระกูลเฟิงอัดฉีดเงินทุนให้บริษัทลั่วซื่อที่คุณพูดนั้นก็เป็นเรื่องที่กำหนดเอาไว้เรียบร้อยแล้วก่อนแต่งงานสามปี ฉันไม่สามารถฆ่าคนเพราะเรื่องนี้ได้ ฆ่าไปแล้วคุณแม่สามีฉันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากฉันและบริษัทลั่วซื่อ”
“นั่นก็ไม่แน่นอนครับ” ฟางฉงเม่าจ้องเธอด้วยสายตาเย็นชา “สำหรับคุณแล้ว การฆ่าลู่จิ่งจู อาจจะเป็นการทนลำบากเพียงแค่ครั้งเดียว แต่สบายตลอดไป คุณสามารถกลับไปทำงานของคุณที่บริษัท H.Y. ต่อไปได้ และไม่มีใครขัดขวางไม่ให้คุณทำงาน รวมถึงไม่มีใครขัดขวางสามีของคุณในการที่จะให้ความช่วยเหลือกับบ้านคุณแม่คุณอีก”
“นี่เป็นเพียงแค่การคาดเดาของคุณ” ลั่วมั่นกำหมัดแน่น เอ่ยตัดบทเขาด้วยสีหน้าขาวซีด มีอดกลั้นความโกรธมากมายเอาไว้ไม่ระบายออกมา ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็หลับตาสงบสติ เอ่ยเสียงเข้มว่า
“จะให้ฉันพบกับเฟิงเฉินได้เมื่อไรกันคะ”
“ตอบคำถามผมสักสองสามข้อก่อน” ฟางฉงเม่าเอ่ยหน้าตาเฉย “ไม่อย่างนั้นคุณก็ไม่ได้พบเขา”
เงียบอยู่นาน ภายในห้องก็มีเสียงของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความอดทนซ่อนเร้นดังขึ้น
“คุณถามสิ”
“ก่อนอื่นคือคำถามเรื่องการมีอาวุธปืนในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
“ฉันมีใบอนุญาตให้ครอบครองอาวุธปืนได้ค่ะ” ลั่วมั่นตอบคำถามนี้อย่างไม่ลังเล “ตอนเด็กๆ ฉันโตในอเมริกา ใบอนุญาตให้ครอบครองอาวุธปืนก็เป็นเพื่อนที่ช่วยทำให้ ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาเรื่องการครอบครองอาวุธปืนอย่างผิดกฏหมาย”
“แต่ว่าที่นี่คือประเทศจีน” ฟางฉงเม่าสีหน้าเย็นชา
“ฉันไม่เคยใช้ปืนกระบอกนั้น…”
เดิมลั่วมั่นอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อพูดได้ครึ่งหนึ่งก็เม้มปากแน่น หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็เงยหน้าขึ้นมา
“ปืนกระบอกนั้นก็เป็นของสะสมชิ้นหนึ่งที่ฉันพกกลับมาจากต่างประเทศเท่านั้น และไม่เคยใช้มันมาก่อน”