ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 255
บทที่ 255 ผมคัดค้าน
ความจริงแล้วคำให้การของเฟิงเฉินนั้นไม่สามารถใช้ได้ทั้งหมด แต่กลับสามารถทำให้เกิดเสียงฮือฮาของผู้ที่รับฟังอยู่ด้านข้าง ในฐานะที่เขามีความสัมพันธ์ต่อจำเลยและเหยื่อมากที่สุด คำพูดของเขาจึงก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมได้อย่างไม่ต้องสงสัย
และประชาพิจารณ์ ก็มีความสามารถที่จะควบคุมคำพิพากษาของผู้พิพากษา
เฟิงเฉินที่เผชิญหน้ากับการต้อนถามของทนายความนั้น เหลือบตาขึ้นมองเขาทันที ความเย็นยะเยือกในแววตาทำให้ทนายความที่สอบถามตัวสั่นอย่างน่าประหลาดใจ เท้าที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้าหยุดชะงักอยู่ที่เดิมอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรอยู่บ้าง
“คุณพูดว่าอะไรนะ” เขาถามกลับ
ทนายความกัดฟันเอ่ยใหม่อีกรอบอย่างตะกุกตะกัก “คุณคิดว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จำเลยจะมีแรงจูงใจในการฆ่าใช่หรือไม่ครับ”
เฟิงเฉินสีหน้าเย็นชา เอ่ยตอบอย่างเฉยเมยว่า
“ใช่”
ทนายความถอนหายใจ ซับเหงื่อบนหน้าผากทันที และผลลัพธ์ของคำพูดนี้ก็ทำให้ผู้เข้าร่วมรับฟังการตัดสินที่อยู่บนที่นั่งแตกตื่นฮือฮาไม่ผิดไปจากที่เขารอคอย
สามีของตัวเองพูดขนาดนี้แล้ว อย่างนั้นจะมีอะไรให้ต้องสงสัยอีก? นี่ก็อธิบายได้แล้วว่าบุคลิกประจำตัวในยามปกติของลั่วมั่นนั้นไม่ดีมากพอ? สามีล้วนยอมรับแล้วว่า มีความเป็นไปได้ที่เธอจะฆ่าคน!
ลั่วมั่นที่อยู่บนที่นั่งจำเลยนั้นร่างโงนเงน รู้สึกเพียงแค่ว่าความรู้สึกวิงเวียนแทรกซึมไปทั่วร่าง
“เงียบ”
เสียงทุบของค้อนผู้พิพากษาดังกลบเสียงผู้คน ทำให้ศาลกลับสู่ความเงียบสงบดังเดิม
เฟิงเฉินมองไปทางเงาร่างที่ตกตะลึงพรึงเพริดอยู่บนที่นั่งจำเลยแล้ว ก็คล้ายกับว่าอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายแล้วกลับขมวดคิ้วแน่นเป็นรอยลึก และไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น
หลังจากสอบถามเรียบร้อยแล้ว ผู้พิพากษาก็คล้ายกับว่ามีการตัดสินใจไปบ้างแล้ว สีหน้าของทางฝ่ายโจทก์จึงได้ผ่อนคลายลง
ทนายความฝ่ายจำเลยยังคงปฏิบัติตามขั้นตอน โดยเล่าเรื่องที่ลั่วมั่นได้พบกับหญิงรับใช้คนหนึ่งในวันนั้นรอบหนึ่ง แต่เพราะว่าไม่มีหลักฐานอะไรที่สามารถใช้ยืนยันได้ ดังนั้นผู้พิพากษาจึงไม่เห็นด้วย
ส่วนทางฝ่ายโจทก์ก็นำหลักฐานออกมามากขึ้นกว่าเดิม
“พวกเรายังได้พยานวัตถุที่น่าสนใจเป็นอย่างมากด้วย มากพอที่จะพิสูจน์ได้ว่า ก่อนที่จำเลยจะแต่งเข้าตระกูลเฟิง ความจริงแล้วมีแนวโน้มในการใช้ความรุนแรงแน่นอน”
ใครก็คิดไม่ถึงว่า ฝ่ายโจทก์จะนำบันทึกสอบปากคำของลั่วมั่นในสถานีตำรวจท้องที่ที่ได้มาอย่างยากเย็นนี้ออกมา กระทั่งเรื่องที่เคยลงมือกับลูกค้า เพราะการเซ็นสัญญา ก็ตรวจสอบอย่างชัดเจนเช่นกัน ทั้งยังเชิญพยานบุคคลมาด้วย นั่นก็คือเถ้าแก่หวางที่เซ็นสัญญากับลั่วมั่นแล้วถูกเธอต่อยเสียจนหน้าบวมช้ำคนนั้น
“ฝีมือของเธอดีมาก ผมยังไม่ทันได้เข้าใกล้เธอ ก็ถูกเธอจับทุ่มลงไปแล้ว หลังจากนั้นผมก็ถูกต่อยจนซี่โครงหักไปหลายท่อน ตอนที่ทำบันทึก พวกเขาพูดว่าคุณเฟิงเป็นผู้ต่อย ผมก็ไม่กล้าพูดอะไร แต่วันนี้ ในศาล ผมไม่กล้าให้การเท็จ……”
เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรทั้งหมดนั้น สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นสิ่งที่ทำให้หมดความอดทนโดยสิ้นเชิง
ในภายหลังผู้พิพากษาและทนายความทั้งสองฝ่ายถามอะไร ลั่วมั่นก็ไม่มีกำลังกายและใจจะตอบอีก เธอเพียงแค่มองไปยังที่นั่งฟังของผู้สังเกตการณ์ เฟิงเฉินลุกขึ้นยืน เดินออกไปจากศาลด้วยแผ่นหลังที่หนักแน่น และไม่หันหน้ากลับมา
“………..”
“ศาลขอประกาศให้ จำเลย ลั่วมั่นมีโทษฐานฆ่าคนโดยเจตนา โดยเฉพาะการกระทำที่ใช้ปืนทำร้ายผู้อื่น ส่งผลให้เหยื่อ ลู่จิ่งจูยังคงไม่ได้สติจนกระทั่งวันนี้ ตามกฎหมายข้อที่……ของศาลอุทธรณ์ ขอประกาศตัดสินให้จำคุกเป็นระยะเวลา 20 ปี เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ในศาล……..”
ลั่วมั่นรู้สึกเพียงแค่ว่าในลำคอมีอะไรบางอย่างติดอยู่ พูดอะไรไม่ออกสักคำหนึ่ง
เห็นอยู่ชัดๆว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนทำ เห็นอยู่ชัดๆว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมแค่ในระยะเวลาสั้นๆเพียงแค่ 5 วัน เรื่องราวถึงได้กลายเป็นแบบนี้ได้กัน
ผู้พิพากษายังคงอ่านบทบัญญัติไปจนถึงประเด็นในการฟ้องอย่างเยิ่นเย้อ บนที่นั่งผู้เข้าร่วมรับฟังการพิจารณาคดีนั้นเงียบสงบเป็นอย่างมาก เงาร่างของคนคนหนึ่งลุกขึ้นยืนท่ามกลางฝูงชนในทันที เงาร่างในชุดสีดำนั้นที่มีกลิ่นอายไม่ธรรมดาตะโกนเสียงสูงว่า
“ฉันคัดค้านค่ะ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเรื่องนี้มีปัญหา”