ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 256
บทที่ 256 เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์อะไรไม่ได้
เพิ่งจะสิ้นสุดเสียงนั้น ด้านล่างเวทีก็ฮือฮาขึ้นมา กวนเส้าหยู้กระตุกดึงแขนเสื้อเล่อสวี้ “อย่าโวยวายเลย คุณคัดค้านไปจะมีความหมายอะไร นี่ไม่ใช่งานแต่งงานนะ นั่งลงก่อน นั่งลง เยือกเย็นหน่อย พวกเรายังสามารถยื่นอุทธรณ์ได้”
เล่อสวี้สะบัดแขนเสื้อให้หลุดจากมือเขา เอ่ยเสียงเย็นชาว่า
“นี่มันไม่ถูก ถ้าเปลี่ยนเป็นฉัน แล้วมีเจตนาจะฆ่าคนจริงๆล่ะก็ ก่อนอื่นถ้ายิงออกไปครั้งแรกแล้วไม่โดน ฉันจะยิงครั้งที่สอง ช่วงเวลาระหว่างนั้นยาวจะตาย ฉันไม่ยิงปืนต่อ แต่กลับมาแจ้งตำรวจ รอให้คนอื่นมาพบฉัน ฉันโง่หรือไง”
เสียงของเล่อสวี้ไม่ดัง แต่กลับมีพลังมากพอที่จะกดทับบรรยากาศอันเคร่งเครียดในชั้นศาลได้
นี่เป็นจุดที่ทำให้ผู้คนไม่เข้าใจในคดีนี้ แรงจูงใจในการก่อคดี พยานบุคคล และพยานวัตถุล้วนมีครบ แต่ขั้นตอนของการก่อคดีจะพูดอย่างไรก็ไม่สมเหตุสมผล
แต่การคัดค้านของผู้สังเกตการณ์นั้นก็เป็นเพียงแค่คลื่นยักษ์ในมหาสมุทรที่กว้างสุดลูกหูลูกตาเท่านั้นเอง ประโยคเดียวของผู้พิพากษาที่เอ่ยว่า ถ้าหากว่ามีอะไรไม่พอใจสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ ผลักความไม่พอใจของเล่อสวี้กลับมา และยังคงคำตัดสินเดิมเอาไว้
กวนเส้าหยู้ใช้พลังกายทั้งหมดในการลากเล่อสวี้ลงจากที่นั่งผู้สังเกตการณ์ไป ปากก็พึมพำบ่นอะไรสักอย่าง หญิงสาวในอ้อมแขนเอ่ยด้วยความโมโหประโยคหนึ่งว่า ‘คุณไม่บอกแต่แรกนิ’ เธอดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการของเขา คล้ายกับว่าอยากจะพูดอะไรกับลั่วมั่น แต่กลับเห็นว่าเงาร่างของเธอหายลับไปจากประตูบานใหญ่หลังที่นั่งจำเลยแล้ว
ตอนที่ลั่วมั่นถูกตำรวจนำตัวไปนั้น ได้หันหน้ากลับมามองตำแหน่งที่นั่งของเฟิงเฉินในที่นั่งผู้สังเกตการณ์แวบหนึ่ง ตำแหน่งที่นั่งนั้นว่างเปล่าไปนานแล้ว ก่อนที่จะพิพากษาก็ว่างเปล่าแล้ว
ในเวลาเดียวกันนั้น นอกศาลก็มีรถMPVคันหนึ่งรีบขับออกไปจากลานจอดรถของศาลด้วยความรวดเร็ว
“ไปคฤหาสนกวนที่อยู่ชานเมืองในภาคเหนือ” ภายในตัวรถมีเสียงทุ้มต่ำเย็นชาดังขึ้น
“ครับ” หลี่สู้พยักหน้า หลังจากรถยนต์ขับไปบนถนนใหญ่แล้ว เขาก็แอบพิจารณามองสีหน้าเฟิงเฉินผ่านกระจกมองหลัง และเอ่ยถามด้วยความระมัดระวังว่า
“ประธานเฟิง เมื่อครู่นี้คำพิพากษายังไม่ออกมา พวกเราก็จากไปทั้งแบบนี้? ประธานลั่ว เธอ………”
เมื่อนึกถึงเงาร่างที่มีสีหน้าซีดขาวในชั้นศาลนั้นแล้ว หว่างคิ้วเฟิงเฉินก็กระตุกเล็กน้อย
“ผลลัพธ์ในวันนี้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ถ้าหากว่าหลังจากยื่นอุทธรณ์แล้วจะเหมือนกับในวันนี้ ไม่นำหลักฐานที่มีน้ำหนักมากพอออกมา ฉันจะอยู่ที่นั่นหรือไม่ก็เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์อะไรไม่ได้”
หลี่สู้ถอนหายใจเงียบๆ เอ่ยเตือนเสียงเบาว่า
“คุณใจร้อน แต่ผมเห็นว่าสีหน้าของประธานลั่วไม่ค่อยดีเท่าไร เธออาจจะเข้าอะไรบางอย่างผิดไป……..”
“นั่นไม่สำคัญ”
แม้ว่าจะพูดแบบนี้ แต่หว่างคิ้วเฟิงเฉินกลับปรากฏร่องรอยความหงุดหงิดไม่คลาย หยิบบุหรี่ที่ไม่ได้สูบมานานแล้วออกมา เปิดหน้าต่าง เส้นประสาทด้านชาท่ามกลางควันบุหรี่ที่อบอวลไปทั่ว
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป ไม่มีแม้กระทั่งเวลาจะให้เขาได้ใช้ความคิด ทุกเรื่องเร่งให้เขาต้องตัดสินใจด้วยความรวดเร็ว เขาไม่มีเวลาให้ระวังอะไรมากมาย ในใจมีเพียงแค่เสียงเร่งเร้า ทำให้เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อปกป้องความปลอดภัยของลั่วมั่น
หน้าประตูศาล เล่อสวี้สะบัดหลุดออกจากแขนของกวนเส้าหยู้ด้วยความโมโห “ทำไมคุณถึงไม่บอกเรื่องประธานเฟิงไปหาคุณปู่ของคุณ เพื่อให้ท่านช่วยเรื่องนี้ตั้งแต่แรก”
“คุณไม่ได้ถามนินา?”
“ฉันไม่ถาม คุณก็ไม่พูด ฉันไม่ถาม พวกคุณก็ไม่บอกฉันว่า เรื่องของประธานลั่วดำเนินมาจนกลายเป็นสภาพแบบนี้หรือ พวกคุณคิดจะช่วยประธานลั่ว หรือว่าเดิมก็วางแผนจะให้เธอติดคุกกันแน่”
กวนเส้าหยู้เกาศีรษะด้วยความร้อนใจ “ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนี้ ใครหมายความว่าแบบนี้กัน คุณ……คุณอย่าเพิ่งร้อนใจนะ เฉินไปขอร้องให้คุณปู่ผมช่วยแล้ว แม้ว่าจะฆ่าคนจริงๆ ขอเพียงแค่คุณปู่ผมยินยอมช่วยเหลือ เรื่องโทษจำคุก 20 ปีนี้ก็สามารถไขว่คว้าเรื่องการเลื่อนลงอาญาไปได้”
สีหน้าเล่อสวี้อ่อนลงเล็กนี้
กวนเส้าหยู้ส่งน้ำที่เปิดฝาแล้วให้เธอขวดหนึ่ง ยิ้มทะเล้นด้วยความระมัดระวัง “อย่าโมโหเลยนะ ทุกคนล้วนคิดหาวิธีการไม่ใช่หรือ”
เล่อสวี้รับมา ดื่มไปสองอึก
“เล่อเล่อคุณว่าลั่วมั่นจะมีโทสะวูบหนึ่งแล้วพลั้งลงมือไปจริงๆหรือไม่”