ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 261
บทที่ 261 ผมมารับคุณ
ช่วงเวลาที่ขับรถนั้น ยามราตรีก็เข้ามาเยือนแล้ว
ช่วงเวลาสิบปี ฟังดูแล้วมักจะทำให้ผู้คนตื่นตระหนก
ตอนที่ลั่วมั่นได้ยินก็ตะลึงไปเช่นกัน
หัวใจมีเพียงแค่ดวงเดียว ดังนั้นคนบนโลกใบนี้จะชอบคุณมากแค่ไหน ดีกับคุณเท่าไร คุณก็จนปัญญา ยิ่งชอบมาก ยิ่งดีกับคุณมาก ก็ยิ่งเป็นภาระ และยิ่งไม่มีอะไรที่จะใช้ตอบแทนได้ เพราะว่าตั้งแต่ต้นจนจบ สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงแค่หัวใจดวงนั้น ที่คุณมอบให้คนอื่นไปแล้ว
ความเงียบอย่างยาวนานภายในตัวรถค่อยๆกลายเป็นทางตันที่ไปต่อไม่ได้
จู่ๆเสียงแหลมเอี๊ยดของเบรกรถก็ดังขึ้น ลั่วมั่นหวีดร้อง ทั้งร่างพุ่งไปทางเบาะด้านหน้าตามแรงเหวี่ยง โชคดีที่ซือโม่มือตาไวมือไว จึงคว้าที่พักแขนไว้มือหนึ่ง และคว้าไหล่เธอเอาไว้มือหนึ่ง ถึงได้ฝืนดึงเธอไม่ให้ไปกระแทกกับเบาะด้านหน้าได้
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” เสียงของซือโม่เข้มขึ้นในทันที สอบถามคนขับรถด้วยความไม่พอใจ
“ด้านหน้ามีรถขวางเอาไว้ครับ” เสียงของผู้ช่วยเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
เพิ่งจะสิ้นเสียง ลำแสงสีขาวก็ส่องผ่านกระจกกันลมเข้ามา จนทำให้คนไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้
ลั่วมั่นยกมือขึ้นบังแสงตามสัญชาตญาณ แต่กลับสามารถมองเห็นได้อย่างเลือนรางว่า มีเงาร่างหนึ่งที่ขวางแสงสีขาวนั้นเอาไว้ได้ผ่านรอยแยกนิ้วมือ และกำลังเดินทางมารถของพวกเขา เงาร่างนั้น ดูคุ้นตาเป็นอย่างมาก ในใจเกิดความยินดีขึ้น ทำท่าเหมือนจะไปเปิดประตูรถ
“มั่นมั่น”
มือที่จับไหล่เธอของซือโม่บีบแน่นขึ้นทันที
“เป็นเฉิน” ลั่วมั่นรีบอธิบาย
“ฉันรู้ และก็เพราะว่าเป็นเขา ฉันจึงคิดว่าเธอควรจะระมัดระวังสักหน่อย ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับเธอ เขาไม่ได้มาพบเธอเลย วันนี้จู่ๆก็มาขวางทางรถฉันนั้น เป็นเพราะเธอ หรือเด็กที่อยู่ในท้องเธอกันแน่ ก่อนที่เธอจะลงจากรถ ก็คิดให้ดีก่อนแล้วกัน”
เสียงของซือโม่เข้มมาก
“ไม่หรอกค่ะ” ลั่วมั่นขมวดคิ้ว “พี่ซือโม่ พี่ความเข้าใจเฉินผิดไปแล้ว”
การที่เธอเชื่อเฟิงเฉินก็คือการเชื่อตัวเอง เธอไม่เชื่อว่ามีความสัมพันธ์กันมานาน และการปฏิบัติต่อกันด้วยความตรงไปตรงมาและจริงใจขนาดนี้ ความเชื่อใจเพียงเล็กน้อยแค่นี้ ระหว่างพวกเขาจะมีไม่มากพอ
เป็นเฟิงเฉินที่เอ่ยพูดกับเธอเองว่า ระหว่างพวกเขาเคยดูมีท่าทางสนิทสนม แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เป็นเวลาสามปี ในสามปีนั้นสิ่งที่ทรมานคนทั้งคู่มาจากการระแวงสงสัยและท่าทีระแวดระวังของฝ่ายตรงข้าม ในสามปีนั้นพวกเขาไม่เคยปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจเลยสักครั้ง ดังนั้นจึงไม่เคยมีความเชื่อใจ สองคำนี้
ระหว่างคนที่รักกันสองคน ข้อห้ามร้ายแรงที่สุดก็คือไม่เชื่อใจ
ลั่วมั่นตัดสินใจเปิดประตูรถและลงจากรถทันที
มือของซือโม่ที่ว่างเปล่ากะทันหัน และร่วงลงบนเก้าอี้ที่ว่างเปล่านั้นกำเป็นหมัดแน่น
ผู้มาเยือนคือเฟิงเฉินอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ รถเก๋งสีดำขวางอยู่บนถนนที่ไร้เงาผู้คน ขวางอยู่หน้ารถซือโม่ เขายืนอยู่หน้ารถ สวมเสื้อคลุมโอเวอร์โค้ทสีดำ ริมฝีปากบางเม้มแน่น
“เฉิน”
ลั่วมั่นที่ซอยเท้าวิ่งไปหาเฟิงเฉิน แทบจะไม่ปิดบังความยินดีที่ปรากฏขึ้นในนัยน์ตาเลยแม้แต่น้อย
“ผมมารับคุณ” เฟิงเฉินดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด น้ำเสียงเจือไปด้วยความสงสารเล็กน้อย
“ผอมลง”
“ไม่เป็นไร เฉิน ฉันมีเรื่องที่อยากจะบอกคุณค่ะ” เธอเดาว่าเฟิงเฉินอาจจะยังไม่รู้เรื่องที่ตัวเองเองจะได้เป็นพ่อคนแล้ว หรือบางทีเขาก็รู้แล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ข่าวนี้ก็ต้องออกมาจากปากของเธอเอง ถึงจะได้มีความพิเศษมากยิ่งขึ้น
และก็เป็นเรื่องราวที่น่ายินดีจำนวนน้อยนิดที่เกิดขึ้นในหลายวันมานี้
“เฉิน คุณจะเป็น………”
“กลับบ้านค่อยคุยกันเถอะ” หางตาของเฟิงเฉินเหลือบไปเห็นซือโม่ลงจากรถ เขาจึงเอ่ยขึ้นกะทันหัน ตัดบทพูดของลั่วมั่น “ลมแรง ขึ้นรถก่อนเถอะ” ลั่วมั่นตะลึงไปเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจสาเหตุ
ซือโม่นั้นเดินมาถึงข้างหน้าทั้งสองคนแล้ว รูปร่างของเขาใกล้เคียงกับเฟิงเฉิน เมื่ออยู่ท่ามกลางแสงไฟละมุน ก็ดูมีความสุภาพอ่อนโยนและร่าเริงแจ่มใส สบายๆมากกว่าหลายส่วน เมื่อเทียบกับเฟิงเฉินที่มีมักจะมีบรรยากาศหม่นหมองและเก็บงำความรู้สึก เขาเอ่ยถามทั้งๆที่รู้อยู่ว่า
“คุณมารับมั่นมั่นหรือ