ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 265
บทที่ 265 เขาหวังดีต่อคุณ
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณลูกแล้วนะ”
ลั่วมั่นลูบหน้าท้องแบนราบของตัวเองด้วยสีหน้าอ่อนโยน
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลยว่า การได้พบหน้ากับเพื่อนฝูง พูดคุยกันสักประโยคสองประโยค แม้ว่าจะไม่สามารถแก้ปมที่อยู่ในใจได้ แต่สภาพจิตใจก็สงบมากขึ้น
เฟิงเฉินเข้าใจเธอ จึงไม่ได้หาคุณหมออะไรมาดูอาการป่วยเธอจริงๆ แต่ส่งเล่อสวี้มาโดยตรง
หลังจากทานอาหารกลางวันแล้ว ลั่วมั่นและเล่อสวี้ก็ไปอาบแดดที่ริมทะเลสาบ เล่อสวี้พกปากกาบันทึกเสียงและสมุดเล่มเล็กติดตัวมาด้วย และเริ่มสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นอย่างละเอียดรอบหนึ่งด้วยท่าทางที่อยากจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้ความจริงปรากฏให้ได้
“หลังจากพิจารณาพิพากษาไปแล้ว ก็ไม่ได้ติดต่อกับเขาอีกเลย” เล่อสวี้ยุ่งอยู่กับการบันทึกเรื่องสำคัญ หลังจากรับคำพอเป็นพิธีแล้ว ก็ถามต่อว่า “คุณช่วยอธิบายรูปร่างหน้าตาของหญิงรับใช้ในวันนั้นอย่างละเอียดหน่อยค่ะ จำอะไรได้บ้างก็ได้ค่ะ ฉันจะบันทึกสักหน่อย ดูว่าจะสามารถเริ่มต้นจากจุดนี้ได้หรือไม่”
“รูปร่างหน้าตาธรรมดามาก ผอมบาง สวมเสื้อกันฝนจึงมองเห็นไม่ค่อยชัด ใต้ตาขวามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง ไม่ใหญ่ แต่ชัดเจนมาก ใช่แล้ว ความสูงก็สูงประมาณนี้ของฉัน”
ลั่วมั่นวาดมือบริเวณจมูกตัวเอง หญิงรับใช้ในความทรงจำเตี้ยกว่าตัวเองเล็กน้อย
มองเล่อสวี้ที่จดบันทึกอย่างรวดเร็วแล้ว เธอก็ถอนหายใจ
“พอแล้วล่ะ เรื่องพวกนี้ไม่สามารถตรวจสอบออกมาได้ภายในระยะเวลาอันสั้นหรอก อย่ารีบร้อนเลย ฉันถามคุณหน่อยว่า ทำไมถึงไม่ได้ติดต่อกับกวนเส้าหยู้แล้วล่ะ ทะเลาะกันหรือ”
“ทะเลาะอะไรกันคะ?” เล่อสวี้ก็จดบันทึกมากพอสมควรแล้ว จึงปิดสมุดโน้ตลง “ฉันไม่เคยทะเลาะกับคนอื่นค่ะ โครงการที่เขาร่วมมือกับบริษัทH.Y.สิ้นสุดลงแล้ว แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องติดต่อกันอีก เดิมการติดต่อกันทางธุรกิจก็เป็นแบบนี้”
“การติดต่อกันทางธุรกิจหรือ”
ลั่วมั่นกระตุกมุมปาก “คุณอย่าพูดนะว่า ก่อนหน้านี้ที่คุณและกวนเส้าหยู้เข้าออกบริษัทพร้อมกันทุกวันล้วนเป็นเพราะการติดต่อกันทางธุรกิจน่ะ”
การติดต่อกันทางธุรกิจของบริษัทไหนกันที่ ฝ่ายผู้ขายถูกฝ่ายผู้ซื้อเทิดทูนขึ้นฟ้าขนาดนี้กัน?
“แน่นอนว่าใช่” เล่อสวี้ไม่ใส่ใจ “ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างสุดความสามารถ เขาชอบทำอะไร ฉันก็จะไปทำเป็นเพื่อน นี่ไม่ใช่การติดต่อกันทางธุรกิจหรอกหรือคะ เมื่อธุจกิจจบลง ฉันก็ไม่จำเป็นต้องไปมาหาสู่กับเขาอีก จึงบล็อคไปแล้ว เขาน่ารำคาญมากจริงๆ”
ลั่วมั่นตะลึงค้างไปหลายวินาที อดไม่ได้ที่จะไว้อาลัยอย่างสงบให้กับกวนเส้าหยู้ บางทีในคราวนี้เขาคงไม่รู้กระทั่งว่าตัวเองตายได้อย่างไร เกรงว่าจะยังนึกว่าตัวเองไปล่วงเกินเล่อสวี้ตรงไหนไม่รู้ เล่อสวี้ถึงได้บล็อคเขา?
“เขาไม่ได้ไปหาเธอที่บริษัทบ้างหรือ”
“ก่อนหน้านี้ฉันไปทำงานนอกสถานที่แทนประธานเฟิง เดินทางไปมาหลายต่อหลายเมือง จะไปรู้ได้อย่างไรคะว่าเขาเคยมาหาฉันหรือไม่”
โอเค
ลั่วมั่นก็ไม่มีกะจิตกะใจจะไปสนใจเรื่องของคนอื่น เล่อสวี้ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไร้สมอง เรื่องนี้คงจะไม่ถูกเอาเปรียบได้ง่ายๆ สำหรับกวนเส้าหยู้นั้น แม้จะพูดได้ว่าเคยช่วยเธอ แต่คุณชายเพลย์บอยที่วนเวียนอยู่ในสถานที่ครึกครื้นมาหลายปี แม้ว่าในอนาคตจะจีบเล่อสวี้ได้ แต่ลำบากสักหน่อยก็เป็นเรื่องสมควรเช่นกัน
เมื่อถึงเวลากลางคืนที่หลี่สู้จะมารับเล่อสวี้กลับไป ก่อนจะไปเล่อสวี้ยังหน้านิ่วคิ้วขมวดมองมาทางเธอ “ประธานลั่ว ฉันอาจจะไม่สามารถมาเยี่ยมคุณได้บ่อยๆ คุณอย่าโทษประธานเฟิงเลยนะคะ การที่ประธานเฟิงจัดการให้คุณมาอยู่ที่นี่ ก็เพราะไม่อยากให้คุณได้ติดต่อกับคนที่อยู่ข้างนอกมากนัก สองวันมานี้เรื่องในเมืองเจียงมีมากมาย ประธานเฟิงนั้นหวังดีต่อคุณค่ะ”
ลั่วมั่นมีสีหน้าเรียบเฉย
“ฉันรู้”
เล่อสวี้ยังอยากจะกำชับอะไรบางอย่าง แต่คิดถึงว่ารู้จักลั่วมั่นมานานขนาดนี้ ด้วยความเฉลียวฉลาดของเธอ คงจะไม่ได้มองไม่ออกในสิ่งที่ตัวเองก็มองเห็นหรอก จึงไม่ได้พูดอะไรให้มากความอีก และดึงประตูรถให้ปิดลง
ตอนที่กลับเข้าไปในตัวคฤหาสน์ ภายในห้องรับแขกกำลังประกาศข่าวเมืองเจียง
“ตามที่เข้าใจ ก่อนหน้านี้หนึ่งอาทิตย์ บริษัท MX ได้เซ็นสัญญากับดาราชายผู้ครองกระแสความนิยม 4 คนติด จนทำให้เกิดความไม่สงบในบรรดาแฟนคลับ ในฐานะบริษัทบันเทิงที่ก่อตั้งใหม่ เจ้าของบริษัท MX เป็นใครกันแน่ นักข่าวได้สัมภาษณ์เพื่อนในวงการหลายท่านแล้ว ล้วนไม่มีใครทราบ สามารถพูดได้ว่าลึกลับอย่างที่สุด………”
“MX?”
ลั่วมั่นพึมพำกับตัวเองประโยคหนึ่ง มักจะรู้สึกว่าชื่อของบริษัทนี้คุ้นหูอยู่บ้าง คล้ายกับว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
ลี่ลี่ที่กำลังถูพื้นห้องรับแขกเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียง และปิดโทรทัศน์ไป “คุณผู้หญิงกลับมาแล้วหรือคะ คุณเล่อกลับไปแล้วหรือ”
“อืม” ลั่วมั่นได้สติคืนมา พยักหน้าเล็กน้อย ดึงสายตากลับมาจากหน้าจอโทรทัศน์สีดำ