ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 266
บทที่ 266 เธอกล้าตบฉันหรือ
หลังจากที่เล่อสวี้มาหาแล้ว อารมณ์ของลั่วมั่นก็มั่นคงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากนั้นทุกวัน ช่วงเวลาที่เฟิงเฉินกลับมาก็ยิ่งเป็นเวลามากขึ้น สามารถกินอาหารเย็นเป็นเพื่อนเธอได้ ตอนเช้ายังสามารถกินอาหารเช้าเป็นเพื่อนเธอจนเสร็จแล้วค่อยไป ทั้งสองคนล้วนไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องที่น่ากังวลใจในคืนวันเหล่านั้น การดำเนินชีวิตปลอดภัยไร้กังวล แต่ไม่ว่าใครก็รู้ว่าภายใต้ทะเลสาบนั้นแอบซ่อนระเบิดที่พร้อมจะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา
หลังจากเฟิงเฉินออกไปในตอนเช้าแล้ว ลั่วมั่นก็ปักดอกไม้อยู่ในห้องรับแขก คนรับใช้ก็ยุ่งอยู่ในห้องครัว
รถสปอร์ตสีไวน์แดงคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ หลังจากเสียงปิดประตูดังอย่างชัดเจนแล้ว เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบเข้ากับพื้นหินสีเขียวหน้าประตูของหญิงสาวก็ดังก๊อก ก๊อก ก๊อกอย่างรุนแรง
“ลั่วมั่น เธอโผล่หน้าออกมาเดี๋ยวนี้นะ”
เสียงตะคอกที่ดังขึ้นนอกประตูทำให้ทั้งคฤหาสน์สั่นสะเทือน ภายในห้องรับแขก ลั่วมั่นก็มีสีหน้าซีดเผือดเช่นกัน กิ่งดอกไม้ในมือที่กำลังถูกกรรไกรตัดแต่งอยู่หักลงทันที
ลี่ลี่มีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วเป็นอย่างมาก เมื่อได้ยินเสียงก็ออกมาจากห้องครัว กดปุ่มกล้องวงจรปิดหน้าประตู ขมวดคิ้ว เอ่ยถามคนที่อยู่ด้านใน
“คุณเป็นใครกันคะ ตะโกนเสียงดังทำไม”
“อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลเฟิง ยังจะมาถามอีกว่าฉันเป็นใคร? ฉันมาหาลั่วมั่น แกมันนับเป็นตัวอะไรกัน? เป็นสุนัขที่ลั่วมั่นหามาจากที่ไหน?”
“ทำไมคุณถึงได้พูดจาแบบนี้ล่ะคะ บ้าไปแล้วใช่ไหม รีบไปเลยนะ อย่ามาสร้างความเดือดร้อน ทำกิริยาแย่ๆที่นี่ ถ้ายังทำแบบนี้อีก ฉันจะเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยแล้วนะคะ”
“แกจะเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัย? ฉันยังจะเรียกตำรวจมาเลย? ด้านในแอบซ่อนนักโทษฆ่าคนเอาไว้ แกยังจะกล้ามาโวยวายเสียงดังใส่ฉันอีก”
“คุณ…….”
“ลี่ลี่” เมื่อได้ยินเสียง ลี่ลี่ก็หันหน้ากลับไป ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ลั่วมั่นเดินมาถึงด้านหลังเธอ “อย่าทะเลาะกันเลย ทะเลาะกันจนฉันปวดหัวแล้ว เปิดประตูเถอะ”
“เปิดประตู?” ลี่ลี่หน้าถอดสี “ข้างนอกมีหญิงบ้าคนหนึ่ง คุณชายกำชับเอาไว้แล้วว่า ไม่สามารถเปิดประตูให้คนอื่นได้อย่างตามใจชอบ”
“เปิดประตู” น้ำเสียงของลั่วมั่นไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ
คนที่มาก็คือเฟิงจิ่ง
คิดดูแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเธอใช้วิธีอะไร ถึงได้รู้ว่าเฟิงเฉินซ่อนเธอไว้ที่นี่ ดังนั้นถึงได้มาคิดบัญชีถึงที่นี่
ลู่จิ่งจูยังคงนอนหมดสติอยู่ที่โรงพยาบาล เฟิงจิ่งก็เป็นคนที่มีนิสัยโมโหง่าย นิดเดียวก็ระเบิด หลายปีมานี้ แม้ว่าเบื้องหน้าจะทะเลาะกับคนในครอบครัว แต่ความจริงแล้วในใจเธอเคารพมารดาคนนี้อย่างที่สุด ในวันนี้ตัวเองก็กลายเป็นคนร้ายที่ฆ่าคน เกรงว่าเธอคงแทบจะทนไม่ไหวที่จะกำจัดเธอทิ้งให้เร็วที่สุด
ลี่ลี่ก็ไม่กล้าพูดอะไรไปมากกว่านี้ เพียงแต่จับลูกบิดประตูเอาไว้ด้วยความระมัดระวัง “ถ้าอย่างนั้นคุณผู้หญิงถอยหลังไปสักเล็กน้อย ฉันกลัวว่าคนบ้าคนนี้เข้ามาแล้วจะทำให้คุณผู้หญิงบาดเจ็บค่ะ”
คำพูดนี้ทำให้ลั่วมั่นมองเธอมากขึ้นแวบหนึ่ง เป็นคนที่มีจิตใจละเอียดรอบคอบจริงๆ
เมื่อเปิดประตู เฟิงจิ่งก็พุ่งเข้ามาอย่างต้องการลงไม้ลงมือจริงๆ ลี่ลี่นั้นเตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆแล้ว กางแขนออก ยืนปกป้องอยู่ด้านหน้าลั่วมั่น “คุณมีอะไรก็พูดคุยกันดีๆ คุณชายกำชับเอาไว้ว่า ใครกล้าทำร้ายคุณผู้หญิง คนคนนั้นก็จงใจหาเรื่องเขา คุณชายจะไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น”
“ไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้นอย่างนั้นหรือ”
เฟิงจิ่งก็ไม่ใช่คนโง่ หัวเราะเสียงเย็น “ดูท่าแกคงรู้แต่แรกแล้วว่าฉันเป็นใคร ทั้งยังจงใจไม่ยอมเปิดประตู แกวอนหาเรื่องตายอย่างนั้นหรือ”
ลี่ลี่รู้ว่าตัวเองเสียมารยาทเลยชะงักไป จึงถูกเฟิงจิ่งจิกผมสะบัดไปอีกด้าน ศีรษะกระแทกเข้ากับขอบโต๊ะจนแตกและมีเลือดไหลออกมา
“ลี่ลี่……..” ลั่วมั่นกรีดร้อง คิดไม่ถึงว่าเฟิงจิ่งจะลงมือหนักขนาดนี้ จึงเอ่ยตำหนิว่า “เฟิงจิ่ง เธอบ้าไปแล้วหรือ”
“ฉันบ้าไปแล้ว?” เฟิงจิ่งแววตาเยียบเย็น “เธอกล้าฆ่าคน ฉันตีหมาเธอตัวหนึ่งก็นับว่าเป็นบ้าอะไรหรือ วันนี้ที่ฉันมาก็ต้องการที่จะแก้แค้นให้คุณแม่ของฉัน จะตีจนเธอต้องไปนอนอยู่บนเตียงแล้วขยับตัวไม่ได้ด้วย!”
เธอเอ่ย พร้อมกับพุ่งเข้ามา ท่าทางเหมือนกับต้องการจะจิกผมลั่วมั่น
ลั่วมั่นหลบไม่ทัน ภายใต้สถานการณ์วิกฤต จึงยกแขนขึ้นมาขวางเอาไว้ตามสัญชาตญาณ
เสียง “เพียะ” ดังขึ้นครั้งหนึ่งในห้องรับแขกที่โกลาหล
เฟิงจิ่งกุมใบหน้าตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ถลึงตาจ้องมอง “เธอกล้าตบฉัน?”