ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 288
“ประธานลั่ว…..” น่าน่าแทบอยากจะตบปากตัวเอง “ประธานลั่ว แต่ว่านี่เป็นแค่ที่เพียงข่าวลือ จริงๆแล้วประธานเฟิงไม่เคยพูดอะไรเลยด้วยซ้ำ จะต้องเป็นเพียงคำพูดที่ไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน
ลั่วมั่นได้สติคืนมา เหลือบมองน่าน่าแวบหนึ่ง จากนั้นก็ถอนหายใจ
“ในสายตาของเธอ ฉันเป็นคนที่ขี้สงสัยขี้ระแวงแบบนั้นเหรอ หรือเธอคิดว่าประธานเฟิงของพวกเธอนั้นกินไม่เลือก”
น่าน่าชะงัก
เล่อสวี้พูดติดตลกขึ้น
“คนอย่างส้งชิงหรูน่ะเหรอ นอกเสียจากประธานเฟิงจะตาบอด ถึงจะมองเธอ น่าน่าเธอออกจากบ้านต้องพกสมองด้วย อยู่ฝ่ายบริหารนานแล้ว ยิ่งอยู่เธอก็จะยิ่งขี้เกียจไร้วินัยวินัย”
สักพัก น่าน่าเพิ่งรู้ตัว จึงได้เอาถั่วฝักยาวที่อยู่ในมือไปตีเล่อสวี้ “นี่เธอหลอกด่าฉันอีกแล้ว ฉันไม่ได้ไม่มีสมองสักหน่อย”
เล่อสวี้หลบอย่างรวดเร็ว ทำให้น่าน่ากระโดดล้มลงไปกองอยู่กับพื้นอย่างกระเซอะกระเซิง ทำให้ลั่วมั่นถึงกับขำหัวเราะออกมา
เธอเกิดอาการงอนทันที วางถั่วฝักยาวที่เด็ดเสร็จแล้วครึ่งหนึ่งลงข้างๆ “พวกเธอต่างแกล้งฉัน ฉันไม่ทำกับข้าวแล้ว พวกเธอก็ไม่ต้องได้กงได้กินกัน”
“อย่างนั้นพวกเราออกไปทานข้างนอกกันเถอะ ทานหม้อไฟกัน” ลั่วมั่นเสนอ
“ไม่ได้” น่าน่าปฏิเสธทันที งอแงอยู่สักพัก จากนั้นตบตูดแล้วก็ลุกยืนขึ้น “ช่างเถอะ เดี๋ยวฉันไปทำกับข้าวก็ได้ อาหารข้างนอกไม่ค่อยสะอาด ตอนนี้เธอยังตั้งท้องระยะแรกอยู่ จะออกไปทานมั่วซั่วได้ไง”
เห็นท่าทางน่าน่าที่อุ้มถั่วฝักยาวเข้าห้องครัวแต่โดยดี ลั่วมั่นกับเล่อสวี้สบตากันแล้วก็แอบหัวเราะขึ้น
“ใช่แล้ว เมื่อสักครู่ยังพูดไม่จบเลย” เล่อสวี้นั่งลงอีกครั้ง แล้ววกกลับไปพูดหัวข้อเดิมอย่างเป็นทางการ
“กู้หมิ่นคนนี้ปกติเป็นคนอ่อนน้อมและซื่อสัตย์ ถามคนมากมายต่างบอกว่าเขานิสัยดี ไม่เคยแก่งแย่งอะไรกับใคร แต่มีเรื่องที่น่าแปลกเรื่องหนึ่ง เรื่องที่เธอให้ฉันไปถามคนขับรถคนนั้น คุณอาหวางบอกว่า หนึ่งปีก่อน เขาเคยมีเรื่องทะเลาะกับคุณชายรองบ้านตระกูลเฟิง ด้วยเรื่องนี้เขาเกือบจะถูกไล่ออก”
“เฟิงเซิ่ง?” ลั่วมั่นรู้สึกประหลาดใจ
ก่อนหน้านั้นแม้ว่าเฟิงเซิ่งจะเคยร่วมมือกับเวินน๋อนคิดบัญชีเธอ แต่ว่าเธอก็รู้จักกับเขามาสามปีกว่าแล้ว เข้าใจดีว่าเขาเป็นคนที่นิสัยอ่อนโยน ตั้งแต่เล็กจนโตได้รับปกป้องอย่างดี ไม่มีทางที่จะไปทะเลาะกับคนอื่นได้อย่างง่ายๆ
แต่เล่อสวี้กลับบอกว่านิสัยของกู้หมิ่นนั้นก็ดีมาก คนสองคนที่นิสัยดี มาทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไรกัน”
“ได้ยินมาว่าเป็นเพราะเรื่องกระถางกล้วยไม้” เล่อสวี้ขมวดคิ้ว ราวกับว่าตัวเองนั้นก็ไม่เข้าใจ “กระถางกล้วยไม้ที่เฟิงเซิ่งซื้อกลับมาจากข้างนอก เพื่อจะมอบให้คุณแม่ของประธานเฟิง แต่กลับถูกกู้หมิ่นทำแตกโดยไม่ตั้งใจ ทั้งคู่จึงเกิดการทะเลาะกันในสวนดอกไม้”
“เป็นเพราะเรื่องนี้เหรอ”
“ว่ากันว่าแบบนี้นะ แต่ใครจะไปรู้เหตุผลที่แท้จริงล่ะ แต่ได้ยินว่าหลังจากที่เกิดเรื่องนี้แล้ว กู้หมิ่นเจอเฟิงเซิ่งทีไรก็จะเดินหลบไปทุกที คนในตระกูลเฟิงต่างรู้ดีว่ากู้หมิ่นผู้ตัดแต่งดอกไม้ในสวนไม่ถูกกับคุณชายรองตระกูลเฟิง
ผู้ชายสองคนทะเลาะกันรุนแรงด้วยเรื่องกระถางกล้วยไม้ ช่างน่าแปลกจริงๆ
กวนเส้าหยู้ที่มาได้จังหวะช่วงเวลารับประทานอาหารกลางวันพอดี หลังจากที่ฟังคำตรวจสอบจากเล่อสวี้แล้ว ก็ขมวดคิ้วขึ้น
“มันน่าแปลกตรงไหน ผมก็ได้ตรวจสอบเรื่องนี้ แต่ว่าสิ่งที่ผมตรวจสอบมาได้ดันมีบางจุดที่ไม่เหมือนกับคุณ”
“หมายความว่าอย่างไร”
“อย่างที่พูดไปก่อนหน้านี้ กู้หมิ่นได้ทำงานอยู่ในสวนดอกไม้มาโดยตลอด และเฟิงเซิ่งในฐานะลูกกตัญญูแห่งคฤหาสน์เฟิง ที่ผู้คนต่างรู้จัก มาปรนนิบัติเอาใจคุณน้าเฟิงทั้งเช้าทั้งเย็นที่สวนดอกไม้ หากเจอ‘ผู้หญิง’ที่ดูดีมีออร่า แล้วจะเกิดขึ้น”
“กู้หมิ่นเป็นผู้ชายนะ” เล่อสวี้กล่าวเตือน
“คนในคฤหาสน์เฟิง นอกจากลุงกู้แล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นผู้ชาย ต่อให้พวกคุณเจอเขา ก็คงคิดว่าเขาเป็นผู้หญิง รูปร่างดี ผิวพรรณดี รสนิยมดี ในแต่ละวันยังชอบอยู่ต้นไม้ดอกไม้”
ดังนั้นจะสามารถเกิดอะไรขึ้นได้
เฟิงเซิ่งโสดมาหลายปี ผู้หญิงที่เขาคลุกคลีด้วยมากที่สุดคือ‘กู้หมิ่น คนตัดแต่งดอกไม้ในสวน’
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ทุกคนต่างรู้สึกตัวเย็นสั่นอย่างอธิบายไม่ถูก