ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 289
ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่ากู้หมิ่นเป็นเพียงผู้สมรู้ร่วมคิด เพราะว่าเขาไม่มีเหตุจูงใจในการก่อคดี ดังนั้นเบื้องหลังของเขาจะต้องมีผู้ยุยงบงการ และผู้ที่สามารถยุยงบงการให้คนคนหนึ่งรับบทเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการฆ่าคนได้ อย่างนั้นคนสองคนนี้จะต้องมีการเชื่อมต่อด้วยเงินทอง หรือไม่ก็เชื่อมต่อด้วยความสัมพันธ์
เพียงแต่การเชื่อมต่อด้วยความสัมพันธ์นี้ ลั่วมั่นกับเล่อสวี้นั้นไม่เคยคิดกันมาก่อน
เฟิงเซิ่งเคยต้องคดีความ เรื่องนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ลั่วมั่นเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นได้
“ดังนั้นสองแสนหยวนนั้น…..”
“ไม่ได้มาจากเฟิงเซิ่ง” กวนเส้าหยู้รู้ว่าเธอจะถามอะไร จึงได้คัดค้านการคาดเดาของเธอ “ผมตรวจสอบแล้ว ช่วงนี้เฟิงเซิ่งไม่มีเงิน เพราะเรื่องของเขากับเวินน๋อนก่อนหน้านี้ คุณอาเฟิงจึงได้ระงับบัตรของเขา ถึงตอนนี้ยังไม่ได้ยกเลิกการระงับเลย”
“ไม่ใช่เฟิงเซิ่ง?” ลั่วมั่นถอนหายใจโล่งอย่างอธิบายไม่ถูก
อย่างน้อยเฟิงเซิ่งคือคนที่ลู่จิ่งจูเลี้ยงโตมากับมือ ถ้าหากเรื่องนี้เขาเป็นคนทำจริงๆ อย่างนั้นถือว่าเนรคุณอกตัญญูมาก
“ ใช่หรือไม่ ยังไม่สามารถรสรุปได้” ใบหน้ากวนเส้าหยู้ดูลึกซึ้งมีความหมาย “ตอนที่ผมไปหาลุงกู้เพื่อถามข่าวคราวเหล่านี้ ผมไม่ได้ให้เขาเก็บเป็นความลับ ล่อเสือออกจากถ้ำใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
ตกกลางดึก——
โบสถ์เล็กๆในคฤหาสน์เฟิงที่เงียบสงัดวังเวง แต่กลับมีร่างหนึ่งสูงร่างหนึ่งต่ำสองร่างอยู่หลังประตูเหล็กที่พันด้วยเถาวัลย์ ฝีเท้าก้าวที่เร่งรีบค่อยๆเงียบสงบลง
“คุณรีบเก็บข้าวของออกจากประเทศด่วน ขั้นตอนต่างๆผมจะให้คนช่วยจัดการ”
ในความมืด เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มปกปิดความตึงเครียดไว้ไม่ได้
เมื่อเทียบกับความเครียดของเขา ร่างที่ผอมกว่าเล็กน้อยกลับใจเย็นมากกว่า แล้วถามย้อนกลับ
“ทำไม”
“ลุงกู้ไม่ได้บอกกับคุณเหรอ กวนเส้าหยู้ได้ตรวจสอบสาวมาถึงคุณแล้ว การปลอมตัวของคุณในวันนั้นไม่สามารถปกปิดผู้หญิงคนนั้นได้ เธอยังคงมองออก หากยังไม่รีบไป จะรอให้เธอส่งนายไปที่สถานีตำรวจเพื่อสอบปากคำหรือไง”
“พวกเขาไม่มีหลักฐาน จะจับฉันได้อย่างไร”
“เรื่องหลักฐานเป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็ว กู้หมิ่นคุณฟังผมนะ รีบไปซะ คุณหญิงใหญ่นอนอาการสาหัสอยู่ที่โรงพยาบาล คฤหาสน์เฟิงก็ไม่ต้องการคุณอีกแล้ว คุณจากที่นี่ไปพร้อมกับเงินไม่ดีหรือ”
ร่างที่ผอมบางชะงักงัน สักพัก ถามขึ้นด้วยเสียงแหบพร่า “คุณต้องการให้ฉันปลอดภัยถึงได้ให้ฉันไปจากที่นี่ หรือเพียงแค่กลัวว่าวันหนึ่งฉันจะกุมความลับคุณไว้ไม่อยู่แล้วหักหลังคุณ ดังนั้นจึงรีบไล่ให้ฉันไป”
เผชิญหน้ากับสายตาแบบนั้น ใบหน้าเฟิงเซิ่งแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวเล็กน้อย ตัดสินใจถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อทิ้งช่วงห่างเอาไว้ “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้ ผมแค่ไม่อยากให้คุณเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้อีก”
“ใช่เหรอ”
กู้หมิ่นจ้องมองเขาที่ถอยหลังทิ้งช่วงห่าง แววตาเศร้าหดหู่ “ถ้าหากคุณไม่อยากให้ฉันเข้ามาพัวพันจริงๆ คุณไม่ควรมาหาฉันให้ช่วยตั้งแต่แรก และฉันก็ได้เข้ามาพัวพันข้องเกี่ยวแล้ว ตอนนี้จะมาแสร้งทำเป็นคนดีอะไรอีก”
“…..”
“ฉันไปแน่ คุณไม่ต้องกลัวว่าฉันจะอยู่ที่นี่ทำให้คุณเดือดร้อน”
สายลมพัดผ่านยามค่ำคืน คำพูดของร่างที่ผอมบางก่อนจะจากไป ยังคงสะท้อนกึกก้องดังอยู่ในหูของเฟิงเซิ่ง
“คุณรู้ไหมว่าทำไมคุณถึงมักไม่ได้ในสิ่งที่คุณปรารถนา เพราะว่าคุณไม่เคยรักษาในสิ่งที่คุณมี ด้วยจุดนี้จึงกำหนดให้คุณเป็นคนละประเภทกับคุณชายใหญ่”
คนละประเภท?
เฟิงเเซิ่งกำหมัดแน่น ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียว
สามวันต่อมา ณ ทางด่วนไปสนามบิน——
รถคันหนึ่งเกิดเบรกขัดข้องที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงบนทางด่วน ‘คนขับรถผู้หญิง’ที่เดิมทีรอความตายโดยไม่คาดหวังว่าจะรอดชีวิต แต่วินาทีสุดท้ายกลับได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็วจากตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
รถพลิกคว่ำลอยลงมาจากสะพานลอย เสียงถังน้ำมันระเบิดดัง “ตู้ม” ระเบิดกระจุยกระจายกลายเป็นเศษเหล็ก
‘คนขับรถผู้หญิง’นั้นใบหน้าขาวซีด จนกระทั่งถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจเพื่อลงบันทึก ก็ยังไม่มีการพูดจาใดๆ
“กู้หมิ่นเป็นผู้ชาย?”
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบการลงบันทึกได้เปรียบเทียบรูปตัวจริงกับบัตรประชาชน ปรากฏสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
ร่างบางของ‘คนขับรถผู้หญิง’เปล่งปากทันใด
“คุณตำรวจคะ นี่ไม่ได้เป็นอุบัติเหตุ นี่เป็นการฆาตกรรม…