ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 290
กวนเส้าหยู้กับเล่อสวี้ทราบข่าว ก็รีบไปที่สถานีตำรวจทันที
กู้หมิ่นได้บอกเล่าเรื่องราวทุกอย่าง รถที่เกิดอุบัติเหตุเป็นรถของคฤหาสน์เฟิง เดิมทีวันนี้เขาต้องนั่งเครื่องไปแคนาดา ขั้นตอนต่างๆได้ทำเสร็จสิ้นแล้ว แต่กลับมาเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง
เกิดอะไรขึ้นกับเรื่องนี้ สองคนที่ตรวจสอบกู้หมิ่นมาโดยตลอด เข้าใจแจ่มแจ้งทุกอย่าง
มีคนต้องการฆ่าคนปิดปาก
“ใครเป็นคนจัดรถให้กับคุณ” กวนเส้าหยู้ได้แสดงตัวที่สถานีตำรวจ ทางตำรวจจึงได้เว้นที่นั่งในห้องสอบปากคำให้กับเขา
ชายหนุ่มผอมบางที่อยู่ตรงหน้า มีรูปร่างหน้าตาที่ดูดีมาก อาจเป็นเพราะตกใจ จึงทำให้เกิดอาการตัวสั่นด้วยความกลัว เห็นแล้วก็เกิดความสงสารเล็กน้อย เปล่งปากอย่างสั่นเทาออกมาสามคำ
“คุณชายรอง”
กวนเส้าหยู้กับเล่อสวี้สบตากัน
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเฟิงเซิ่งจริงๆ
“ทำไมเฟิงเซิ่งต้องทำแบบนี้ นายมีเรื่องบาดหมางอะไรกับเขา” กวนเส้าหยู้สอบถาม
กู้หมิ่นดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด จ้องมองกวนเส้าหยู้ด้วยใบหน้าที่ขาวซีด ปากสั่นอยู่ตลอดเวลา พยายามที่จะอ้าปากอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้
ไม่แปลกใจที่เกือบตายมาแล้วรอบหนึ่ง ได้ยินว่ารถคันนั้นถูกเผาไหม้วายวอด นี่ถ้าไม่ตกใจจนเป็นบ้า ถือว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองมากแล้ว
กวนเส้าหยู้ไม่ได้รีบร้อน เว้นที่นั่งให้กับตำรวจอีกครั้ง บอกเรื่องกู้หมิ่นที่เกี่ยวข้องกับคดีก่อนหน้านี้หนึ่งรอบ ทางตำรวจราวกับเหมือนได้ความลับทางภารกิจก็ไม่ปาน เคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง พยักหน้าเหมือนโขลกกระเทียม
“คุณชายกวนโปรดวางใจ ผมจะต้องหาวิธีทำให้คนคนนี้พูดความจริงออกมาให้ได้”
เมื่อออกจากห้องสอบปากคำ กวนเส้าหยู้กับเล่อสวี้ก็แยกย้ายกันทำหน้าที่ คนหนึ่งโทรศัพท์หาเฟิงเฉิน อีกคนหนึ่งโทรศัพท์หาลั่วมั่น พร้อมที่นำข่าวดีนี้บอกให้ทราบด้วยตัวเอง
เรื่องราวพลิกผันกะทันหัน เรื่องเซอร์ไพรส์ก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เพราะก่อนหน้านี้หนึ่งวันพวกเขายังปวดหัวกังวลว่าจะไม่สามารถจับฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังได้ ตอนนี้ฆาตกรตัวจริงคงจะลนลานนั่งไม่ติดก้นแล้ว
เมื่อลั่วมั่นมาถึงสถานีตำรวจนั้นเป็นเวลากลางคืนแล้ว เฟิงเฉินที่ออกดูงานข้างนอก ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างทาง
“เป็นอย่างไรบ้าง”
เมื่อเห็นกวนเส้าหยู้กับเล่อสวี้ เธอจึงถามขึ้น “ถามได้ความว่าเป็นใครแล้วใช่ไหม”
“ยังเลย เพิ่งจะสงบอารมณ์ลงได้เมื่อสักครู่ ตอนนี้ตำรวจกำลังสอบปากคำอยู่” กวนเส้าหยู้ยื่นเครื่องดักฟังให้เธอ กำแพงในห้องดักฟังจู่ๆได้มืดลง แต่กลับเห็นภาพในห้องสอบปากคำที่อยู่ข้างๆได้อย่างชัดเจน
“เริ่มกันได้เลย” กวนเส้าหยู้พูดหนึ่งประโยคผ่านไมค์ที่ถือในมือ ตำรวจที่อยู่ห้องข้างๆรับคำ แล้วเปิดสมุดจดบันทึกดู
“คุณบอกว่าเมื่อตอนเช้าที่ออกจากบ้าน เฟิงเซิ่งเป็นคนจัดรถให้กับคุณ เขาเป็นอะไรกับคุณ ทำไมเขาต้องจัดรถให้กับคุณ”
สีหน้าของกู้หมิ่นหม่นลง “ไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉันจะลาออกจากงาน และเตรียมตัวจะไปต่างประเทศ ดังนั้นเขาจึงได้จัดรถหนึ่งคันมาให้ฉัน”
“คุณจะไปต่างประเทศ ไปทำไม”
“ไม่อยากอยู่ในประเทศแล้ว ก็เลยจะออกไปเดินเล่นไปพักผ่อน”
“ไปเพื่อเดินเล่นพักผ่อนเท่านั้นหรือ ผมเห็นช่วงนี้คุณมีการทำเรื่องอพยพอยู่นะ อีกอย่างในบัญชีของคุณมีเงินที่ไม่รู้ที่มาเข้าสองแสนหยวนนั้นจะอธิบายว่าอย่างไร”
กู้หมิ่นสีหน้าซีดเผือดทันใด “ฉัน…..นั่นเป็นเงินเดือนของฉัน”
“สองแสนหยวนเหรอ” น้ำเสียงของตำรวจเคร่งขรึม ตัดบทเข้าสู่ประเด็นสำคัญ “วันที่คฤหาสน์เฟิงเกิดเรื่อง บ่ายวันนั้นคุณอยู่ที่ไหน”
“…..ฉัน…..” ใบหน้าของกู้หมิ่นราวกับไม่มีไปเลือดหล่อเลี้ยง อ้าปากแต่ละทีก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี หยาดเหงื่อที่เย็นเยียบได้ซึมทั่วร่างกายของเขา “ฉันอยู่ที่โบสถ์ของคฤหาสน์เฟิง วันนั้นคุณชายให้เด็กๆทำการเซ่นไหว้”
“วันนั้นไม่มีใครเห็นว่าคุณอยู่ที่โบสถ์” ตำรวจเปิดโปงคำโกหกของเขาตรงๆ “วันนั้นคุณอยู่ที่สวนดอกไม้ และหลอกล่อชักจูงให้นายหญิงเฟิงเข้าไปที่นั่น และจัดฉากการฆาตกรรมใช่หรือไม่”
ในห้องดักฟัง ไหล่ของลั่วมั่นก็สั่นขึ้น
ความจริงกำลังจะปรากฏอยู่ตรงหน้า