ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 291
“คุณคิดว่าตัวเองปลอมตัวเป็นผู้หญิงอีกคนแล้วจะสามารถปิดฟ้าข้ามทะเลได้อย่างนั้นเหรอ การตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือในที่เกิดเหตุ เมื่อนำมาเทียบกับของคุณแล้ว ดูเหมือนกันทุกประการ คนที่ย้ายกระถางดอกไม้ต่อหน้านายหญิงเฟิงในวันนั้นคือคุณ จากนั้นคนที่กรีดร้องล่อให้ผู้คนมาก็คือคุณเช่นกัน”
กู้หมิ่นในที่สุดก็ก้มหน้าลง ไม่สามารถที่จะหาสิ่งใดมาหักล้างหลักฐานทั้งหมดได้อีก
“เป็นฉันเอง”
ในห้องควบคุมกล้องวงจรปิด ในที่สุดหัวใจลั่วมั่นก็เบาลงเสียที แต่ก็ยังเต้นตึกๆตักๆไม่หยุด
ในที่สุดก็มีหนึ่งคนที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่เธอพูดในศาลนั้นไม่ใช่เรื่องเหลวไหล ในที่สุดก็สามารถยืนยันได้ว่าวันนั้นมีคนหลอกล่อชักจูงให้ตัวเองเข้าไปในที่เกิดเหตุจริงๆ
การสอบปากคำยังคงดำเนินต่อไป
“จุดประสงค์ของการฆาตกรรมคืออะไร ระหว่างคุณกับลู่จิ่งจูมีความแค้นอะไรกัน”
“ฉันกับคุณนายไม่ได้มีความแค้นอะไรกัน คุณนายดีกับฉันมาก และฉันก็ไม่ได้เป็นคนฆ่าด้วย”
“ไม่ใช่คุณแล้วเป็นใคร”
กู้หมิ่นค่อยๆเงยหน้าขึ้น แววตาเศร้า “เป็นคุณผู้หญิง”
“……”
“รถคันนั้นคุณชายรองเป็นคนจัดให้ฉันก็จริง แต่ว่าก่อนหน้านั้นเป็นรถของคุณผู้หญิง”
——
“กู้หมิ่นคงไม่ได้เป็นบ้านะ” หลังจากที่ออกจากห้องดักฟัง สีหน้าของกวนเส้าหยู้ก็หมองคล้ำ “อยู่ในสถานีตำรวจยังกล้าพูดจาโกหก มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะปกป้องเฟิงเซิ่งอีก ช่างเป็นความรักที่ซาบซึ้งจริงๆเลยเชียว ขังเขาไว้สักสองสามวันก่อนแล้วกัน”
“คุณหยุดพูดสักทีได้ไหม” เล่อสวิ้เหลือบตามองค้อนเขาแวบหนึ่ง “เสียงดังน่ารำคาญจริงๆ”
กวนเส้าหยู้ที่กำลังจะตอบโต้ แต่กลับเห็นลั่วมั่นก้มหน้าตลอดเวลา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“มั่นมั่น อย่าเพิ่งท้อ อย่างน้อยพวกเราก็สามารถยืนยันได้ว่าวันนั้นคนที่คุณเห็นก็คือเขา นี่ถือได้ว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก”
“หือ” ลั่วมั่นเพิ่งจะรู้สึกตัว มองเขาอย่างประหลาดใจ “ออ ไม่เป็นไร ฉันแค่คิดไม่ตก”
“คิดไม่ตกอะไร”
“ถ้าหากวันนี้กู้หมิ่นนั้นออกนอกประเทศเพื่อกบดานจริง อย่างนั้นทำไมเฟิงเซิ่งถึงยอมให้เขาขับรถไปสนามบินด้วยตัวเอง นั่งแท็กซี่หรือเรียกคนไปส่ง ไม่เหมาะกว่าเหรอ”
ถ้าหากว่ากู้หมิ่นนั้นอพยพจริง ก็คงจะยังไม่กลับมาอีกสักพัก อย่างนั้นจะขับรถไปที่สนามบินทำไม เมื่อจากไปแล้วจอดรถไว้ที่ลานจอดรถเพื่อให้ฝุ่นเกาะเหรอ
เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล
แต่ว่าความสงสัยของลั่วมั่นก็เป็นเพียงจุดความคิดที่เธอคิดไม่ตกเท่านั้น ไม่มีผลใดๆกับเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่วันนั้นเมื่อเฟิงเฉินกลับไปที่เมืองเจียง ก็รับรู้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดจากกวนเส้าหยู้ จึงได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอย่างเป็นทางการ และเตรียมรื้อฟื้นคดีให้กับลั่วมั่น
เดิมทีเรื่องราวที่จบลงไปแล้ว จู่ๆถูกรื้อฟื้นกะทันหัน ทำให้เมืองเจียงสะเทือนไม่เบา
ในเช้าวันอาทิตย์ ลั่วมั่นที่กำลังนอนหลับใหล เมื่อพลิกตัวแล้วท่อนแขนทับบางอย่างจนเกิดเสียงดังขึ้น ทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมาก จึงได้รีบลืมตา
เฟิงเฉินเอามือทาบที่อกแล้วจ้องมองเธอด้วยรอยยิ้ม สีหน้านั้นดูอบอุ่นมาก
“คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” เธอลุกพรวดขึ้นนั่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ลี่ลี่เปิดประตูให้คุณเหรอ แล้วทำไมไม่ปลุกฉันให้ตื่น”
“ผมมารับคุณกลับบ้าน” เฟิงเฉินดึงเธอเข้ามาสู่อ้อมกอด ถูคางที่ศีรษะของเธอไปมา พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ
“ทางศาลได้รื้อฟื้นคดีขึ้นแล้ว คุณยังจะคิดอยู่ที่นี่อีกเหรอ”
“ผลยังไม่ออกมาเลย คุณจะรีบร้อนอะไรกัน”
“ผมรีบร้อนอะไรคุณยังไม่รู้เหรอ”
วันนี้เฟิงเฉินอารมณ์ดีเป็นพิเศษ กระซิบเบาๆที่ข้างใบหูของเธอ “ไม่มีคุณอยู่ข้างๆ แต่ละคืนนั้นนอนผมไม่หลับเลย”
ทันใดนั้น ใบหูของลั่วมั่นก็แดงขึ้น
“คุณอย่า…..”
“อย่าอะไร”
“อย่ากวน” ประตูยังไม่ได้ปิด มองลอดผ่านประตูยังมองเห็นลี่ลี่กำลังเล่นจัดกับข้าวอย่างรีบร้อนอยู่ในห้องรับแขก เขากลับไม่สนใจ เอามือล้วงเข้าไปในผ้าห่มแล้วนัวเนียไปมา
ไม่ถูกต้อง…..ลั่วมั่นจู่ๆก็นึกถึงแม่ย่าที่กำลังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล เวลานี้เฟิงเฉินจะต้องไม่มีทางมีกะจิตกะใจเช่นนี้ เธอรีบหยุดมือของเขาทันที แล้วพูดขึ้น “คุณบอกมาตามตรง จู่ๆก็มาหาฉันแบบนี้ ใช่หรือไม่ว่ายังมีเหตุผลอื่นอีก”
เฟิงเฉินยิ้มขึ้น “เช้าตรู่วันนี้ ทางโรงพยาบาลส่งข่าวมาบอกว่า แม่ฟื้นแล้ว