ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 301
หลังจากที่เฟิงเฉินจากไปแล้ว ลั่วมั่นก็เลิกผ้าห่มออก จากนั้นลงจากเตียงแล้วย่องเบาๆไปที่ห้องนอนรับแขกที่อยู่ข้างๆ
เมื่อหมุนลูกบิดประตู ปรากฏว่าหมุนไม่ออก
อ้าว ประตูล็อก
ที่นี่เป็นบ้านตระกูลลั่ว บ้านตัวเองแท้ๆ หากเปิดไม่ออกก็ให้มันรู้ไปสิ
“แม่ กุญแจห้องนอนรับแขกอยู่ไหนคะ”
“อยู่ในตู้ชั้นวางของ”
หลังจากที่เปิดประตูแล้ว ลั่วมั่นก็พยุงเอวค่อยๆเดินเข้าไป วินาทีที่เห็นการตกแต่งด้านใน ก็ถึงกับตะลึงอยู่กับที่ ดวงตาเปี่ยมล้นไปด้วยความอบอุ่นและความสุข
ไม่น่าเชื่อว่าเฟิงเฉินจะติดวอลล์เปเปอร์ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวบนเพดานเพียงคนเดียว ที่ผนังห้องยังวาดประดับด้วยโคมไฟสีสันต่างๆ ราวกับวิมานบนก้อนเมฆ เขายังประกอบเปลนอนเด็กสีชมพูวางไว้ข้างเตียงนอน บนพื้นยังมีม้าโยกไม้ล้วนที่ยังประกอบไม่เสร็จ และของเล่นต่างๆที่วางกระจัดกระจาย
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งของที่อยู่ในกล่องที่นำมาด้วยเมื่อเช้า เป็นสิ่งของที่เขาเอาแต่หมกมุ่นและอุดอู้อยู่แต่ในห้องหลังจากที่มาถึง
ความอบอุ่นได้แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ลั่วมั่นนั่งลงข้างเตียงแล้วหยิบตุ๊กตากระต่ายขนปุยขึ้นมา มืออีกข้างหนึ่งก็พยุงอยู่ที่เอว แววตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ลูกจ๋า แด๊ดดี้รักหนูมากเลยนะ หนูยังไม่ได้ทันได้เกิดก็เตรียมสิ่งของเหล่านี้ไว้ให้หนูแล้ว หนูจะต้องเป็นเด็กดีนะ!”
ขณะที่กำลังสำรวจสิ่งของภายในห้อง จู่ๆก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นจากชั้นล่าง พร้อมด้วยเสียงกรีดร้องของคนรับใช้ ลั่วมั่นตกใจมือไม้สั่น จนกระต่ายขนปุยร่วงหลุดจากมือ
“ลั่วมั่นล่ะ บอกให้เธอโผล่หน้าออกมาเดี๋ยวนี้”
“ท่านจะเข้าไปไม่ได้นะ มีอะไรก็ค่อยๆพูด…..”
ลั่วมั่นเปิดประตูออกมา ขณะที่กำลังจะลงจากตึกเพื่อไปดูเหตุการณ์ กลับถูกมารดาที่วิ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วได้รั้งไว้ “ลั่วมั่น ด้านนอกไม่มีเรื่องของหนู กลับเข้าห้องไป อย่าได้ตกใจ”
“แม่ ใครเหรอคะ” ลั่วมั่นตื่นตระหนก รู้สึกแต่เพียงว่าเสียงเมื่อสักครู่นั้นคุ้นหูมาก เพียงแต่ในห้องนี้เก็บเสียงได้อย่างดี จึงทำให้ได้ยินไม่ชัดเจน
“ไม่มีใครหรอก หนูกลับไปพักผ่อนที่ห้องเถอะ ปล่อยให้พ่อหนูจัดการเอง”
ใบหน้าแม่ลั่วลนลาน ที่แค่มองก็รู้ว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ๆ
ในเวลานี้ ก็ได้มีเสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาจากด้านล่างอีกครั้ง “แม้แต่การใช้ปืนยิงฆ่าคนก็สามารถทำออกมาได้ ตระกูลเฟิงของพวกเราไม่มีทางให้อภัยฆาตกรแบบนี้อย่างแน่นอน บอกให้เธอออกมาซะ ฉันต้องการถามเธอว่าใช้วิธีอะไรถึงทำให้ลูกชายของฉันลุ่มหลงหัวปักหัวปำเช่นนี้ จนไม่สนใจแม้แต่ชีวิตของแม่ตัวเอง ปล่อยให้เธอเดินลอยหน้าลอยตาเข้าออกบ้านตระกูลเฟิง”
คนที่มาคือพ่อเฟิง
ลั่วมั่นกุมมือของมารดาไว้แน่น “แม่คะ หนูต้องลงไปดู ต้องมีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
เรื่องคดีนั้นเห็นได้ชัดว่าทางศาลได้ทำการรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่แล้ว อีกไม่กี่วันก็จะถึงเวลาไปขึ้นศาลอีกครั้ง แต่พ่อเฟิงกลับมาโวยวายถึงที่บ้านโดยไม่สนหน้าตาในเวลาเช่นนี้ จะต้องเกิดใหญ่อะไรขึ้นแน่ๆ
แม่ลั่วเป็นห่วงลูกที่อยู่ในท้องของลูกสาว จึงเกิดความลังเล
“แม่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะ จะปล่อยให้เขาโวยวายอยู่ที่บ้านตลอดไม่ได้ สุขภาพพ่อก็ไม่ค่อยดี ถ้าหากว่าโกรธโมโหขึ้น จะเป็นเรื่องใหญ่นะคะ”
แม่ลั่วจนปัญญา จึงได้พยุงเธอเดินลงจากตึก ระหว่างทางก็ได้แต่กำชับเธอว่าอย่าใจร้อน
“หน็อย หดหัวอยู่ในบ้านจริงๆด้วย”
เมื่อพ่อเฟิงเห็นลั่วมั่นแล้วก็โกรธขึ้นสมองทันที “ไอ้ฆาตกร”
“พ่อ ถึงตอนนี้แล้วทำไมพ่อถึงยังคิดว่าหนูเป็นคนทำอีก”ลั่วมั่นไม่เข้าใจ “คดีถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่แล้ว เมื่อผลสรุปออกมา ถึงตอนนั้นพ่อค่อยมากล่าวโทษหนูก็ยังไม่สาย”
“เธออย่ามาหลอกฉันเสียให้ยาก” พ่อเฟิงสะบัดมือ “บันทึกของทางสถานีตำรวจฉันได้เห็นแล้ว เธอว่าจ้างกู้หมิ่น และตอนนี้ก็ต้องการจะฆ่าคนปิดปาก อีกทั้งต้องการโยนความผิดทั้งหมดไปให้เฟิงเซิ่ง ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่ากู้หมิ่นดวงแข็งรอดมาได้ ก็คงจะตายไปไม่หลงเหลือหลักฐานใดๆ และก็เป็นไปตามแผนการที่เธอวางไว้”
“คุณพูดว่าอะไรนะ” เมื่อพ่อลั่วเห็นลูกสาวถูกเหยียดหยามให้อับอายต่อหน้าตัวเอง จึงโมโหขึ้นทันที “ลูกสาวของผมจะเรื่องแบบนั้นได้อย่างไร คุณอย่ามาใส่ความกันนะ”
“เป็นไปได้อย่างไรน่ะเหรอ” ใบหน้าพ่อเฟิงเขียวคล้ำ ตะคอกใส่หน้าทุกคน และดึงคอเสื้อของพ่อลั่วขึ้น “ถ้าหากว่าคุณมีลูกชายมีลูกสะใภ้ แล้วรอให้ลูกสะใภ้ถือปืนแล้วยิงเล็งมาที่ภรรยาคุณ แล้วคุณค่อยมาถามว่าเป็นไปได้อย่างไร