ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 302
“ปล่อยพ่อของหนูนะ”
ลั่วมั่นลนลาน ทำท่าจะเดินเข้าไป แต่ด้วยร่างกายที่ไม่เป็นใจ จึงถูกแม่ลั่วชิงเดินหน้าก้าวเข้าไปก่อน แล้วตะโกนหวีดร้องกระโจนเข้าไปคว้าแขนของพ่อเฟิงไว้เพื่อให้เขาปล่อยมือ
แต่พ่อเฟิงผลักเธอออกไป และพูดอย่างดุดันเกรี้ยวกราดขึ้น “ออกไป…..”
แม่ลั่วถูกผลักกระเด็นเซไปเซมา จนล้มลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น ร้องโอดโอยไม่หยุด ลั่วมั่นเห็นแล้วตกใจ จึงรีบเข้าไปโดยที่ไม่สนว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ จากนั้นนั่งคุกเข่าลงเพื่อดูอาการของมารดา
พ่อลั่วก็ดิ้นรนขัดขืน แล้วรีบนั่งยองลงไปพยุงเธอทันที “ไม่เป็นไรใช่ไหม”
“พวกคุณมันสมควร” พ่อเฟิงยืนมองลงมายังครอบครัวทั้งสามคนด้วยใบหน้าที่เย็นชา “ปกป้องให้ท้ายฆาตกร เลี้ยงลูกสาวออกมาแบบนี้ มีแต่จะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตอนนั้นที่จิ่งจูบอกจะให้ลูกสาวของพวกคุณแต่งงานกับเฉิน ผมก็ไม่เห็นด้วย เป็นแค่ครอบครัวเล็กๆ จะมีปัญญาเลี้ยงลูกได้ดีแค่ไหนเชียว และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ”
“คุณคิดว่าคุณเองประเสริฐนักเหรอ! ถ้าหากคุณประเสริฐจริง เมื่อที่บ้านเกิดเรื่องก็คงไม่ทิ้งแม่ไว้ แล้วไปที่แต้จิ๋วอะไรนั่นคนเดียวหรอก หลังจากเกิดเรื่องแล้วคุณก็ไม่รีบตามหาฆาตกรตัวจริง คนอื่นบอกว่าฉันเป็นคนฆ่า คุณก็รีบเล็งปลายธนูมาที่ตัวฉัน ถ้าหลายปีมานี้ไม่ใช่เป็นเพราะแม่คอยพยุงไว้ ตระกูลเฟิงก็คงจะล้มไม่เป็นท่าไปนานแล้ว”
ลั่วมั่นที่ไม่สามารถทนต่อไปได้อีก ยันเข่าตัวเองแล้วลุกขึ้นด้วยความยากลำบาก “ฉันให้ความเคารพคุณก็เพราะเห็นแก่หน้าเฉิน แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมาก่อความวุ่นวายที่บ้านฉันได้ คนอย่างคุณหากออกจากบ้านตระกูลเฟิงแล้ว ก็ไม่มีอะไรดีสักอย่าง ยังจะกล้ามาทำร้ายพ่อแม่ของฉันอีก จงไสหัวออกไปจากบ้านของฉันซะ”
ตระกูลเฟิงมีรากฐานที่มั่นคงในเมืองเจียง เพราะบรรพบุรุษได้วางรากฐานมาเป็นเวลาเกือบร้อยปี ลูกหลานไม่จำเป็นต้องพยายามมากมายก็สามารถอยู่มั่นคงได้ในเมืองเจียง
และในช่วงสามรุ่นที่ผ่านมา พ่อเฟิงคือคนที่ไม่มีเอาไหนที่สุด นอกจากเรื่องราวในครั้งนั้น แวดวงธุรกิจก็เกือบจะลืมเขาไปแล้ว ตอนนั้นอายุที่ยังไม่ถึงสี่สิบ เขาก็ถอนตัวออกจากตำแหน่งประธานแล้วมาอยู่ว่างๆที่บ้าน อำนาจทั้งหมดของบริษัทH.Y.อยู่ในกำมือของลู่จิ่งจูกับเฟิงเฉิน นี่คือเรื่องจริง แต่วันนี้คำพูดแต่ละคำของลั่วมั่นได้ทิ่มแทงใจดำ ทำให้เขาเสียหน้าต่อหน้าผู้คน
พ่อเฟิงโกรธจนตัวสั่น สักพักก็หยิบแผ่นเอกสารออกมาตบด้วยความโมโห “เช็นแล้วฉันก็จะไป”
“คืออะไร”
“เอกสารใบหย่า” พ่อเฟิงใบหน้าเขียวคล้ำ “เพียงแค่เธอเซ็นซื่อ ว่าเธอกับมารหัวขนที่อยู่ในท้องของเธอจะไม่รับทรัพย์สินมรดกทุกอย่างของตระกูลเฟิง ตระกูลเฟิงก็จะถอนทุนจากบริษัทลั่วซื่อ ต่อไปตระกูลลั่วของพวกคุณจะเป็นอย่างไร เป็นตายร้ายดี ผมก็ไม่อยากจะข้องเกี่ยวสนใจอีก”
ลั่วมั่นกำหมัดแน่น ใบหน้าเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง “ใช้สิทธิ์อะไร ฉันกับเฉินเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เรื่องการหย่านั้นตั้งแต่เมื่อไรกันที่ต้องให้คุณพ่อปู่มาจัดการแทน”
จะมีเรื่องที่ได้มาฟรีๆได้อย่างไรกัน ในตระกูลเฟิง เธอให้ความเคารพลู่จิ่งจูจากใจจริง และก็เกลียดพ่อปู่ที่ไร้เมตตามาตั้งแต่ไหนแต่ไรจากใจจริงเช่นกัน
พ่อเฟิงใบหน้าที่ดูแย่ได้ตะคอกขึ้น
“เธอฆ่าคนแล้วยังอยากจะเป็นสะใภ้ตระกูลเฟิงอีกเหรอ อย่าฝันเฟื่องไปหน่อยเลย”
“ฉัน…..”
“เซ็น” ลั่วมั่นยังไม่ทันได้โต้กลับ ก็มีเสียงโมโหโกรธจัดดังขึ้นจากด้านหลัง น้ำเสียงแหบพร่า ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเสียใจและความรู้สึกผิด
“ลั่วมั่น มันคือความผิดพลาดที่ตอนนั้นพ่อบังคับหนูแต่งเข้าบ้านตระกูลเฟิง หนูไม่ควรแต่งงานกับเฟิงเฉิน เซ็นเถอะ เซ็นแล้วต่อไปหนูก็ยังเป็นลูกสาวของพ่อของตระกูลลั่ว ต่อให้พวกเราจะกินข้าวคลุกน้ำปลา พ่อก็สามารถเลี้ยงหนูสองคนแม่ลูกได้ ต่อไปไม่มีทางที่จะไปขอร้องบ้านตระกูลเฟิงอีก!”
ลั่วมั่นไม่กล้าที่จะหันไปสบตาบิดาตัวเอง
ใบหน้าความชราที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น ดวงตาแดงก่ำที่เต็มไปด้วยการโดนดูถูกเหยียดหยาม
“พ่อ พ่อพูดอะไร” ลั่วมั่นตกใจ
“ลั่วมั่น เซ็นชื่อเถอะ พวกเราจะได้ไม่ต้องทนการดูถูกเหยียดหยามจากตระกูลเฟิงอีก พ่อก็จะไม่ขอร้องไห้หนูเสียสละเพื่อบริษัทลั่วซื่ออีกแล้ว ต่อไปหนูจงมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง”