ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 303
พ่อลั่วไม่ได้โกรธเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แววตาของเขานั้นแน่วแน่ ที่ดูไม่เหมือนกับเป็นการเพิ่งตัดสินใจ
“พ่อ พ่อใจเย็นลงก่อน เอกสารนี้หนูไม่สามารถเซ็นได้ นี่เป็นเรื่องระหว่างหนูกับเฉิน”
“พ่อบอกให้หนูเซ็น” พ่อลั่วตวาดขึ้น แล้วชี้ไปทางพ่อเฟิงแล้วพูดกับเธอว่า “มีพ่อปู่ที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ หนูยังอยากจะอยู่บ้านแบบนี้อีกเหรอ อยากหาเรื่องใส่ตัวหรือไง”
พ่อเฟิงไม่โกรธแต่กลับหัวเราะขึ้น “พ่อปู่อย่างฉันมันยังไง แล้วบ้านตระกูลเฟิงของฉันมันยังไง ตอนที่แบมือขอเงิน ไม่เห็นพวกคุณจะอวดดีเหมือนอย่างตอนนี้เลย”
นี่เป็นความเจ็บปวดที่อยู่ภายในใจของพ่อลั่ว เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็โกรธจนหายใจไม่ออก คิ้วขมวดแน่น ดวงตาดำทะมึน เอามือทาบที่หน้าอกแล้วก็ล้มลง
“พ่อ…..”
“คุณท่าน…..”
“ซางไห่……”
คนทั้งบ้านเกิดความโกลาหลลนลาน คนรับใช้รีบไปหายา ลั่วมั่นตกใจหน้าซีด จนกระทั่งคนรับใช้นำยามาป้อนให้จนหายใจคล่องขึ้น สีหน้าถึงได้กลับมามีเลือดเหมือนเดิม
“ได้ ฉันยอมเซ็น”
ลั่วมั่นหันไปมองพ่อเฟิง หยิบปากกาเซ็นชื่อตัวเองลงในใบหย่าต่อหน้าทุกคน จากนั้นก็ปิดแฟ้มเอกสาร แล้วโยนลงไปที่เท้าของพ่อเฟิงดังตุ๊บ และพูดเรียบๆตรงๆขึ้น
“ฉันได้เซ็นชื่อแล้ว คุณเอากลับไปถามเฉินดูว่าเขายอมเซ็นไหม ถ้าหากเขายอม พรุ่งนี้ฉันจะไปที่ว่าการอำเภอ ไปทำเรื่องหย่ากับเขา”
พ่อเฟิงหยิบเอกสารการหย่าขึ้นมา แม้สีหน้าจะดูแย่ แต่จุดประสงค์ของการมาก็ได้บรรลุแล้ว จึงหัวเราะขึ้นอย่างเย็นชาแล้วทิ้งไว้เพียงหนึ่งประโยค “ยอมรับการกระทำเถอะ ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต สมเหตุสมผล”
จากนั้นก็กระแทกประตูแล้วจากไป
ลั่วมั่นนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงพ่อลั่ว โดยที่ไม่พูดไม่จาอยู่เป็นเวลานาน
“ลั่วมั่น พ่อของหนูไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่หายใจไม่ทันแล้วสลบไปเท่านั้น อย่านั่งเฝ้าอีกเลย กลับบ้านไปพักผ่อนกับเฟิงเฉินเถอะ”
แม่ลั่วปลอบใจอยู่ข้างๆ
พ่อเฟิงจากไปไม่นาน เฟิงเฉินก็กลับมา คงน่าจะเจอกันระหว่างทาง เพราะในมือของเฟิงเฉินถือเอกสารการหย่านั้นไว้ จากนั้นเขาก็ทำการฉีกเป็นชิ้นๆต่อหน้าทุกคนในบ้าน แต่ไม่ว่าจะทำการขอโทษอย่างไร ลั่วมั่นก็ไม่ยอมออกมาจากห้องของพ่อลั่ว และตอนนี้เขาก็ได้ยืนอยู่ด้านนอกประตูเป็นชั่วโมงกว่าแล้ว
“ลั่วมั่น หนูจะไปโกรธเฟิงเฉินทำไม พ่อของหนูแค่โกรธเท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้หนูหย่ากับเขาจริงๆสักหน่อย”
“พ่อ”
ดวงตาลั่วมั่นสั่นกะพริบ เมื่อเห็นพ่อลั่วตื่นขึ้น
แม่ลั่วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ฟื้นขึ้นมาเสียที รีบเกลี้ยกล่อมลูกสาวคุณเร็ว นั่งเฝ้าคุณอยู่ตรงนี้หนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว ขังเฟิงเฉินไว้ด้านนอก เพียงเพราะคำพูดที่ไร้สาระของคุณที่บอกให้พวกเขาหย่ากัน คุณไม่ถูกกับพ่อเฟิงเฉิน ก็อย่าให้ลูกๆได้รับผลกระทบไปด้วยสิ”
แต่พ่อลั่วราวกับเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของแม่ลั่ว มองมาทางลูกสาว “ลั่วมั่น ที่พ่อต้องการให้หนูหย่า ไม่ใช่เป็นเพราะอารมณ์โกรธชั่ววูบ แต่พ่อนั้นรู้สึกว่าหนูกับเฟิงเฉินนั้นไม่เหมาะสมกันจริงๆ”
“ตาลั่ว……” แม่ลั่วตกใจ “คุณพูดอะไร”
“ตอนนั้นเป็นเพราะพ่อบังคับให้หนูให้ไปสานสัมพันธ์กับตระกูลเฟิงพื่ออนาคตของบริษัทลั่วซื่อ แต่ว่าหลายปีมานี้พ่อรู้สึกผิดมาโดยตลอด หนูมีชีวิตหลังแต่งงานที่ไม่ราบรื่น สามปีมานี้เฟิงเฉินไม่เคยมาที่บ้านแม้แต่สักครั้งเดียว ทุกอย่างอยู่ในสายตาของพวกเรามาโดยตลอด เป็นเพราะพ่อที่คิดตื้นเกินไปในตอนนั้น”
“พ่อ” หว่างคิ้วของลั่วมั่นเหมือนปมที่แก้ไม่ออก “ตอนนี้ทุกอย่างก็ผ่านไปแล้ว ทำไมจู่ๆพ่อถึงพูดแบบนี้ขึ้น
หนูรู้ว่าเมื่อตอนกลางวันพ่อของเฉินทำให้พ่อโกรธและไม่พอใจ แต่ว่าเฉินนั้นดีกับหนูมากนะคะ”
“ในโลกใบนี้มีคนที่จะดีกับหนูได้ดียิ่งกว่าอีกเยอะแยะ ถ้าหากตอนนั้นพ่อไม่บังคับหนู หนูก็คงจะเจอคนที่ดีกว่า หนูฟังคำทักท้วงของพ่อนะ ตัดความสัมพันธ์กับเขาเสียเถิด”
ลั่วมั่นไม่เคยเห็นบิดาเป็นเช่นนี้มาก่อน ที่คำพูดกับแววตาดูเหมือนจะไม่สอดคล้องกัน ราวกับว่าปากไม่ตรงกับใจ รู้สึกเหมือนมีเลศนัยแอบแฝง แต่เธอก็ไม่มีเวลาไปคิดไปสนใจ เรื่องการหย่านั้นไม่ได้อยู่ในความคิดของเธอเลย
“พ่อ เรื่องนี้ไม่ได้จริงๆค่ะ ถ้าหากว่าหนูรับปากพ่อ ก็จะเป็นการทำผิดต่อเฉินและลูกในท้อง”
ลั่วมั่นแววตาแน่วแน่ ไม่มีแม้แต่การลังเล”
พ่อลั่วสำรวจลูกสาวอยู่สักพัก แล้วก็ทอดถอนใจขึ้น “ช่างเถอะ”