ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 307
“พี่ซือโม่ ฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว” ลั่วมั่นร้องไห้จนไม่มีน้ำตา เสียงแหบพร่าระคนความเจ็บปวด
“คุณยังมีผม ยังมีแม่ ยังมี…..” ซือโม่มีแววตาซับซ้อน “ลูกในท้องของคุณ”
“บริษัทลั่วซื่อล้มละลาย บ้านที่นำไปค้ำประกันก็ถูกธนาคารยืดไปหมด แม่ของฉันไม่เคยตกระกำลำบากมาก่อนเลยทั้งชีวิต ถูกดูแลอย่างดีมาโดยตลอด ฉันกลัวว่าแม่จะปรับตัวไม่ได้”
“ผมจะช่วยคุณเอง”
ซือโม่ปลอบโยนเธอเบาๆ “ผมรู้ว่าคุณไม่ต้องการให้ผมช่วยคุณกู้บริษัทลั่วซื่อคืน และผมก็รู้สึกว่าบริษัทที่เต็มไปด้วยรูพรุน ก็ไม่มีจำเป็นต้องเก็บไว้ แต่ผมสามารถรับคุณเข้าทำงานที่MXได้ คุณมีความสามารถในการทำงาน และก็มีประสบการณ์ ต้องการเลี้ยงคุณแม่และลูกในท้อง ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
คำแนะนำของซือโม่ทำให้ลั่วมั่นหวั่นไหว แต่ว่าเธอก็ยังกังวล “แต่ว่าตัวฉันยังมีคดีอยู่ การรื้อฟื้นคดีก็ยังไม่มีผลสรุปออกมา เกรงว่าหากไปที่บริษัทพี่จะเป็นที่ครหาของคนในบริษัท”
“เรื่องนี้คุณวางใจได้เลย คนในMXนั้นได้คัดเลือกมาอย่างดี ไม่มีพวกที่แบบชอบซุบซิบนินทาไร้สาระ อีกอย่างผมได้ให้คนไปสืบเรื่องคดียิงนั่นแล้ว ปืนเล่มนั้นเป็นปืนที่ผมมอบให้กับคุณ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นผมก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ ผมจะหาวิธีให้เร็วที่สุดในการสืบหาความจริงและพลิกคดีให้กับคุณ”
“ขอบคุณค่ะพี่ซือโม่”
“ระหว่างคุณกับผม ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำขอบคุณ ใช่แล้ว พักนี้คุณกับคุณแม่คุณไปพักอาศัยอยู่ในที่ที่ผมจัดให้ชั่วคราวก่อนนะ”
ลั่วมั่นไม่ได้ปฏิเสธ วันนี้เพียงชั่วข้ามคืนตระกูลลั่วล้มละลาย เธอกับคุณแม่นั้นแทบจะไม่มีที่ไป ซือโม่ยอมยื่นมาช่วยเหลือ ถ้าเธอยังจะปฏิเสธอีก ก็ถือว่าเย่อหยิ่งเกินไปแล้ว
หลังจากที่ออกจากห้องผู้ป่วย ซือโม่ได้โทรศัพท์หาหมายเลขหนึ่ง
“ทำความสะอาดวิลล่าจิ่นซิ่วด้วย ลั่วมั่นกับคุณแม่ของเธอจะย้ายเข้าไปอยู่ อีกอย่างผู้ชายที่ยังอยู่ที่สถานีตำรวจ หาวิธีส่งเขาออกไปต่างประเทศซะ ยิ่งปล่อยยืดเยื้อ ปัญหาก็จะยิ่งตามมา”
เมื่อวางสายโทรศัพท์ลง ดวงตาที่อ่อนโยนของเขาแทรกซึมด้วยความอบอุ่น
การวางแผนที่ยาวนาน ในที่สุดก็ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว
ในคืนนั้น มีเสียงสัญญาณฉุกเฉินดังขึ้นในห้องผู้ป่วยแผนกศัลยกรรมของโรงพยาบาลในเมืองเจียง คุณนายหญิงแห่งตระกูลเฟิงลู่จิ่งจูที่นอนสลบหมดสติมาโดยตลอดได้ฟื้นตื่นขึ้นอีกครั้ง ที่ระเบียงทางเดินของโรงพยาบาลเกิดความโกลาหลขึ้น
“ฟื้นขึ้นมาแล้ว ครั้งนี้ฟื้นขึ้นมาจริงๆ รีบแจ้งข่าวทางบ้านให้ทราบ”
“อะไรนะ ต้องการพบใคร”
“บอกว่าต้องการพบตำรวจ”
“…..”
ฝนที่ตกหนักทั้งคืนได้ชะล้างพัดพาสิ่งสกปรกโสโครกในเมืองเจียงทิ้งไป เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ก็มีข่าวกระจายไปทั่วทุกถนนและตรอกซอย
คดีฆาตกรรมด้วยอาวุธปืนเมื่อสองเดือนเกิดการพลิกผัน ลู่จิ่งจูเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลได้ฟื้นตื่นขึ้น และได้ชี้ตัวฆาตกรว่าเป็นเฟิงเซิ่งลูกชายของตัวเองต่อหน้าตำรวจ และเมื่อตำรวจได้รับข้อมูลจึงรุดไปจับคนที่คฤหาสน์เฟิง กลับพบคฤหาสน์ที่ว่างเปล่า ตัวคนนั้นได้หนีลอยนวลไปแล้ว บ่ายวันนั้นหมายจับก็ได้แพร่กระจายตามสำนักข่าวสื่อต่างๆ
ตกกลางคืน ไนต์คลับที่ประดับด้วยแสงไฟหลากสีสันตามท้องถนน ตรอกซอยที่มืดสลัวราวกับประตูนรก ชายหนุ่มที่ฝีเท้าเร่งรีบ วิ่งเข้าไปสู่ห้องใต้ดินที่มืดมิดไร้แสงตะวัน
“คุณบอกว่าทุกอย่างราบรื่นไม่มีปัญหาไม่ใช่เหรอ”
ชายหนุ่มมีหมวกแก็ปใส่บนศีรษะ โผล่ใบหน้าที่หล่อเหลาให้เห็นรางๆ ในเวลานี้ได้ซีดขาวจนน่าตกใจ “ตอนนี้ทุกตรอกซอกมุมตามท้องถนนเต็มไปด้วยป้ายประกาศจับผม ถ้าหากถูกจับ ลู่จิ่งจูผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางปล่อยผมไปแน่ และชีวิตของผมต้องจบสิ้นอย่างแน่นอน”
“ไม่มีเรื่องอะไรจะราบรื่นสมบูรณ์แบบหรอก ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่คุณขี้ขลาดไปหน่อย สังหารคนก็สังหารไม่ตาย โดนไปเพียงนัดเดียว จนเธอดวงแข็งรอดชีวิตมาได้”
“คุณหมายความว่าอย่างไร” เฟิงเซิ่งกำหมัดแน่นขึ้นทันที แววตาเกรี้ยวกราด “คุณไม่กลัวว่าผมจะเปิดโปงเรื่องของพวกคุณ ว่าพวกคุณเป็นผู้บงการให้ผมฆ่าคน”
“คุณเชื่อหรือไม่ว่าคำพูดของคุณไม่มีทางปรากฏอยู่ในชั้นศาลแม้แต่คำเดียว พวกเรามีปัญญาที่ทำให้คุณติดคุกโดยที่ไม่สามารถออกมาได้อีก”
“นี่พวกคุณบรรลุเป้าหมายแล้วถีบหัวส่งนิ”
“ถ้าไม่อยากติดคุณตลอดชีวิต ก็ขอเพียงคุณเชื่อฟัง ยังมีทางที่สองให้คุณได้เลือกเดิน”ในความมืดนั้น ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าได้พูดประโยคออกมาเบาๆ