ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 310
“แม้ว่าบริษัทลั่วซื่อจะล้มลงแล้ว แต่ว่าลั่วมั่นนี่ก็ถือว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้ายนะ ที่เธอได้รู้จักคุณซือ ตอนนี้มีคนมากมายเท่าไหร่ในเมืองเจียงต้องการประจบประแจงเธอ ยกตัวอย่างบริษัทของฉันที่ช่วงนี้ได้ทำการร่วมมือกับประธานเผยคนนั้น เขาบอกว่าถ้าหากเธอสามารถช่วยคุยอวดเขาต่อหน้าคุณซือได้ เขาก็จะตอบตกลงร่วมมือระยะยาวกับบริษัทพวกเรา…..”
จ้าวจื่อหลันยืนอยู่ด้านหลังของลั่วมั่น ตั้งแต่เริ่มพิธีการฝังศพก็พูดจ้อแจ้ไม่หยุด ลั่วมั่นอดกลั้นอย่างไม่พอใจ จนกระทั่งพิธีการทั้งหมดเสร็จสิ้น เธอถึงได้หันหลังมา
“เธอพูดจบหรือยัง ถ้าพูดจบแล้วก็หุบปากซะ เธออยากได้อะไรก็ไปคว้าเอง ฉันไม่สามารถช่วยเธอได้”
“อ้าว เธอพูดแบบนี้ได้ไง” จ้าวจื่อหลันสีหน้าเปลี่ยนทันที น้ำเสียงร้ายกาจ
“ไต่เต้าไปที่สูงแล้วเชิดหน้าใส่เลยเหรอ มาทำเป็นไม่รู้จักกัน เธอคิดว่าคุณซือจะเอาผู้หญิงที่กำลังจะหย่าแถมยังตั้งครรภ์เหรอ เขาก็แค่เล่นๆเท่านั้น เมื่อเล่นเบื่อแล้ว ก็จะถีบหัวเธอส่ง เธอก็ต้องซมซานกลับมาหาพวกเราอยู่ดี ตอนนี้ช่วยสักหน่อยจะเป็นไรไป”
ลั่วมั่นมีเรื่องกับเธออย่างไม่ตั้งใจ เพื่อเห็นแก่หน้ามารดา น้อยมากที่เธอจะชักสีหน้าใส่ญาติๆเหล่านี้ที่ดุจผีดูดเลือดก็ไม่ปาน เพียงแต่เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นร่างที่คุ้นเคยอยู่บนเขาไกลๆ ที่กางร่มสีดำและราวกับกำลังมองมาที่เธอ
แววตาที่เป็นห่วงกังวลได้แยงเข้ามาในหัวใจเธอ
จ้าวจื่อหลันยังคงพูดเสียงพล่ามเสียงดังข้างใบหูไม่หยุด คำพูดที่ยิ่งพูดก็ยิ่งหยาบคาย
“ลั่วมั่นค่อยๆดึงสายตาจากเขาลาดชันลูกนั้น และไม่รู้ความโมโหโกรธนั้นมาจากไหน
“เพี๊ยะ” เสียงดังฟังชัดกระทบลงที่ข้างใบหู จ้าวจื่อหลันจับแก้มของตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ ใบหน้าตกใจ
“เธอกล้าตบฉันเหรอ”
ผู้คนต่างตกใจกันขึ้น
ลั่วมั่นโกรธจนโมโหขึ้น มือที่ง้างขึ้นนั้นยังคงสั่นเทา
“เธอจงฟังไว้ให้ดี ฉันกับแม่ของฉันต่อให้ต่อไปจะกลายเป็นขอทาน ก็ไม่มีวันที่จะไปขอความช่วยเหลือจากพวกคุณแม้แต่คนเดียว ตอนที่พ่อของฉันยังมีชีวิตอยู่ พวกคุณแต่ละคนเพื่ออำนาจของบริษัทลั่วซื่อ ต่างหน้าด้านไร้ยางอาย ตอนนี้พ่อของฉันก็เสียแล้ว พวกคุณยังคิดที่จะหาผลประโยชน์สุดท้ายอย่างอ้อมๆอีก ผีดูดเลือดอย่างพวกคุณ ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะมีชีวิตภายใต้แสงอาทิตย์นี้ เศษสวะจริงๆ”
“นี่เธอ!” จ้าวจื่อหลันยกมือเพื่อจะตบกลับ แต่ถูกลั่วมั่นสกัดมือของเธอกลางอากาศไว้ได้ ด้วยแรงจับมหาศาลใบหน้าของจ้าวจื่อหลันจึงเผยรู้สึกเจ็บปวดออกมา และกรีดร้องขึ้น
“ที่ฉันพูดไม่ได้หมายถึงเธอคนเดียว รวมไปถึงพวกคุณที่รู้ว่าฉันมีความสัมพันธ์ที่ดีกับซือโม่ แล้วมาเข้าร่วมพิธีงานศพนี้ด้วย ช่างเป็นเศษสวะที่หน้าด้านไร้ยางอายจริงๆ”
เมื่อคำพูดได้เปล่งออกไป เสียงก็ดังกระทบผ่านท่ามกลางสายฝน ——
“ลั่วมั่น นี่เธอพูดอะไร พูดไม่เข้าท่าเลย”
“ใช่ๆ นี่เป็นคำพูดที่พูดกับผู้อาวุโสเหรอ”
“ไม่ช่วยก็ไม่ช่วยสิ…..”
ญาติพี่น้องที่มาร่วมงานพิธีฝังศพต่างมีสีหน้าที่ไม่พอใจ คนที่หน้าบางหน่อยก็สะบัดมือแล้วก็จากไป
“พวกเธอหุบปากซะ!” ลั่วมั่นสะบัดมือของจ้าวจื่อหลันทิ้งแรงๆ แผ่แววตาที่เย็นเยียบออกมา ดูนิ่งสงบกว่าครั้งไหนๆในแต่ก่อน และเธอก็กวาดสายตามองผู้คนในงานอย่างเย็นชา
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันกับแม่ของฉันไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกคุณอีก ต่อไปจะเป็นตายร้ายดีมีจน ต่างคนต่างไม่ต้องมาสนใจกัน แม่คะ เราไปกันเถอะ”
เมื่อพูดเสร็จเธอก็พยุงมือของมารดา สองแม่ลูกเดินลอดผ่านระหว่างกลางผู้คน ล่มสีดำได้ปกปิดความทุกข์ความเศร้าใจทั้งหมดไว้ แล้วทิ้งผู้คนเหล่านั้นไว้ข้างหลัง
ร่างที่อยู่บนเขาลาดชันได้ตามไปอย่างรวดเร็ว ตามจนกระทั่งถึงประตูหน้าสุสาน
“ลั่วมั่น”
เฟิงเฉินได้เรียกให้เธอหยุด “กลับบ้านไปกับผมเถอะ”
“แม่ขึ้นรถไปก่อนนะคะ” ลั่วมั่นคลายมือออกจากมารดา รอแม่เดินจากไปไกลพอสมควร เธอถึงได้เงยหน้าขึ้นจากร่ม “บ้านเหรอ ฉันไม่มีบ้านแล้ว”
“คดีได้คลี่คลายความจริงแล้ว คนที่ยิงปืนไม่ใช่คุณ แม่ให้ผมมารับคุณกลับบ้าน ทุกอย่างจบลงแล้ว ลั่วมั่น” เฟิงเฉินกล่าวออกจากใจ
“ใช่ จบลงแล้ว” ลั่วมั่นปิดตาลง ใบหน้าแน่วแน่ “พวกเราก็จบลงแล้วเช่นกัน