ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 33
บทที่ 33 เป็นครั้งแรกในรอบสามปีของการแต่งงาน
ลั่วมั่นมองข้อพับแขนที่ยังคงถูกบีบแน่นไว้ คิ้วขมวดเข้ม
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น เพียงแค่อยากให้เขาขับรถด้วยความระมัดระวัง”
ข้อพับแขนค่อยๆ ผ่อนคลาย เฟิงเฉินปล่อยแขนออก เธอจึงเริ่มขยับแขน แล้วจ้องมองไปที่ดวงตาของเขา
“แต่ฉันยังคิดว่าที่นี่มันเรียกรถแท็กซี่ยาก และดูท่าฝนจะตกจริงๆ ด้วย ตอนไหนที่คุณโทรศัพท์ให้คนขับมารับ? แล้วยังต้องรออีกนานแค่ไหน?”
สายตาเฟิงเฉินดูเฉื่อยชา ไม่พูดอะไร ใช้นิ้วมือเรียวยาวเลื่อนไปที่หน้าจอโทรศัพท์ แล้วพิมพ์ข้อความส่งไป จากนั้นริมฝีปากบางเย็นถึงได้เอ่ยปากพูดออกมาประโยคหนึ่ง
“ตอนนี้เริ่มรอได้”
ลั่วมั่นกระตุกริมฝีปาก เพราะอะไรกันถึงได้ทำหยิ่งยะโสใส่น้องชายตัวเอง? เป็นเพราะน้องชายเห็นตัวเองเข้ามาในสถานีตำรวจหรือเปล่า?
จะตายแล้วยังรักษาหน้า ทำให้ชีวิตต้องมาลำบาก
ในยามค่ำคืน ต้นไทรสูงใหญ่สองแถวบดบังท้องฟ้าและแสงจันทร์ ปกคลุมถนนหยีเหอที่มีชื่อเสียงของเมืองเจียง ทั้งสองด้านของถนนคือที่อยู่อาศัยผู้คนอันทรงคุณค่า โดยเฉพาะคฤหาสน์เฟิง ที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
เฟิงเซิ่งเข้าไปในบ้าน พี่เลี้ยงส่งรองเท้าแตะและผ้าเช็ดตัวให้
“คุณชายรองกลับมาได้พอเหมาะ ข้างนอกดูเหมือนฝนใกล้จะตกแล้ว”
เฟิงเซิ่งพยักหน้ารับ ขณะกำลังจะพูด กลับมีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาก่อน
“ดึกขนาดนี้ ไปไหนมาถึงพึ่งกลับบ้าน?”
บนบันได หญิงวัยกลางคนที่ได้รับการดูแลอย่างดีมือข้างหนึ่งจับราวบันไดไม้ไว้ ข้อมือสวมใส่กำไลหยกเขียว ทำให้ดูเป็นผู้รากมากดี
สายตาของเฟิงเซิ่งมองไม่ถนัด ส่งเสื้อนอกให้กับพี่เลี้ยง แล้วพูดด้วยความเคารพ
“แม่ ไม่มีอะไร แค่ออกไปทำธุระข้างนอกมานิดหน่อย”
“ตั้งแต่ที่ลูกรีบออกไปจนถึงตอนนี้ พ่อแกถามแม่ไม่รู้กี่ครั้ง ลูกไม่กลับมาเขาไม่มีทางนอนหลับได้ ต้องชักแม่น้ำทั้งห้าถึงได้นอนหลับได้ ข้างนอกคนที่คิดไม่ดีกับลูกมีมาก พ่อเขากลัวว่าลูกจะไปคบกับพวกไม่เป็นโล้เป็นพายเข้า”
“ไม่ใช่ครับ ผมไปพบพี่ชาย….” เฟิงเซิ่งพลั้งปากพูดออก ประโยคหลังหยุดไว้ไม่ทัน จึงรีบก้มหัวลงทันที
“ลูกไปพบเฟิงเฉิน?” สีหน้าคุณผู้หญิงผ่อนคลาย แต่ผ่านไปไม่นานสายตาเริ่มสงสัย “ดึกขนาดนี้ ลูกไปหาเฟิงเฉินทำไมกัน?”
เฟิงเซิ่งสีหน้าเฉื่อยชา
คุณผู้หญิงจับพิรุธบนใบหน้าของเขา จึงถามต่อ “เกิดเรื่องกับเฟิงเฉินใช่ไหม?”
“เปล่า พี่ชายไม่ได้เกิดเรื่องอะไร” สายตาของเฟิงเซิ่งสับสน “แต่เป็นมั่นมั่น”
เช้าวันรุ่งขึ้น
ลั่วมั่นตื่นนอนเก็บที่นอนเตรียมตัวไปทำงาน ตอนลงมาเห็นเฟิงเฉินนั่งกินข้าวเช้ากับหลัวแมนจี จึงหยุดอยู่ตรงบันไดสักครู่ จากนั้นจึงลงมาด้วยท่าทางสงบนิ่ง
คนรับใช้ออกมาต้อนรับ
“คุณนาย เช้านี้รับอะไรดีค่ะ อาหารจีนหรือฝรั่ง?”
“ไม่ต้อง” ลั่วมั่นเดินตรงไปเปลี่ยนรองเท้า “ฉันจะเข้าบริษัท หาอะไรกินระหว่างทาง ไม่ต้องสนใจฉัน”
ขณะที่ลั่วมั่นกำลังออกจากประตู เฟิงเฉินวางตะเกียบลง
“ฉันอิ่มแล้ว คุณนั่งกินไปก่อนล่ะกัน”
พูดจบไม่รอให้หลัวแมนจีตอบรับอะไรก็ลุกเดินจากไป ด้วยท่าทางรีบร้อน
ด้านหน้าโรงรถ ลั่วมั่นกำลังรอให้คนขับรถนำรถออกมา เสียงฝีเท้าจากด้านหลังดังขึ้น
“ฉันจะไปบริษัท ฉันจะพาเธอไป”
ลั่วมั่นหันกลับมาด้วยความสงสัย จึงเห็นเฟิงเฉินในชุดสูทเรียบร้อยยืนอยู่ต่อหน้า ท่าทางเรียบๆ ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาปกติทั่วไป
แต่เรื่องการติดรถเขาไปบริษัท เห็นได้ชัดว่าเป็นครั้งแรกในรอบสามปีที่แต่งงาน
เธอตะลึง เสียงรองเท้าส้นสูงพร้อมเสียงหวานดังเข้ามาอย่างรวดเร็ว “คุณชายเฟิง ฉันอิ่มแล้ว วันนี้มีออดิชั่น ผ่านบริษัทคุณพอดี คุณช่วยไปส่งฉันทีนะคะ!”
เฟิงเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยิน