ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 49
บทที่ 49 อัจฉริยะยังไงก็เป็นอัจฉริยะ
“การประชุมครั้งนี้ไม่ได้บังคับ ถ้าคุณไม่ต้องการมาคุณก็ไม่มาก็ได้ ดิฉันสามารถยอมรับได้ถ้ามาแล้วไม่มีความคิดเห็นใดๆ แต่ว่าคุณเล่นโทรศัพท์มือถือ คิดว่าไม่เกินไปเหรอคะ?”
เสียงเย็นดังก้องในห้องประชุม และท่าทางของลั่วมั่นทำให้ทุกคนกลัว
หญิงสาวกะพริบตา และพูดอย่างใจเย็น
“ไม่มีใครบอกฉันว่ามันไม่ได้บังคับ”
ลมหายใจของทุกคนแผ่วเบาลง ท่าทางนี้ คงเป็นผู้หญิงของแผนกขายในตำนานสินะ
ปากของลั่วมั่นกระตุก และไม่จำเป็นต้องส่องกระจกก็รู้ว่าใบหน้าของตัวเองไม่พอใจขนาดไหน
ผู้หญิงคนนี้มาจากที่ไหนกัน?
“ยกเลิกการประชุม!” คำพูดที่หนักอึ้งอยู่ในออฟฟิศ ลั่วมั่นยืนขึ้นอย่างช้าๆ และเดินออกไป
วันนี้โชคไม่ดีจริงๆ!
“ไม่ได้เรื่อง”
เสียงเยือกเย็นมาจากมุมหนึ่ง หยุดฝีเท้าของลั่วมั่น เมื่อเธอหันกลับไป ก็เห็นหญิงสาวคนนั้น “คุณพูดเรื่องอะไรคะ?”
หญิงสาวที่อยู่ตรงหัวมุมเอนกายบนเก้าอี้ และกำลังเล่นเกมผ่านด่านสุดท้ายโดยไม่สนใจ “แผนเมื่อครู่”
และพูดต่อ “ฉันบอกว่าแผนเมื่อครู่ ไม่ได้เรื่อง”
ผู้คนที่กำลังเก็บของอยู่ ต่างหน้าซีด และมองหญิงสาวที่ยอดเยี่ยมของฝ่ายขายด้วยความเห็นอกเห็นใจ
ไม่น่าแปลกใจที่ผู้อำนวยการฝ่ายการขายแผนกที่สองถึงได้รับเลือกให้เป็นคนที่อารมณ์ดีที่สุดของบริษัทH.Y.เป็นเวลาสองปีติดต่อกัน ก็เพราะมีคนในทีมเป็นแบบนี้ไงล่ะ ถ้าเป็นคนอื่น คงอยากจะลาออกทุกนาที!
ลั่วมั่นตกตะลึง และถามด้วยใบหน้าขึ้นสี
“มันไม่ได้เรื่องยังไงคะ คุณพูดได้ไหม”
มีเสียงโห่ร้องออกมาจากโทรศัพท์มือถือของหญิงสาว ดูเหมือนว่าสิ่งที่เล่นจะชนะ เธอเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ และไม่มีสีหน้าใดๆ บนใบหน้านั้น
“ค่อยคุยพรุ่งนี้ล่ะกัน เลิกงานแล้ว ฉันขอตัวก่อน”
ขอตัวก่อน?
เมื่อกลับมาที่ห้องทำงาน ลั่วมั่นรู้สึกว่าเลือดตีรวนไปหมด เทน้ำลงไปในแก้วขาว ถึงได้ผ่อนคลายอารมณ์
พ่างพ่างนำกาแฟมาให้หนึ่งถ้วย และให้คำแนะนำ
“ประธานลั่วสงบอารมณ์ก่อนค่ะ เล่อสวี้เป็นคนแบบนั้น ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น อยากพูดอะไรก็จะพูดออกมาเลย ถ้าผู้อำนวยการจ้าวของแผนกที่สองไม่ได้เป็นรุ่นพี่ของเธอ และปกป้องเธอมานาน คงถูกไล่ออกไปตั้งนานแล้วค่ะ”
“เป็นคนของผู้อำนวยการจ้าว?” ลั่วมั่นยกคิ้ว ไม่พอใจเล็กน้อย “แล้วทำไมต้องย้ายมาที่แผนกหนึ่ง?”
“เมื่อสองวันก่อน ดิฉันได้ยินมาว่าบริษัทมีแผนปลดพนักงาน และเล่อสวี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย คาดว่าผู้อำนวยการจ้าวคงขอร้องไว้ และแผนกของเขาก็หมดโควตาแล้ว จึงมาที่พวกเราค่ะ”
พ่างพ่างลังเลเล็กน้อย “แต่มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนในแผนกทั้งหมด เมื่อสองปีที่แล้วเธอได้สร้างสถิติยอดขายสูงสุดของแผนการขาย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครทำลายสถิติได้ค่ะ”
ใบหน้าลั่วมั่นนึกคิด และประหลาดใจ
“คุณกำลังพูดถึงโครงการหลานกวง? คือเธอเป็นคนทำแผน?”
“ค่ะ”
ในสองวันที่ผ่านมา ลั่วมั่นได้ดูแบบแผนที่ประสบความสำเร็จมามากมาย หนึ่งในนั้นก็มีของบริษัทH.Y.ที่ชื่อเสียงคือ “โครงการหลานกวง” ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการโฆษณาเพียงหนึ่งล้านเท่านั้น และประสิทธิผลรายเดือนเพิ่มขึ้น 35 จุด จนถึงวันที่ก็ยังไม่มีใครทำได้
ในเวลานั้น เล่อสวี้ผู้เพิ่งเข้ามาในแผนกการขายที่สองเป็นที่รู้จักในฐานะอัจฉริยะการขาย รูปถ่ายของเธอยังถูกติดไว้บนผนังของแผนกฝึกอบรม
แต่ตอนนี้หญิงสาวในชุดสีดำที่เบื่อโลก ไม่เหมือนกับหญิงสาวสดใสที่ชนะการขายเมื่อสองปีก่อน
หลังจากไตร่ตรองสักสองสามวินาที ลั่วมั่นเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “เอาข้อมูลอย่างละเอียดของเล่อสวี้มาให้ฉัน และผลงานที่มีเธอเกี่ยวข้องในช่วงสองปีที่ผ่านมาด้วย”
อัจฉริยะยังไงก็เป็นอัจฉริยะ ถ้าเป็นฝุ่น เธอก็จะเช็ดทำความสะอาด และทำให้เธอเปล่งประกายอีกครั้ง