ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 64
บทที่ 64 พวกเราสามารถมีลูกคนหนึ่งได้
เข้าสู่ยามราตรี ดวงจันทร์กระจ่างชัด แสงดาวน้อยนิด
ลั่วมั่นที่ผมเปียกชื้นอยู่นั่งดูเอกสารอยู่บนโซฟา บนหน้าตักมีโน้ตบุ๊กสีทองเครื่องเล็กๆเครื่องหนึ่ง เคาะแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดก๊อกแก๊กเป็นบางครั้งคราว ไม่ได้สังเกตเห็นว่าใครบางคนผลักประตูเข้ามา
เสียง “แกร๊ก” ดังขึ้น ประตูห้องลงกลอน
ลั่วมั่นหันหน้า มองไปตามเสียงอย่างประหลาดใจ ในใจก็ตื่นเต้น
“คุณมาได้อย่างไรกัน”
“เนคไทเส้นหนึ่งหายไปแล้ว อยู่ที่คุณหรือเปล่า”
“เนคไทของคุณจะอยู่ที่ฉันได้อย่างไร คุณยังไม่นอน……”
พูดได้ครึ่งเดียว ใบหน้าของลั่วมั่นก็แดงระเรื่อขึ้นมาทันที
ก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาเคยนอนที่นี่
ความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปมาบนใบหน้าของลั่วมั่นตกอยู่ในสายตาเฟิงเฉิน เขากลับทำเป็นมองไม่เห็น ยังคงมีท่าทางใจกว้างไม่กดดัน “คุณจะหาหรือให้ผมหา”
ลั่วมั่นสงบคลื่นความรู้สึกที่อยู่ในใจ แสร้งทำเป็นสงบนิ่ง แนะนำว่า “ฉันไม่รู้ว่าตกอยู่ที่ไหน ปกติแล้ว ห้องนี้ล้วนมีแม่บ้านหลีทำความสะอาด ไม่อย่างนั้นลองไปถามเธอดูไหม”
“ได้ คุณไปถามเถอะ ผมจะรออยู่ที่นี่”
เอ่ยจบ เฟิงเฉินก็นั่งลงบนเตียงของเธอ ชุดคลุมอาบน้ำสีเทาปรากฏรอยยับขึ้นตามความเคลื่อนไหวในการนั่ง เผยแผงอกกว้างออกมาครึ่งหนึ่ง กล้ามเนื้อเป็นลอนได้รูปนั้นทำให้คนรู้สึกเลือดลมไหลเวียนเร็วขึ้น
ลั่วมั่นเบนสายตาหนีอย่างรวดเร็ว ปิดโน้ตบุ๊กแล้ววางไว้อีกด้าน “อย่างนั้นฉันจะไปถามดู”
เฟิงเฉินปิดปากเงียบอยู่บนหัวเตียง จนกระทั่งเธอออกไป ริมฝีปากบางก็ยกโค้งขึ้นอย่างบรรลุผลสำเร็จ
ไม่นานลั่วมั่นก็กลับมา
“แม่บ้านหลีบอกว่า ตอนที่ทำความสะอาดห้อง ไม่เห็นเนคไท เนคไทเส้นนั้นของคุณหน้าตาเป็นอย่างไร ไม่อย่างนั้น ให้ฉันซื้อให้คุณใหม่อีกเส้นไหม”
เดิมเฟิงเฉินจะพูดว่าไม่สำคัญ แต่สมองสะท้อนประโยคที่พูดว่า ฉันจะซื้อให้คุณเส้นหนึ่ง ดังขึ้นกะทันหัน คำพูดที่ถึงริมฝีปากถึงเปลี่ยนเป็นเอ่ยออกมาเรียบๆว่า “อืม”
ลั่วมั่นโล่งใจ เห็นว่าเฟิงเฉินยังไม่มีท่าทีว่าจะจากไป ก็เอ่ยถามอย่างลังเลว่า “คุณยังไม่ไปอีกหรือ”
แววตาของเฟิงเฉินเข้มขึ้นเล็กน้อย
“คุณหวังว่าผมจะไปหรือ”
คิ้วเธอกระตุก แน่นอนว่าไม่
สายตาคมปลาบของเฟิงเฉิงจ้องอยู่บนร่างเธอตลอด แม้ว่าจะไม่ได้ยินการตอบรับ แต่ก็คล้ายกับมองเห็นแล้ว
“มานี่สิ” เขาตบที่ข้างๆตัว
ลั่วมั่นบิดข้างชุดกระโปรงนอนแน่น หัวใจก็เริ่มเต้นตึกตักๆไม่หยุด
ความจริงแล้ว ตอนที่ไปถามแม่บ้านหลี ก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ภายในบ้านคล้ายกับว่าจะมีสิ่งของที่ขวางหูขวางตาน้อยลง จึงถือโอกาสเอ่ยถามประโยคหนึ่ง ก็ได้รู้ว่า เฟิงเฉินให้หลัวแมนจีย้ายออกไปตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว
ระยะเวลาสามปี เธอนึกว่าความกระตือรือร้นทั้งหมดของตัวเองจะถูกทำลายไปแล้ว เหลือเพียงแค่ความอดทนอันไร้ที่สิ้นสุด ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่า ตอนที่ในใจของคนเรามีความทุกข์ทรมานมากเกินไปนั้น จะต้องการแค่ความอบอุ่นเพียงเล็กน้อย ก็สามารถเติมเต็มช่องว่างทั้งหมดได้แล้ว
เธอเดินเข้าไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นตอนที่ลังเลไม่ขยับตัว ก็ถูกเขาจับข้อมือเอาไว้ ตกอยู่ในแผงอกอุ่นร้อนที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้า และได้ยินประโยคหนึ่งที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อน
“พวกเราสามารถมีลูกกันคนหนึ่งได้”
ไม่ใช่ผมจะมอบลูกให้กับคุณคนหนึ่ง และไม่ใช่ว่าในเมื่อคุณต้องการ อย่างนั้นตัวเองก็มาเอา แต่เป็นพวกเรา
กลิ่นอายยาสูบเบาบางในอ้อมกอดเขาเหมือนกับเก็บซ่อนเสน่ห์เหลือร้ายเอาไว้ เมื่อตกอยู่ในห้วงนั้นแล้ว ก็หมดสิ้นหนทางที่จะปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระได้
ชุดกระโปรงนอนผ้าไหมเลื่อนหลุดลงจากแขน เขาทิ้งรอยจูบดอกเหมยแดงเป็นจุดๆไว้ตั้งแต่ลำคออย่างต่อเนื่อง เขาจูบอย่างตั้งใจและลึกซึ้ง อาการสั่นที่เกิดจากความตื่นเต้นทั้งหมดในตอนแรกละลายหายไปในความอ่อนโยนของเขา เหมือนกับฝันตื่นหนึ่ง
เงาต้นไม้นอกบานหน้าต่างพลิ้วไหว เงาร่างของคนในบานหน้าต่างโงนเงน
ข้อมือขาวเนียนคล้องอยู่บนลำคอของชายหนุ่ม ลั่วมั่นเงยศีรษะขึ้น บนกระดูกไหปลาร้าเป็นประกายจากเม็ดเหงื่อที่ไหลผ่านไปตามเส้นโค้งที่อ่อนช้อยงดงามทิ้งคราบหยาดเหงื่อเอาไว้
นัยน์ตาเย็นชาที่ไร้คลื่นความรู้สึกมาตลอดของเฟิงเฉินปกคลุมไปด้วยสีแดงเข้มเป็นพิเศษ ยกเอวของเธอขึ้น และดันเข้าไปอย่างแรง
ความเจ็บแน่นจากเบื้องล่างคืบคลานเข้ามาช้าๆ ริมฝีปากแดงก่ำส่งเสียงร้องครางไปมาในชั่วพริบตา
“อ๊า…….” เสียงดังสะท้อนภายในห้อง
ทั้งเจ็บปวดและมีความสุข