ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 66
บทที่ 66 คำพูดคนนั้นน่ากลัวจริงๆ
เฟิงเฉินกลับคว้ามุมหนึ่งของผ้าพันคอที่ทำจากผ้าไหมของเธอเอาไว้ “ผ้าพันคอเบี้ยวแล้ว”
“คุณคิดอะไรอยู่น่ะ” มุมปากเขาโค้งขึ้น หัวเราะสัพยอก
ลั่วมั่นกระแอมไอ “ฉันไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย”
“มานี่”
ผ้าพันคอถูกจัดทรงเรียบร้อยในมือของเฟิงเฉิน ลั่วมั่นอยู่ใกล้เสียจนได้กลิ่นกายเขา สติจึงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เสียง “ติ๊ง” ดังขึ้น ประตูลิฟต์โดยสารเปิดออกช้าๆ ดึงความคิดของเธอกลับคืนมา
“ประธานเฟิง…….ประ……….ประธานลั่ว” เพื่อนร่วมงานชายฝ่ายขายคนหนึ่งที่อยู่นอกลิฟต์โดยสารคล้ายกับเห็นเรื่องไม่คาดฝันอะไรสักอย่าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง “ผม……ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น!”
เอ่ยจบแล้วก็จากไปอย่างรวดเร็ว
เฮ้ย……ท่าทางแบบนี้ไม่เหมือนกับว่าอะไรก็ไม่เห็นเลยนะ
ลั่วมั่นกระอักกระอ่วนเป็นอย่างมาก รีบดิ้นรนให้หลุดจากมือของเฟิงเฉิน ทว่ากลับถูกใครบางคนฝืนจับเอาไว้
“อย่าขยับ ยังไม่เสร็จ”
“………..”
เสียงดังฮือฮาลอยมาจากฝ่ายขายไกลๆไม่หยุด
“จริงหรือ”
“ต่งเผิง คุณมองคนผิดไปหรือไม่ เป็นประธานเฟิงกับประธานลั่วจริงหรือ!”
“โอ้โห จูบกันอย่างเร่าร้อนในลิฟต์โดยสารหรือ รุนแรงขนาดนี้เลยหรือ”
ลั่วมั่นสูดลมหายใจ คำพูดของคนนี่น่ากลัวจริงๆ!
ต่งเผิงสินะ ชื่อนี่เธอจำได้แล้ว
เลขาพ่างพ่างยกกาแฟถ้วยหนึ่งเดินเข้าไปในห้องทำงานผู้อำนวยการ เมื่อมองไปยังเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะอย่างวุ่นวายแล้ว ชั่วขณะหนึ่งก็รู้สึกว่าลงมือไม่ลง
“ประธานลั่ว เอกสารเหล่านี้คุณดูเสร็จแล้วหรือ ต้องการจัดเก็บโต๊ะสักหน่อยหรือไม่คะ”
ลั่วมั่นเงยหน้าขึ้นมาจากด้านหลังคอมพิวเตอร์ กวาดตามองครั้งหนึ่ง “เก็บไปให้หมดเถอะ”
“เยอะขนาดนี้ คุณอ่านเสร็จหมดแล้วหรือคะ” พ่างพ่างประหลาดใจอยู่บ้าง
ดีร้ายอย่างไรก็เป็นเอกสารข้อมูลตลอดสองปีของฝ่ายงานนะ แค่ระยะเวลาสั้นๆอาทิตย์หนึ่งก็อ่านจบแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นพนักงานผู้ใต้บังคับบัญชาก็ไม่ได้ตั้งใจขนาดนี้ น่าเลื่อมใสจริงๆ
“อืม” ลั่วมั่นพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่แล้ว เล่อสวี้มารึยัง”
“มาแล้วค่ะ” พ่างพ่างจัดเก็บเอกสารทั้งหมดแล้ววางไว้ที่โต๊ะน้ำชาก่อน “เพิ่งเห็นเธอที่คอกทำงานค่ะ”
“อีกครู่หนึ่ง เรียกเธอมาหน่อย”
พ่างพ่างลังเลชั่วครู่ อยากจะพูดอะไร แต่ว่าสุดท้ายแล้วก็ผงกศีรษะรับคำ
“ค่ะ”
ลั่วมั่นคล้ายกับมีท่าทีให้ความสนใจเล่อสวี้เป็นพิเศษ
ไม่นานนัก เล่อสวี้ก็มาถึงห้องทำงาน
เสี้ยววินาทีที่ผลักประตูเข้ามา ก็มีกลิ่นของแอลกอฮอล์ลอยเข้ามา
ลั่วมั่นคิ้วขมวด เหลือบตาขึ้นมองพิจารณา
ยังคงสวมชุดดำทั้งตัวไม่มีเปลี่ยน บนรองเท้ามาร์ตินมีโคลนแห้งติดเล็กน้อย ใบหน้าขาวซีดอมโรค เห็นอยู่ชัดว่ารูปร่างผอมบางตัวเล็ก แต่กลับมีบรรยากาศรอบตัวรุนแรงจนทำให้ผู้คนหวาดกลัว
โดยเฉพาะตอนนี้ บนใบหน้าเขียนแปะเอาไว้ว่า ห้ามใครก็ตามเข้ามาใกล้
มิน่าตอนที่ให้พ่างพ่างเรียกเธอเข้ามานั้น เด็กคนนั้นถึงได้มีท่าทางอยากจะพูดแต่พูดไม่ได้แบบนั้น
“คุณดื่มเหล้าหรือ”
“ประธานลั่ว คุณเรียกฉันมาพบ มีเรื่องอะไรหรือคะ” เล่อสวี้ไม่ได้ตอบคำถามเธอ น้ำเสียงก็ไม่ค่อยมีความอดทนเสียเท่าไร
ลั่วมั่นก็ไม่สะดวกที่จะถามต่อ หลังจากครุ่นคิดอย่างลังเลชั่วครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจใช้วิธีการตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม
“ฉันตั้งใจที่จะมอบแผนการส่งเสริมการขายในฤดูร้อนของโรงแรมHYนี้ให้กับคุณ คุณมีความสนใจหรือไม่”
“ไม่ค่ะ”
เล่อสวี้ตอบอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม และไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ลั่วมั่นไม่รู้สึกแปลกใจกับการที่เธอปฏิเสธเรื่องนี้ แต่การที่ไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย ยังคงทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างอธิบายออกมาไม่ได้ครู่หนึ่ง
“คุณมีความกังวลใจต่อผู้อำนวยการจ้าวในฝ่ายขายกลุ่มที่ 2 หรือ ดังนั้นกลัวว่าตัวเองจะปล่อยมือไปไม่ได้หรือ”
ได้ยินคำว่าผู้อำนวยการจ้าวแล้ว แววตาของเล่อสวี้ก็สั่นไหวเล็กน้อย เสียงก็เข้มขึ้นแปลกๆ
“ประธานลั่ว คุณคิดมากเกินไปแล้ว ฉันเพียงแค่ไม่มีความสามารถในด้านนี้เท่านั้นเอง คุณเพิ่งจะมา น่าจะยังไม่เข้าใจ ตอนที่อยู่ในฝ่ายขายกลุ่มที่ 2 ผลงานของฉันอยู่ในอันดับล่างสุดมาตลอด อีกทั้งจริงๆแล้วควรจะไสหัวไปได้ตั้งนานแล้วด้วยค่ะ”
“แต่ว่าคุณก็ไม่ได้จากไป ไม่ใช่หรือ” ลั่วมั่นจ้องเธอเขม็ง