ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 70
บทที่ 70 เก็บเกี่ยวขุนพลมาได้คนหนึ่ง
เฟิงเฉินจ้องมองประกายสั่นไหวในนัยน์ตาของหญิงสาวที่อยู่ด้านหน้า เอ่ยออกมาสองคำอย่างกระชับว่า
“บนเตียง”
——
วันหยุดสุดสัปดาห์สองวันหลังจากนั้น
ลั่วมั่นถูกเฟิงเฉินใช้เหตุผลว่าจะสอนเธอให้ดึงเล่อสวี้มาเป็นพวกได้อย่างไร มาบังคับให้ตามไปพักที่วิลล่าบ่อน้ำพุร้อนสองวัน
ข่าวสารส่งไปถึงคฤหาสน์เฟิง เบื้องหน้าแม่เฟิงไม่ได้พูดอะไร แต่กลับโทรศัพท์เรียกให้แม่บ้านหลีมาหาเป็นการส่วนตัว และยัดของบำรุงไปเต็มกระโปรงหลังรถ เพื่อให้เธอนำไปด้วยตอนกลับไป
เฟิงเซิ่งเดินผ่านมาจากห้องเพาะเลี้ยงดอกไม้ ได้ยินเสียงสนทนาของมารดาและแม่บ้านหลีลอยออกมาจากห้องเพาะดอกไม้
“แม้ว่าพื้นเพทางครอบครัวของลั่วมั่นเด็กคนนี้จะพูดไม่ได้ว่าดี แต่ก็เป็นคนใจกว้างคนหนึ่ง ในงานเลี้ยงค็อกเทลตอนแรก ฉันได้เห็นแค่แวบเดียวก็มองออกว่าเหมาะสมกับนิสัยของเฟิงเฉิน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าแต่งงานมาหลายปีแล้วยังเอื่อยเฉื่อย ไม่มีข่าวคราวอะไร ฉันก็ไม่สนใจจะไปเร่งอะไรพวกเขา ลูกก็คงเป็นรากฐานให้กับบริษัทH.Y.แล้ว หลังจากนี้ก็สามารถรับช่วงต่อบริษัทได้ ให้กำเนิดตั้งแต่เนิ่นๆ ฉันก็จะได้ช่วยพวกเขาสั่งสอนเร็วๆ ไม่อย่างนั้นกิจการที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้จะมอบให้ใครกัน”
“คุณผู้หญิงคิดมากไปแล้วค่ะ แม้ว่าคุณชายรองจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของคุณ แต่ก็ไม่ใช่ว่าคุณผู้หญิงเลี้ยงดูจนเติบใหญ่หรือคะ มากน้อยอย่างไรก็สามารถช่วยเหลือได้ค่ะ”
“เฟิงเซิ่งหรือ เขาไม่ได้หรอก ความคิดละเอียดอ่อนเกินไป พ่อของเขาจะรักเขา ทะนุถนอมเขา ฉันสามารถทำเป็นมองไม่เห็นได้ ชั่วชีวิตนี้เขาอยากจะมีความสุขอย่างไร ใช้ชีวิตอย่างไรก็ได้ แต่มอบบริษัทให้เขานั้น ฉันไม่วางใจ”
เงาร่างที่แอบซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้นอกประตูเงียบๆนั้น กำหมัดแน่น
พูดจาดูดีน่าฟัง แต่ความจริงแล้ว ก็ไม่ใช่เพราะว่าไม่ได้เป็นลูกแท้ๆของตัวเอง ความสัมพันธ์ใกล้ไกลนั้นมีความแตกต่าง
เช้าวันจันทร์
ลั่วมั่นออกมาจากลิฟต์โดยสาร แต่นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงรีบหันหน้าไปเรียกเขาเอาไว้
เฟิงเฉินกดเปิดประตูลิฟต์โดยสารค้างเอาไว้ไม่ปล่อย เลิกคิ้วให้กับคนด้านนอก
“ไม่อยากจากไปหรือ จะขึ้นไปนั่งสักหน่อยไหม”
ลั่วมั่นถลึงตาใส่เขาอย่างเขินอาย หมุนตัวเดินไป แสดงท่าทางว่าตัวเองไม่มีท่าทีอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย จนกระทั่งเดินไปถึงหน้าประตูห้องทำงาน ถึงได้นึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องที่ไม่ได้พูด จึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาส่งข้อความไป
“ตอนกลางวันมีนัดฉีดยากับคุณหมอ อย่าลืมเสียล่ะ”
ก้มหน้าผลักประตูเข้าไป
“ประธานลั่ว…….” เงาร่างสีดำลุกขึ้นยืนจากหลังโต๊ะน้ำชา
“แม่จ๋า…….” ลั่วมั่นถูกเสียงที่ดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้ตกใจจนตะลึง มองไปยังคนที่อยู่ในห้องทำงานอย่างแปลกใจ ชะงักอยู่หลายวินาทีถึงได้ตามหาเสียงตัวเองจนเจอ “เล่อสวี้หรือ”
ไม่มีใครรู้ว่าวันหยุดสุดสัปดาห์สองวันนี้ เล่อสวี้ผ่านมันไปได้อย่างไร แต่ลั่วมั่นสามารถสรุปได้ว่า เธอได้ประสบกับจุดพลิกผันที่ยากจะเกิดขึ้นในชีวิต เพราะเดิมเรื่องที่เธอบอกปัดอย่างแน่วแน่ก็มอบให้เธอทำแล้วในตอนนี้ ทั้งยังเป็นฝ่ายสัญญาว่าจะปฏิบัติภารกิจเรื่องการเพิ่มผลประกอบการทั้ง 15 แห่ง ที่ลั่วมั่นรับปากว่าจะทำในตอนประชุมคณะกรรมการผู้บริหารให้สำเร็จ
“เธอพิจารณาเรียบร้อยแล้วจริงๆหรือ” จนกระทั่งส่งมอบข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ลั่วมั่นก็ยังคงประหลาดใจ
“รูปภาพพวกนั้นมากพอที่จะให้ฉันพิจารณาเรียบร้อยแล้วค่ะ” เล่อสวี้สีหน้าเย็นชา “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและตักเตือนของประธานลู่ค่ะ”
ลั่วมั่นโพล่งออกมาโดยไม่ทันได้ยั้งคิดว่า “รูปพวกนั้นไม่ใช่ฉัน…….”
ฝืนกลืนอีกครึ่งประโยคที่เหลือลงไป แต่ก็ยังเปิดเผยร่องรอยของเรื่องในวันนั้น เธอมองไปทางเล่อสวี้ด้วยความลำบากใจ “คือว่า ขอโทษนะ แต่รูปภาพพวกนั้นไม่ใช่ฉันจริงๆ ฉันยังนึกว่าเธอเป็นคนค้นพบอะไรบางอย่างด้วยตัวเองเสียอีก”
ความจริงแล้ว เธอไม่รู้เรื่องที่จ้าวหยางมีชู้ด้วยซ้ำ
เล่อสวี้มีท่าทางเหมือนคิดเอาไว้แล้ว ตอบเสียงเรียบ
“ล้วนเหมือนกันค่ะ”
“หือ”
“ขอบคุณประธานเฟิงแทนฉันด้วยนะคะ”
หลังเล่อสวี้จากไป ลั่วมั่นก็นั่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งถึงได้สติคืนมา นอกจากเฟิงเฉิน ยังมีใครที่จะมีความสามารถมากขนาดที่จะตรวจสอบเรื่องส่วนตัวของผู้อำนวยการฝ่ายคนหนึ่งได้ลึกซึ้งและละเอียดถี่ถ้วนขนาดนี้กัน
ลั่วมั่นพิงพนักเก้าอี้ ยิ้มจนหางตาโค้งเป็นรูปจันทร์เสี้ยว
ดังนั้น ในระยะนี้เฟิงเฉินแอบช่วยตัวเองเงียบๆมาโดยตลอดหรือ