ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 72
บทที่ 72 ประธานลั่ววางแผนจะเอาอะไรมาชดใช้
ในไม่ช้าก็ถึงวันศุกร์
แผนงานของเล่อสวี้จำเป็นต้องลงสนามไปตรวจสอบสภาพการณ์จริงๆของโรงแรมในแต่ละที่ ดังนั้นจึงทำรายงานเสนอรายชื่อคนหลายคนที่ต้องไปสถานที่ท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อในวันหยุดฤดูร้อนกับเธอขึ้นมาฉบับหนึ่ง
ในตอนแรกลั่วมั่นไม่ใส่ใจ
“คุณต้องการใคร ตัวเองก็เลือกได้ตามใจเลย”
เล่อสวี้ไม่พูดอะไร เงาร่างทะมึนยืนนิ่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน
เมื่อเปิดหนังสือยื่นคำร้องแล้ว ลั่วมั่นก็รู้สึกว่าขมับเต้นตุบๆไม่หยุด “เล่อสวี้ ถ้าฉันอ่านไม่ผิดล่ะก็ คนที่คุณต้องการเหล่านี้ ล้วนเป็นคนในฝ่ายขายกลุ่มที่ 2 สินะ”
ในจำนวนคนห้าคนที่เล่อสวี้ต้องการ มีเพียงแค่สองคนที่เธอคุ้นตา จำได้ลางๆว่าเป็นคนข้างกายของจ้าวหยาง
“ใช่ค่ะ”
“คุณรู้จัก…….เลือกคนจริงๆ ฝ่ายงานของพวกเราไม่มีสักคนที่คุณเห็นแล้วพอใจเลยหรือ”
“ใช้ไม่คล่องมือ อีกทั้งไม่เข้าตาด้วยค่ะ”
ลั่วมั่นพึมพำครู่หนึ่ง ก็รับปาก “ฉันจะลองไปถามกลุ่มที่ 2 ดู จะพยายามยืมคนจากจ้าวหยางมาให้ได้ แต่คุณก็ต้องเตรียมแผนงานฉบับที่สองให้เรียบร้อยด้วย”
“ไม่มีแผนงานฉบับที่สองค่ะ”
เสียงที่เต็มไปด้วยเหตุผลและความถูกต้องของเล่อสวี้ดังก้องไปทั่วห้องทำงาน ลั่วมั่นหมดคำพูด กัดฟันอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยออกมาหนึ่งประโยค
“ได้ ฉันจะไปยืมมาให้คุณ”
หลังจากที่สรุปการประชุมสามัญในวันศุกร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ลั่วมั่นก็เรียกจ้าวหยางเอาไว้ตรงๆ เอ่ยเรื่องยืมคนอย่างอ้อมค้อม
“ประธานลั่ว คุณกำลังล้อผมเล่นหรือครับ” สีหน้าจ้าวหยางเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ แต่ท่าทียังถือได้ว่าเคารพอยู่ ตอบด้วยสีหน้าลำบากใจว่า “คุณจะให้ฝ่ายของผมทำงานอย่างไรครับ”
“ฉันสามารถแลกเปลี่ยนคนกับคุณได้ ถ้าคุณถูกใจคนไหนในฝ่ายของฉัน ก็เลือกได้เลย”
“นี่…….” จ้าวหยางโกรธจนหน้าซีด แต่ติดที่ฐานะของลั่วมั่นจึงจำเป็นต้องสุภาพนอบน้อมต่อไป “คนในฝ่ายของคุณจะคุ้นเคยกับงานของพวกเราที่ไหนกันครับ”
ลั่วมั่นเลิกคิ้วขึ้น “ผู้อำนวยการจ้าว ฉันได้ยินมาว่าเล่อสวี้เป็นรุ่นน้องของคุณ ปกติแล้วคุณดูแลเธอดีมาก คราวนี้เธอเป็นผู้รับผิดชอบโครงการอย่างหาได้ยาก คุณไม่สนับสนุนหรือคะ”
เมื่อเอ่ยถึงเล่อสวี้ สีหน้าของจ้าวหยางก็เปลี่ยนไปทันที เห็นได้ชัดว่ามีความเศร้าโศกวาดผ่านไป
“ประธานลั่ว แม้ว่าจะเป็นเล่อสวี้ ผมก็ไม่สามารถเห็นแก่ความสัมพันธ์ส่วนตัวได้ใช่ไหมครับ คุณก็อย่าทำให้ผมลำบากใจเลย
ลั่วมั่นฝืนยิ้มมองเขา
“ผู้อำนวยการจ้าว คุณต้องคิดให้ดีนะ”
“…………”
“ถ้าฉันยื่นหนังสือคำร้องขึ้นไป ประธานเฟิงลงนามเซ็นชื่อแล้ว คนเหล่านี้ คุณจะไม่ให้ยืมได้หรือ”
น้อยครั้งมากที่ลั่วมั่นจะทำเรื่องอย่างการหักด้ามพร้าด้วยเข่า แต่สถานการณ์เบื้องหน้าถูกเล่อสวี้ เด็กน้อยที่ดื้อดึงคนนี้บีบบังคับเสียจนไม่มีทางเลือก อีกทั้งเธอก็ขัดตากับท่าทางเสแสร้งของจ้าวหยางด้วย
จ้าวหยางสีหน้าขาวซีด “ประธานลั่วพูดอะไรกัน ผมก็ไม่ได้บอกว่าไม่ให้ยืมอย่างเด็ดขาดนะครับ ให้ผมกลับไปจัดการแบ่งงานสักหน่อย ดูว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่”
“อย่างนั้นฉันจะรอข่าวดีจากผู้อำนวยการจ้าวนะคะ ถ้าหากว่าได้ล่ะก็ ถือว่าฉันติดค้างน้ำใจคุณครั้งหนึ่ง หลังจากนี้จะต้องชดใช้ได้แน่”
เมื่อยอมอ่อนข้อให้ ความจริงมันก็สำเร็จแล้ว
จ้าวหยางเดินจากไปอย่างรีบร้อน ความไม่สมัครใจที่แปะอยู่บนใบหน้าก็เกือบจะพรั่งพรูออกมา ถ้ายังอยู่ที่นี่มากขึ้นอีกวินาทีหนึ่ง ไหนเลยจะมีภาพลักษณ์สุภาพบุรุษอยู่อีก
ลั่วมั่นกำลังได้ใจ ด้านหลังก็มีเสียงเย็นชาคุ้นเคยลอยมา
“พูดปากเปล่าว่าจะชดใช้น้ำใจให้ทีหลัง ประธานลั่วคิดจะเอาอะไรมาชดใช้กัน”
เมื่อหันกลับไป ก็เห็นเฟิงเฉินยืนกอดอกอยู่หน้าประตูห้องประชุม มองมาทางเธอด้วยท่าทางสนใจเป็นอย่างยิ่ง คล้ายกับมามองดูละครบทนี้มานานมากแล้ว
ลั่วมั่นกระพริบตาให้เขา ด้วยท่าทีฉลาดแกมโกงเป็นพิเศษ พลางตอบด้วยท่าทางจริงจังว่า
“ผู้อำนวยการจ้าวมีแฟนสาวอยู่คนหนึ่งไม่ใช่หรือ ฉันที่มีฐานะเป็นถึงนางหญิงเฟิง ก็ยังมีอำนาจในการใช้เส้นสายดึงตัวแฟนสาวของเขามาเป็นพนักงานต้อนรับในฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทอยู่สินะ”
เฟิงเฉินสายตาอ่อนลง ริมฝีปากบางเฉียบเอ่ยประเมินออกมาอย่างกระชับแต่ถูกต้องประโยคหนึ่งว่า
“ฆ่าคนอย่างเลือดเย็น