ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 73
บทที่ 73 ของขวัญสุดพิเศษ
“ประโยคนี้ถือว่าเป็นคำชมแล้วกันนะคะ”
สำหรับการที่เฟิงเฉินยอมรับให้ตัวเองจัดการกับคนของจ้าวหยางในฝ่ายขายกลุ่มที่ 2 โดยนัยนั้น ลั่วมั่นไม่แปลกใจ
เธอเข้าใจในตัวเฟิงเฉินมาก ชีวิตที่แอบรักมาหลายปีก่อนแต่งงานนั้น เธอได้ทำความเข้าใจกับนิสัยและบุคลิกของเขาอย่างชัดเจนตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว
การต่อสู้ทั้งต่อหน้าและลับหลังระหว่างฝ่ายงานในบริษัทH.Y.ล้วนเป็นเรื่องปกติ เฟิงเฉินนั้นใช้หลักการปลาใหญ่กินปลาเล็กมาตลอด กฎแห่งป่า ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะเป็นผู้อยู่รอด ดังนั้น เขาจึงมีความยินดีที่ได้เห็นการต่อสู้ เพราะหลังจากผ่านการโรมรันมาแล้ว คนที่เหลือรอดนั้นถึงจะเป็นคนที่ดีที่สุด
หลี่สู้ยื่นศีรษะออกมาจากด้านในห้องประชุม
“ประธานเฟิง ควรจะไปได้แล้วครับ ใกล้จะไม่ทันเครื่องบินแล้ว”
“อืม รู้แล้ว”
“คุณต้องรีบไปขึ้นเครื่องบินหรือ” ลั่วมั่นตะลึงค้างไปเล็กน้อย
เฟิงเฉินพยักหน้า “ไปทำงานนอกสถานที่กะทันหันที่หู้ซ่าง พรุ่งนี้ตอนบ่ายก็จะรีบกลับมา”
‘พรุ่งนี้บ่าย’ เป็นคำที่เน้นหนักเป็นพิเศษ คล้ายกับว่ามีเจตนาจะเตือนอะไรบางอย่าง
แก้มของลั่วมั่นมีริ้วแดงปรากฏขึ้นอย่างหาได้ยาก “ไม่ ไม่ต้องรีบร้อน คุณไปทำธุระของคุณเถอะ”
พูดจบแล้วก็ไม่รอให้เฟิงเฉินตอบ หมุนตัวเดินจากไปทันที
แผ่นหลังที่ตกอยู่ในสายตาของเฟิงเฉินนั้น อ่อนโยนเป็นพิเศษ
“หลี่สู้ นายแต่งงานหรือยัง” หลังจากขึ้นเครื่องบิน เฟิงเฉินก็ถามขึ้นมากะทันหัน
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลี่สู้ที่กำลังคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ก็ถูกแทงที่ใจไปครั้งหนึ่ง
“ไม่ครับ”
“มีแฟนหรือไม่”
เหมือนถูกมีดแทงเข้ามาอีกครั้งอย่างอธิบายออกมาไม่ได้ ตอบเสียงกลัดกลุ้มว่า
“ไม่มีเช่นกันครับ”
“นายเคยมีความรักมั้ย”
“เอ่อ…….ประธานเฟิง คุณอยากจะถามอะไรกันแน่ครับ”
นิ้วเฟิงเฉินแตะที่แก้ม มองไปยังเมฆสีขาวนอกบานหน้าต่าง แสร้งทำท่าทางไม่ใส่ใจ ไอแห้งๆครั้งหนึ่ง
“นายคิดว่าปกติแล้วของขวัญวันเกิดให้อะไรถึงจะเหมาะสม”
“เอ่อ……” หลี่สู้มุมปากกระตุก ฝืนกลืนประโยคที่เกือบจะพูดออกมาแล้วลงไป “ประธานเฟิง คุณสามารถถามตรงๆได้เลยครับ”
ไม่เคยผ่านประสบการณ์นั้นมา ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่เคยเห็นหรือไม่เคยได้ยิน
“ปกติจะให้น้ำหอม เครื่องประดับ กระเป๋าอะไรพวกนี้ครับ”
“อ่อ”
เฟิงเฉินครุ่นคิด
หลี่สู้เอ่ยถามอย่างกล้าหาญอีกประโยคหนึ่ง “จะมอบให้กับประธานลั่วหรือครับ”
ตอนนี้ลั่วมั่นทำงานอยู่ที่บริษัทH.Y. ทั้งบนและล่างล้วนคุ้นชินกับการเรียกเธอว่าประธานลั่ว พาให้หลี่สู้ที่เดิมเรียกเธอว่า คุณผู้หญิง ก็เปลี่ยนคำเรียกเช่นกัน
เฟิงเฉินพยักหน้าน้อยๆ
“ถึงตอนนั้นสามารถไปเดินดูที่ห้างสรรพสินค้าของหู้ซ่างได้ครับ น่าจะมีของที่ประธานลั่วชอบไม่น้อย”
เฟิงเฉินปิดปากเงียบ ไม่ตอบว่าเห็นด้วยหรือไม่ แต่ในใจกลับโต้เถียง
น้ำหอม กระเป๋า เครื่องประดับ ลั่วมั่นมีเยอะจนนับไม่ถ้วน ถ้าให้ของพวกนี้ล่ะก็ ยากที่จะรับประกันได้ว่า จะหาไม่เจอในวันใดที่เธอวางรวมกับของอื่นๆ ต้องให้ของที่พิเศษสักหน่อยไหม
ถึงวันเสาร์ที่นัดเอาไว้
ลั่วมั่นนอนจนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเอง ตอนที่ทานอาหารเช้า ร้านอาหารก็โทรศัพท์มายืนยันข้อมูลการจอง ตลอดช่วงเช้า มุมปากของเธอมีรอยยิ้มประดับอยู่ตลอดเวลา กระทั่งแม่บ้านหลีก็ยังมองออก
“แม่บ้านหลี คุณว่าฉันสวมชุดนี้แล้วเป็นอย่างไรบ้าง” ลั่วมั่นจับชายชุดกระโปรงสีครีมตัวหนึ่งยืนอยู่หน้ากระจก หมุนตัวไปครึ่งหนึ่ง
“ระยะนี้สีหน้าคุณผู้หญิงดีมาก คนก็ดูมีชีวิตชีวา”
“สีนี้ดูเหมือนว่าจะอ่อนไปหน่อย ชุดสีเขียวเข้มชุดนี้เป็นอย่างไร”
“สวยค่ะ สวยหมดเลย” แม่บ้านหลียิ้มแย้มช่วยลั่วมั่นเลือกเสื้อผ้า “ฉันว่านะคะ ในเมื่อเป็นเทพแห่งอายุวัฒนะ ก็ควรจะสวมสีแดง ชุดนี้เป็นอย่างไรคะ”
มองชุดกระโปรงที่แม่บ้านหลีค้นออกมาจากส่วนลึกในตู้เสื้อผ้าแล้ว ลั่วมั่นก็ชะงักไปเล็กน้อย เอ่ยด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า
“เปิดโล่งเกินไปหน่อยหรือไม่”
ชุดเดรสสีไวน์แดงคล้องคอ ด้านหลังมีสายไขว้เล็กๆสองสาย เทียบกับเปิดเผยทั้งแผ่นหลังแล้ว แบบนี้เพิ่มความเซ็กซี่ขึ้นมาหลายส่วน และก็เป็นคอลเลคชั่นใหม่ของแบรนด์ดังชื่อหนึ่ง ราคาแพง ตอนแรกซื้อเพราะตามหาความแปลกใหม่ นอกจากลองที่ร้านไปครั้งหนึ่ง ก็ถูกโยนทิ้งไว้ในตู้เสื้อผ้า โดยไม่ได้แตะต้องอีกเลย