ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 76
บทที่ 76 เหตุการณ์ไม่คาดฝันครั้งนั้นเมื่อสามปีก่อน
น้ำเสียงของเวินน๋อนทั้งมั่นใจและเศร้าโศก คล้ายกับว่าไม่เรียกร้องอะไร
เฟิงเฉินกลับรู้สึกร้อนระอุ เขากดปุ่มเปิดบานหน้าต่างในรถ ด้านนอกฝนหยุดแล้ว ลมยามเย็นพัดผ่านใบหน้าเย็นสบาย บังคับให้เขาขบคิดวิเคราะห์เหตุการณ์ไม่คาดฝันครั้งนั้นเมื่อสามปีก่อนที่เกิดขึ้นกับเวินน๋อนอย่างใจเย็น
เขาคิดจนใจลอย ทว่ากลับไม่ได้สังเกตมองนอกหน้าต่างว่า มีรถคันหนึ่งขับสวนไปคนละทิศทางกับพวกเขา ท่ามกลางเสี้ยววินาทีที่สวนผ่านกันไปนั้น ภายในรถคันนั้นมีเสียงร้องอย่างร้อนใจของหญิงสาวดังขึ้น
“คุณคนขับรถ รบกวนหักเลี้ยวกลับหน่อยค่ะ”
ลั่วมั่นเป็นกังวลว่าสภาพอากาศอันเลวร้ายจะส่งผลกระทบต่อเที่ยวบิน ดังนั้นจึงไม่ยินยอมที่จะรออยู่ที่ร้านอาหารต่อไป และเรียกแท็กซี่ตรงมาที่สนามบินโดยตรง แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า ยังไม่ทันได้ขึ้นทางด่วน ก็ได้พบกับเฟิงเฉินแล้ว จึงเกิดความปีติยินดีขึ้นในใจมาระลอกหนึ่ง
“คุณลุงคนขับรถคะ รบกวนคุณตามรถด้านหน้าคันนั้นไปหน่อยค่ะ”
เดือนเจ็ดในเมืองเจียงนั้นร้อนระอุ แม้ว่าฝนจะตกไปรอบหนึ่งแล้ว ก็ไม่ได้ลดความอุดอู้ที่มีในฤดูกาลนี้ให้น้อยลงเลย
เฟิงเฉินส่งเวินน๋อน แม่ลูกไปถึงโรงแรม
เฮ่าเฮ่าหลับไปแล้ว เวินน๋อนเดินออกมาจากห้องนอน เห็นว่าเฟิงเฉินยังไม่จากไป ใบหน้าก็ปรากฏความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
“เฟิงเฉิน ขอบคุณคุณนะคะ”
เฟิงเฉินกลับคิ้วขมวด
“เด็กคนนี้ มันเรื่องอะไรกันแน่”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว เวินน๋อนก็หลบสายตาเขาอย่างตั้งใจ “ไม่ได้มีเรื่องอะไร คุณอย่าเข้าใจผิด เฮ่าเฮ่าเป็นลูกของฉัน ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ ถ้าไม่ใช่เพราะหย่า ฉันก็คงไม่พาเขากลับมา คุณก็คงไม่ได้พบกับเขาเช่นกัน”
คำพูดนี้พูดอย่างค่อนข้างจะเสียใจ ทำให้คนจำเป็นต้องคิดลึกอย่างเสียมิได้
“ได้ อย่างนั้นเปลี่ยนคำถาม” แววตาของเฟิงเฉินเคร่งขรึม “คืนวันนั้นเมื่อสามปีก่อน เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
สามปีก่อน เป็นจุดเปลี่ยน ไม่ว่าจะสำหรับเขา เวินน๋อน หรือว่า ลั่วมั่น
ชั้นล่างของโรงแรมโจวจี้ มีรถแท็กซี่จอดอยู่ไม่ไกลนานมากแล้วคันหนึ่ง
ภายในรถมีเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้น มองสายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาแล้ว นิ้วเรียวสะอาดก็กดปุ่มรับอย่างสั่นๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ยากจะเข้าใจ
“ฮัลโหล ลงเครื่องแล้วหรือ”
เสียงทุ้มต่ำลอยมาจากอีกฟากของสายโทรศัพท์ “อืม เพิ่งลง ถ้าหิวแล้วก็กินก่อนเลย ผมน่าจะใช้เวลาประมาณ 40 นาทีก็ไปถึง”
ลั่วมั่นเม้มปาก
“ร้านอาหารใกล้จะเลิกงานแล้ว วันนี้ดึกเกินไป ฉันกลับบ้านก่อนแล้วกัน”
อีกฝ่ายลังเลตัดสินใจไม่ได้อยู่ครู่หนึ่ง
“ก็ได้ ครั้งหน้าค่อยอยู่เป็นเพื่อนคุณ ผมยังมีธุระต้องจัดการ คงจะกลับถึงบ้านดึกหน่อย ระหว่างกลับ คุณก็ระวังความปลอดภัยด้วย”
ราวกับในชั่วพริบตา ในสมองก็มีบางสิ่งมลายหายไปสิ้น สีสันเบื้องหน้าทั้งหมดล้วนกลายเป็นสีขาวซีด ภาพยนตร์ม้วนเก่าที่ฝุ่นเกาะอยู่เนิ่นนานในหัวใจฉายออกมาอีกครั้ง ตามมาด้วยภาพที่ปรากฏขึ้นมาทีละฉากๆ หัวใจดวงหนึ่งก็แตกละเอียดไม่เป็นชิ้นดี
ในที่สุด คนในดวงใจคนนั้นของเขาก็กลับมาแล้ว แม้ว่าจะเคยแต่งงานและมีลูกแล้ว ก็ยังคงเป็นคนที่ทิ้งภาพเอาไว้ในใจ ไม่สามารถลืมเลือนได้ เป็นคนที่เขารักแต่อยู่ด้วยกันไม่ได้
ลั่วมั่นมองไปยังห้องโถงโรงแรมอันหรูหรา ที่เฟิงเฉินเดินเข้าไปกับผู้หญิงคนนั้นเมื่อครู่นี้ ด้านนอกหน้าต่างรถ แต่ในโทรศัพท์กลับบอกกับเธอว่า เพิ่งลงจากเครื่องบิน
ลั่วมั่นมองไปยังห้องโถงโรงแรมอันหรูหรานอกบานหน้าต่างรถอย่างตะลึงค้าง เมื่อครู่นี้เฟิงเฉินเดินเข้าไป
น่าขบขันเป็นอย่างยิ่งใช่หรือไม่
ก่อนหน้านี้ เธอยังนึกว่าความสุขที่มาถึงสายเกินไปนี้ช่างน่าขบขันเป็นอย่างยิ่ง
“คุณผู้หญิง ยังจะรอต่อไหมครับ” คนขับรถก็มองออกถึงอะไรบางอย่างได้จากสีหน้าซีดเผือดในทันทีของลั่วมั่น จึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
ผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดลั่วมั่นก็หาเสียงของตัวเองเจอ จิกมือ ใช้ความเจ็บปวดมาทำให้ตัวเองไม่ตกอยู่ในสภาพที่น่าอึดอัดมากเกินไป
“คุณคนขับรถคะ ไปโพลาริสบาร์ค่ะ”
หลังจากถึงจุดหมายแล้ว ลั่วมั่นก็เดินตรงเข้าไปในไนต์คลับที่ครึกครื้นเป็นอย่างยิ่งแห่งหนึ่ง เดินผ่านกลุ่มชายหนุ่มหญิงสาวที่ยักย้ายส่ายสะโพกกันอย่างบ้าคลั่ง มุ่งหน้าตรงไปสั่งเหล้าที่เคาน์เตอร์บริการเครื่องดื่ม
“Long Island Iced Tea”
“รอสักครู่ครับ”
ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะมองเธอสักครั้ง แม้ว่าจะมาที่ไนต์คลับนานขนาดนี้แล้ว ผู้หญิงมากมายหลายประเภทล้วนเคยพบมาหมด ก็ยังคงสายตาเป็นประกายกับภาพเบื้องหน้า