ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 9
บทที่ 9 เมื่อคืนยังไม่พอใจอีกเหรอ
เช้าวันรุ่งขึ้น
ลั่วมั่นตื่นขึ้นมาก็สายมากแล้ว แสงแดดจ้าทำให้เธอนั้นแสบตา เธอปิดตาตัวเองแล้วลืมตา แต่กลับมองเห็นร่างสูงโปร่งยืนอยู่ด้านหน้ากระจกบานใหญ่ แล้วหันหลังให้เธอ
เหตุการณ์เมื่อคืนนั้นผ่านเข้ามาในความคิดของเธออย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเธอก็ตื่นขึ้นแล้วนั่งจับผ้าห่มไว้
“ฟ่อ”
เธออดไม่ได้จนต้องส่งเสียงเบาๆออกมา
เจ็บจังเลย ร่างกายทั้งหมดรู้สึกเหมือนถูกฉีกขาด
เสียงเสียงนี้ทำให้เฟิงเฉินหันหลังกลับมาอย่างช้าๆ
“ตื่นแล้วเหรอ?”
เสียงของเขาเย็นชา ไม่ได้ยินร่องรอยของความอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย
ลั่วมั่นกลืนความเจ็บปวดลง แล้วพยักหน้าช้าๆ “อืม”
“เมื่อคืนยังไม่พอใจอีกเหรอ?”
ใบหน้าของลั่วมั่นเผยความประหลาดใจ ปฏิกิริยาของเขาแปลกเกินไป ทำให้เธอจับผ้าห่มแน่นโดยไม่รู้ตัว ด้วยความกังวลเล็กน้อย
“อยู่ในห้างสรรพสินค้ามาตั้งหลายปี ในไวน์ใส่อะไรลงไปบ้าง แค่ฉันดมก็รู้แล้ว คุณคิดว่าคุณลูกเล่นเล็กๆน้อยแบบนี้จะปกปิดใครได้อย่างนั้นเหรอ?”
หลังจากได้ยินคำเหล่านี้ ลมหายใจของลั่วมั่นก็หยุดนิ่ง พยายามหลบหลีกสายตาอันก้าวร้าวของเขา ก้มหน้าแล้วเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไร
ไม่คาดคิดเลยว่า เขาจะเดาออกได้ตั้งแต่แรก
แต่ว่าแล้วทำไมถึงยัง…..
“เห็นว่าคุณไม่ลังเลที่วางยากล้าหาญอยากจะมีลูก ฉันเลยช่วยให้คุณสมหวัง”
เพียงประโยคเดียว ก็คลายความสงสัยของเธอ แต่ประโยคที่ตามมาติดๆ นั้นเหมือนดังเทน้ำเย็นลงบนหัวของเธอ
“แต่จริงๆแล้วถ้าหากไม่วางยาฉันล่ะก็ เวลาเจอคุณฉันก็คงไม่สนใจคุณมากนักหรอก”
สีหน้าของลั่วมั่นซีดเผือดในทันที มือที่จับผ้าห่มนั้นสั่นสะท้านเล็กน้อย
เสียง“ฮวาๆ” ของลมที่พัดผ่านเข้ามาในห้อง
เหมือนดังสายลมเย็นๆพักเข้ามาใต้ร่างเธอในทันใด ผ้าห่มทั้งผืนถูกยกขึ้น จากบนอากาศแล้วลอยลงมา เลื่อนตกลงจากเตียง
ลั่วมั่นอุทานออกมา แล้วรีบดึงหมอนเพื่อปกป้องร่างกายของเธอมิให้ถูกแตะต้อง
สายตาของเฟิงเฉินกลับไม่ได้มองที่เธอ แต่ว่ามองไปยังรอยแดงเล็กๆบนผ้าปูเตียงสีขาวสะอาด
สีหน้าแพรวพราวเป็นพิเศษ
“ฮึ…..”เฟิงเฉินหัวเราะอย่างเย็นชา “ยังทำแบบนี้อีก”
ลั่วมั่นพูดเสียงสั่นๆ ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “คุณ…..คุณพูดอะไร…..”
“จะแกล้งทำอะไรล่ะ?”
ดวงตาของเฟิงเฉินมีความเยาะเย้ยขึ้นมา “สามปีก่อนคุณเคยได้รับการผ่าตัดซ่อมเยื่อพรหมจารีก่อนแต่งงานใช่หรือเปล่า? แม้ว่าในตอนนั้นจะถูกฉันเปิดโปง แต่คุณก็ยังไปทำอีก คุณคิดว่าฉันสามารถลืมเรื่องนี้ได้อย่างหมดจดภายในสามปีอย่างนั้นเหรอ? ”
“ลั่วมั่น คุณคิดว่าผมโง่เกินไปสินะ ”
เสียงของเฟิงเฉินยิ่งเย็นชาลง
แต่ล่ะคำแต่ล่ะประโยคทำให้ลั่วมั่นลงนรกโดยไม่มีทางกลับขึ้นมา
ใช่ ก่อนแต่งงาน เธอไม่ได้บริสุทธิ์มาก่อน แต่ว่ามันใช่ความผิดของเธออย่างนั้นเหรอ?
แม้ว่าเธอไม่เคยรู้เลยว่าคนแรกที่พรากพรหมจารีของเธอคือใคร พ่อแม่ก็กลัวว่าเธอจะถูกสงสัยในคืนวันแต่งงาน จึงพาเธอไปรับการผ่าตัดซ่อมเยื่อพรหมจารี เธออยากจะสารภาพกับเขาก่อนแต่งงาน แต่ทำไมถึงต้องให้เขายอมรับสิ่งเลวร้ายนั้นกับตัวเองล่ะ? ในเมื่อเธอต้องการที่จะแต่งงานกับเขามาก
สีหน้าของลั่วมั่นนั้นขาวซีด เธอพูดสะเปะสะปะ รีบร้อนอยากจะอธิบาย
“ปีนั้นไม่ใช่ฉัน……”
“ฉันให้โอกาสคุณแล้ว ให้ฉันตั้งท้องเฝ้ามองโชคดีของคุณได้ไหม”
เฟิงเฉินขัดจังหวะการพูดของเธอ สายตาแสดงถึงความหงุดหงิดรำคาญ เขามองเธออย่างรังเกียจแล้วพูดเยาะเย้ย
“ยานี้ไม่เลว แทบจะทำให้ฉันสามารถลืมเรื่องเมื่อคืนที่น่าสะอิดสะเอียนได้เกือบทั้งหมด”
ลมหนาวพัดผ่าน ในขณะที่เขาปิดประตูออกไป สีของริมฝีปากของลั่วมั่นทั้งหมดจางหายไป เหมือนดังอยู่ในห้องน้ำแข็ง
แสงแดดด้านนอกหน้าต่างกระทบกับเตียงภายในบ้านและร่างสีขาวดุจหิมะดูเหมือนเครื่องลายครามชั้นดี เธอขดตัวอยู่ที่มุมเตียงกอดเข่าแล้วฝังใบหน้าทั้งหมดไว้ แล้วไม่ขยับเขยื้อนใดๆ
ลั่วมั่นอยู่ในท่านี้ โดยไม่รู้เลยว่านานเท่าไหร่แล้ว
เธอต้องการพูดคุยกับเฟิงเฉินดีๆ อยากจะคุยเรื่องเมื่อสามปีก่อน แต่เธอต้องรอเขากลับมา