ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว - ตอนที่ 95
บทที่ 95 ทำไมฉันต้องตัดใจ
ในความทรงจำของเวินน๋อน เฟิงเซิ่งเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนและสดใจ ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันเขาคอยดูแลตนอยู่เสมอ ไม่เคยโมโหใส่ตนเลยสักครั้ง การที่เขาปะทุความโกรธขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เธอรู้สึกไม่คาดฝัน ทำให้เธอรู้สึกอายจนเกิดความโมโหขึ้นมา “ใช่! คุณพูดไม่ผิดหลอก”
เธอสลัดแขนของเฟิงเซิ่งอย่างแรงจนหลุดออกจากพันธนาการ พร้อมกล่าวด้วยความเย็นชา “ทำไมฉันต้องตัดใจด้วย คืนนั้นเมื่อสามปีก่อนหากไม่ใช่เพราะนายยุ่งไม่เข้าเรื่อง ๖อนนี้คนที่นั่งบนแท่นคุณผู้หญิงตระกูลเฟิงต้องเป็นฉัน! เป็นนายเองที่ทำลายความสุขของฉัน!”
เฟิงเซิ่งมีสีหน้านิ่งอึ้ง พร้อมอ้าปากเหมือนมีอะไรจะพูด แต่ท้ายที่สุดกลับไร้เสียงใดๆหลุดออกจากปากเขา
เวลาผ่านไปนานพอสมควร กว่าที่เขาจะกลับหลังหันเดินออกจากห้องผู้ป่วย ด้วยแผ่นหลังที่ดูโดดเดี่ยวหดหู่
ซีหลี่หนิงโจว
ลั่นมั่นตื่นแต่เช้า เธอแต่งหน้าอ่อนๆ เตรียมไปพบกับฉือเม่าผู้จัดการโรงแรม
เมื่อเดินเข้ามาในโถง ก็ได้พบว่าพนักงานที่ยืนเรียงกันเป็นแถวหน้ากระดานอยู่สองข้างทาง ที่สวมชุดแบบเดียวกัน เมื่อเห็นร่างเธอเดินเข้ามา ต่างโน้มตัวลงคำนับอย่างพร้อมเพรียงกัน
“สวัสดีค่ะ/ครับท่านประธานลั่ว”
หลังเค้าเตอร์โรงแรมปรากฏป้ายสีแดงยาว พร้อมกับด้านในที่สลักด้วยตัวอักษรสีทอง “ยินดีต้อนรับฝ่ายขายสำนักงานใหญ่บริษัทHY ผู้อำนวยการลั่วมั่นในการเยี่ยมเยียนในครั้งนี้
เกือบทำให้ตาของเธอแทบบอด
หากไม่ใช่เล่อสวี้ที่อยู่ข้างๆประคองเอาไว้ รองเท้าส้นสูงของเธอพลิกเสียหลักจนล้มลงไปกองกับพื้น
“แล้วไม่เป็นใช่ไหม?””
ลั่วมั่นโบกไม้โบกมือ เธอยันกายขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนเอ่ยเสียงแผ่ว “ตอนเธอมาก็แบบนี้เหมือนกันเหรอ?”
เล่อสวี้หัวเราะออกมา “ของพวกนี้ใช้ไม่ได้ผลกับฉันหลอก”
“ไม่ได้ผลกับฉันด้วยเช่นกัน” ลั่วมั่นลูปแขนตัวเอง ก่อนเอ่ยเสริม “ตกใจหมด”
ขณะที่ทั้งคู่ต่อบทสนทนา ผู้ช่วยของฉือเม่าเข้ามาต้อนรับ
“ผู้อำนวยการลั่ว เป็นความผิดพลาดของผม เป็นความผิดพลาดของผม อาหารต้องรับได้เตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เชิญด้านเถอะ”
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่น่าสะอิดสะเอียนของผู้ช่วยฉือเม่า ลั่วมั่นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรังเกียจในใจ
เขาว่ากันว่าหากฝ่ายตรงข้ามสำนึกผิด เราควรให้โอกาส
แต่ทำไมเวลานายนี่ยิ้มทีไร ถึงได้น่าตบนัก?
เมื่อถึงห้องรับลอง ชายหญิงกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นยืนต้อนรับ
เสื้อสูทรองเท้าหนัง มีทั้งหญิงชาย ต่างเป็นระดับผู้บริหารของโรงแรมทั้งนั้น
แต่ในบรรดาคนเหล่านี้กลับไม่มีคนที่ลั่วมั่นตามหาอยู่
“ผู้จัดการของพวกคุณล่ะ?”
ลั่วมั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเหลือบไปทางผู้ช่วยที่แสนสะอิดสะเอียน
ผู้ช่วยหัวเราะออกมา “ผู้จัดการยุ่งมากเขามีงานที่จะต้องทำ เขาจะตามมาภายใน เขาให้เรามารับประทานอาหารกับท่านก่อน ไม่ต้องรอเขา”
“ฉันมาถึงซีหลี่จะสัปดาห์แล้ว ไม่เคยเห็นผู้จัดการของพวกนายเข้ามาเลย”
น้ำเสียงของเล่อสวี้เย็นชามากเป็นพิเศษ ที่สามารถแช่คนรอบข้างให้แข็งได้
ผู้ช่วยยังคงเอ่ยอย่างอารมณ์ดี “ไม่บังเอิญ พอดีช่วงนี้ผู้จัดการต้องไปคุยงานที่ต่างเมือง งานน่าจะสำเร็จด้วยดีในวันนี้พอดี ประธานลั่วมาพอดี เขากำลังเร่งเที่ยวบินที่เร็วที่สุดกลับมา”
เล่อสวี้กำลังจะเอ่ยเสริม หากแต่ถูกลั่วมั่นขัดเอาไว้ก่อน พร้อมนั่งลงบนโต๊ะอาหาร
“ในเมื่อมาแล้ว ฉันรอได้ไม่รีบ”
ลั่วมั่นสายตาพร่ามัว กวาดไปยังคนทั้งโต๊ะ
ทุกคนมีทีท่าที่แตกต่างกันออกไป
เมื่อผู้ช่วยเห็นว่าลั่วมั่นมีความอดทนแน่วแน่ จึงไม่เอ่ยใดๆ เขาหาข้ออ้างออกไปพร้อมกับโทรศัพท์ในมือ
“ประทานฉือ ทางด้านผู้อำนวยการลั่วรับมือยากพอสมควร เธอไม่เหมือนกับว่าแค่ว่าวนแล้วจะไปเลย”
เสียงหัวเราะอย่างสะใจแล่นผ่านมาจากโทรศัพท์ “จะไปกลัวเธอทำไม? ไม่เห็นหรือไงว่านักข่าวเขียนว่าเธอมันเป็นแม่ม่าย จะตื่นตูมอะไร?”