ปลดผนึกหัวใจหวนรัก Love and Redemption - ตอนที่ 30
เสวียนจีเดินไปตามเส้นทางในห้องลับ ไม่ถึงหนึ่งเค่อ ด้านหน้าพลันไร้เส้นทาง คลำไปเจอกำแพงหินหนา น่าแปลก หรือว่าเส้นทางลับถึงกับเป็นทางตัน? สร้างเพื่อบดบังสายตา?
นางไม่ยอมละทิ้งความตั้งใจ ลูบคลำไปบนกำแพงหินไปมา ปลายนิ้วพลันสัมผัสกับปุ่มนูน ลูบคลำต่อไป ถึงกับเป็นเชิงเทียนเหล็กนิล เมื่อก่อนอาจารย์เคยบอกว่า หากพบกับทางตันพวกนี้ ต้องสังเกตสิ่งของโดยรอบให้มาก ใช้มือผลักดู บางทีอาจพบทางใหม่
นางดันเชิงเทียนนั่นลงไปด้านล่างเต็มแรงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ดันขึ้นอีกที ยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
ที่แท้อาจารย์กล่าวไว้ไม่แน่ว่าจะถูกต้องเสมอไป เสวียนจีเข้าไปใกล้กำแพงหิน รู้สึกว่ากำแพงมืดมิดไร้แสง ดำทะมึนจนน่ากลัว นางควักเอาหินไฟออกมาจากอกเสื้อ จุดเชิงเทียนส่องสว่าง ดีที่ด้านบนยังพอเหลือเทียนอยู่บ้าง ยังพอจุดได้
ผู้ใดจะรู้ว่าเชิงเทียนถูกจุดขึ้น พลันได้ยินด้านหลังมีเสียง ครืน ดังมา ราวกับมีสิ่งของบางอย่างเปิดออก เสวียนจีรับหันหลังไปดู เห็นเพียงกำแพงด้านหน้าเปิดช่องทางออก ที่แท้เชิงเทียนเป็นกลไกที่ใช้ไฟเปิด ขอเพียงจุดไฟสว่าง ปุ่มกลไกลก็จะถูกปลด
เรื่องไม่อาจรอช้า เกรงว่าพวกซือเฟิ่งถูกปีศาจจับตัวไปแล้วจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน ยามนี้เสวียนจีลอดตัวเข้าไปในทางแยก เดินไปไม่นาน เบื้องหน้าพลันมีแสงสว่าง รอบๆ สว่างไสวขึ้น ถึงกับเป็นถ้ำ ในนี้มีน้ำหยดไหลย้อย น้ำในบ่อกระจ่างใส ราวกับมีแสงอ่อนๆ สายหนึ่งเปล่งประกายบางเบา
นางได้ยินเสียงน้ำด้านหน้า อดเร่งฝีก้าวเท้าเข้าไปอย่างรวดเร็วไม่ได้ เพิ่งไปถึงข้างก้อนหินที่ขวางทาง ในใจนางพลันร้อนใจ ไม่สนใจดูพื้นตรงหน้า โดดขึ้นข้ามน้ำด้านล่าง กระโดดข้ามไป
ได้ยินเสียง จ๋อม ดังขึ้นเสียงหนึ่ง นางไม่ทันสังเกต ที่แท้หลังหินก้อนนั้นเป็นบ่อน้ำใต้ดินขนาดใหญ่ ถึงกับร่วงไปในน้ำ ร่างท่อนล่างเปียกไปหมด น้ำในบ่อน้ำหนาวเหน็บถึงกระดูก เสวียนจีใช้วิชาหยางเชวี่ยกงรักษาร่างกาย แต่ยังคงหนาวจนสั่นระริก
น้ำในทะเลสาบด้านหน้าพลันกระเพื่อมไหวทันที ราวกับมีคนลอยขึ้นจากน้ำ เสวียนจีคิดว่าเป็นจิ้งจอกม่วง รีบกุมกระบี่กลั้นลมหายใจจ้องมองไปด้านหน้าอย่างไม่ละสายตา ขอเพียงนางปรากฏตัวก็จะออกกระบวนท่าทันที
ระลอกผืนน้ำสีฟ้าขยายวงกว้าง ได้ยินเพียงเสียงน้ำ ซ่า ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ร่างขาวราวหิมะผุดขึ้นจากน้ำ ค่อยๆ ลอยส่ายไปมากลางอากาศ หางปลาตัวใหญ่ราวกับผ้าแพรขาวผืนหนึ่งสะบัดไปมา ตามมาด้วยโดดลงทะเลสาบอีกครั้ง น้ำกระเซ็นรอบทิศ
เสวียนจีตกใจ นั่นเป็นคน? หรือว่าเป็นปลายักษ์?
กำลังสงสัย ด้านหน้าพลันได้ยินเสียงนุ่มนวลดังขึ้น “เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่”
น้ำเสียงนั่นฟังดูแหบพร่า ถึงกับเรียกได้ว่าไม่น่าฟัง วาจาที่กล่าวก็เหมือนอู้อี้ไม่กระจ่าง ฟังแล้วไม่เหมือนว่าเป็นภาษาจงหยวน
พลันมีคนลอยตัวขึ้นเหนือผิวน้ำ ผมยาวดำขลับราวกับสาหร่ายทะเลพันอยู่ที่บั้นเอว ผิวหนังซีดขาว สองตาสีเขียวอ่อนยิ่ง ยามนี้ดวงตาเรียวยาวลึกกำลังมองนางอย่างอ่อนโยน เต็มไปด้วยความยินดี
“อา! เป็นเจ้า! เจ้า” เสวียนจีร้องเสียงดัง ชี้หน้าเขา ‘เจ้า’ อยู่นานก็ไม่กล่าวว่าเจ้าอันใดสักที
เป็นเขา! ปฏิบัติการไข่มุก! เงือก!
เสวียนจีว่ายตะกุยตะกายอยู่ในน้ำ คว้ามือเย็นเยียบเขาไว้ ส่งเสียงดังโหวกเหวก “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ไม่เจอกันนานแล้ว…เจ้า เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ ปีศาจจิ้งจอกนั่น…”
เงือกนั้นยิ้มเล็กน้อย คว้ามือนางกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้าล่ะ”
“ข้า…ข้า…” เสวียนจีกำลังจะบอกเรื่องที่ประสบมากับเขา พลันรู้สึกไม่ถูกต้องนัก ยกมือชี้ไปที่หน้าเขา ตะโกนดังว่า “เจ้าพูดได้แล้ว!”
เขายังคงยิ้ม หยดน้ำราวกับไข่มุกไหลหยดลงจากขนตายาวของเขา ร่างเขามีความงามกระจ่างบางอย่างที่มีเพียงปีศาจจึงจะมี ความงามนี้ทำให้คนหลงใหลตกในภวังค์
“ข้า…” เสวียนจีพลันลืมว่าตนเองจะกล่าวอันใด
“ข้าชื่อถิงหนู” เขากล่าวน้ำเสียงนุ่ม “เจ้าเรียกข้าว่าถิงหนูได้”
ที่แท้เงือกก็มีชื่อ นางยิ้มให้เขาเล็กน้อย กำลังจะย้อนความหลัง พลันคิดถึงพวกซือเฟิ่งที่ถูกจิ้งจอกม่วงจับตัวไปในเวลากระชั้นชิด หน้าสลดลงถอนใจกล่าวว่า “ถิงหนู ข้ามีเรื่องด่วน ครั้งหน้าค่อยมาคุยกับเจ้า ข้ากำลังหาจิ้งจอกนั่นอยู่ นางจับตัวศิษย์พี่หกกับพวกซือเฟิ่งไป”
ถิงหนูกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ข้ารู้ นางเป็นปีศาจดูดพลังหยางเสริมพลังหยิน”
เสวียนจียามนี้ในที่สุดก็จัดการเรียบเรียงความคิดกระจ่าง ถามว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไร อีกเรื่อง เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ถูกนางจับมาเหมือนกันหรือ”
ถิงหนูส่ายหน้า ใช้น้ำเสียงแหบพร่ากล่าวขึ้นแผ่วเบาว่า “นางกำลังดำเนินการเรื่องใหญ่หนึ่งอยู่ บีบบังคับข้าให้ช่วย ข้าไม่รับปาก นางจึงได้จับข้าขังไว้ที่นี่”
“เรื่องใหญ่ใด”
ถิงหนูนิ่งเงียบเป็นนาน กล่าวว่า “อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ พวกเจ้าน่าจะได้พบกับนางโดยไม่ตั้งใจแล้ว ระยะนี้นางต้องการเสริมพลังวัตรเร่งด่วน ได้เจอผู้บำเพ็ญเซียน ก็ย่อมไม่ยอมปล่อยไปแน่ หากไม่รีบไปช่วยพวกเขา เกรงว่าจะสายไป”
เสวียนจีพอได้ยินก็ร้อนใจ หันหลังคิดไปค้นหาต่อ กลับถูกเขาดึงตัวไว้เบาๆ กล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “เจ้า…จำอันใดไม่ได้แล้วหรือ”
จำอันใดได้ นางมองเขางุนงงไปหมด
ถิงหนูเงียบมองนาง เป็นสายตาที่คุ้นเคยนั่นอีกแล้ว ราวกับเมื่อก่อนนานมาแล้ว พวกเรารู้จักกัน ผ่านมานานหลายปีได้มาเจอกันที่นี่อีกครา
“ด้วยความสามารถเจ้า จะถูกนางจับได้อย่างไร…” ถิงหนูแอบถอนใจ กุมมือนางแน่น “อย่าร้อนใจ สงบจิตหลับตาค้นหาให้ดี เจ้าหาเจอแน่”
“ข้าไม่…” เสวียนจีเดิมคิดต่อต้าน แต่พอเห็นสายตาเขาก็กล่าวไม่ออก ได้แต่ปิดตาสงบจิตตาม
ผ่านไปครู่หนึ่ง ในถ้ำที่เดิมเงียบสงบก็เกิดเสียงต่างๆ มากมาย มีเสียงคลื่นน้ำดังแว่วมาเบาๆ มีเสียงลมหายใจของถิงหนูตรงหน้า ยังมีตะไคร่บนผนังถ้ำมีเสียงค่อยๆ คืบคลาน
เจ้าต้องการหาผู้ใด
ในใจราวกับมีเสียงกำลังถามนาง
ต้องการหาศิษย์พี่หก ซือเฟิ่ง หรูอี้…ยังมีจิ้งจอกม่วงพลังสูงตนนั้น
ราวกับเป็นความสามารถเดิม นางค่อยๆ ยกมือขวาขึ้น ราวกับคว้าอันใดไว้ การรับรู้ทั้งหมดรวมตัวเข้าด้วยกันในพริบตา ลอดผ่านผาหิน ทะลุผ่านระเบียงทางเดินนับไม่ถ้วน มองไปเห็นแพรม่านเตียงบางเบา คนในม่านพลันตกใจ สะดุ้งหันหลังกลับมามอง แววตาสีเขียวสะท้อนกลับมา
นางมองเห็นอีกฝ่ายแล้ว!
เสวียนจีพลันตกใจลืมตาขึ้น ยังคงเป็นถ้ำนั้น เงือกตรงหน้ายังคงไม่เปลี่ยน นางกำกระบี่ของอวี่ซือเฟิ่งแน่น กล่าวขึ้นเบาๆ ว่า “ข้า…ข้ารู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนแล้ว! ข้าต้องไปช่วยพวกเขา!”
กล่าวจบนางก็ค่อยๆ ขึ้นฝั่ง บิดเสื้อผ้าให้หมาด ก่อนหันหลังคิดจากไป ถิงหนูพลันกล่าวเบาๆ ว่า “พาข้าไปด้วย ได้ไหม”
เสวียนจีอึ้งไปครู่หนึ่ง มองไปยังหางปลาครึ่งท่อนล่างเขาด้วยสัญชาตญาณ ติดอ่างกล่าวว่า “พาเจ้าไม่มีปัญหา แต่เจ้า…” เดินได้ไหม หรือว่าต้องให้นางแบกอุ้มไป เอ๋ เงือกน่าจะไม่มีเพศชายหญิง แต่เขาดูแล้วเหมือนเป็นชาย…
ถิงหนูยิ้มเล็กน้อย ชี้ไปที่มุมด้านหลังนาง กล่าวว่า “แม้ว่าไม่อาจเดินได้ แต่ข้ามีวิธี”
เสวียนจีมองตามมือเขาไปเห็นเก้าอี้เข็นเหล็กวางอยู่ตรงนั้น เมื่อครู่ยังไม่ทันได้สังเกต นางรีบไปเข็นรถเข็นมายังริมทะเลสาบ ถิงหนูสลัดตัว ค่อยๆ ลอยตัวขึ้นมานั่งบนเก้าอี้เข็น
เสวียนจีถอดชุดแต่งงานออกสวมคลุมให้เขา ชุดแต่งงานตัวใหญ่มาก แต่เขาสวมได้พอดี แม้แต่หางปลาก็ถูกปกคลุมไว้มิดชิด
“พวกเราไปกันได้” ถิงหนูเงยหน้ายิ้มให้นางเล็กน้อย ชุดแดงผมดำ งามสมเป็นมารปีศาจจริงๆ