ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 425 พี่ ฉันมีคนที่ชอบแล้ว
คุณนายจางตกตะลึง มองเด็กในอ้อมแขนของเฉียวโยวโยว แล้วหันไปมองฟู่สีเกออีกครั้ง
แล้วพูดอย่างช้าๆว่า : “สองคนเหรอ?”
ฟู่สีเกอพยักหน้า
“มีลูกสองคนพร้อมกัน แล้วยังเป็นผู้ชายกับผู้หญิงอีกเหรอ?” คุณนายจางดูเหมือนไม่อยากจะเชื่อ : “อย่างนั้นก็เป็นฝาแฝดชายหญิงใช่ไหม?”
เมิ่งซินหรุ่ยจึงพูดต่อว่า : “ใช่แล้ว ลูกสะใภ้ฉันโหงวเฮ้งดี เดิมทีตระกูลเราไม่มียีนแฝดเลย แต่เธอคลอดครั้งเดียวก็ได้แฝดชายหญิงเลย มันไม่ง่ายเลยจริงๆ!”
“อย่างนั้นก่อนหน้านี้ที่เราคอมเมนต์ในวีแชต ทำไมคุณไม่ตอบกลับไปล่ะ?” คุณนายจางถามอย่างไม่ยอมแพ้
“เฮ้อ คุณมาสักคน ก็ต้องรู้กันอย่างแน่นอน” เมิ่งซินหรุ่ยแสร้งทำเป็นพูดอย่างน่าสงสาร : “เด็กสองคนไม่เหมือนกับคนเดียว เวลานั้นเพิ่งเกิดมาก็ต้องพักผ่อนสักหน่อย แต่หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยมีเวลา ฉันจึงไม่เคยได้ดูวีแชตโมเมนต์เลย”
คุณนายจางเหมือนกับกระอักเลือด เธอมองไปยังหรงฉิวที่อยู่ในอ้อมแขนของเฉียวโยวโยว พูดอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่า : “ขอโทษด้วยนะ ฉันคิดว่ามีลูกแค่คนเดียว ฉะนั้นจึงเอาอั่งเปามาแค่ซองเดียว……คุณนายเมิ่งคุณรอฉันเดี๋ยวนะ ฉันจะกลับไปเอามาอีกซองหนึ่ง!”
“ไม่ต้องหรอก!” เมิ่งซินหรุ่ยกล่าว : “เด็กเล็กขนาดนี้ รู้จักอั่งเปาซะที่ไหนกัน? แค่นี้ก็มีกะจิตกะใจพอแล้ว!”
“ไม่ได้ๆ ปีใหม่แล้ว ต้องเป็นนิมิตหมายที่ดี ฉันจะกลับไปเอามาเพิ่มอีกอันหนึ่ง!” คุณนายจางพูดจบ ก็รีบเดินออกไปเลย
ฟู่สีเกอมองไปทางเมิ่งซินหรุ่ยอย่างทำอะไรไม่ถูก : “แม่ ฉันกับโยวโยวทำตามที่คุณสั่งเสร็จแล้ว ฉะนั้นคุณก็เลยหลอกเอาเงินอั่งเปาใช่ไหม?”
เมิ่งซินหรุ่ยถลึงตาใส่เขา : “ฉันจะหลอกเอาเงินมาทำไม? ฉันไม่ได้เห็นคุณค่าเงินเล็กน้อยอันนั้นของเธอหรอกนะ! ฉันแค่อยากเห็นการแสดงออกของเธอก็เท่านั้น!”
พูดจบเธอก็หอมแก้มเด็กน้อยทั้งสองคนอย่างมีความสุข แล้วพูดอย่างภูมิใจว่า : “ในตอนนั้น ลูกสะใภ้ของเธอคลอดลูกชายมาสองคน ตอนนั้นคุณยังไม่มีแฟน เธอก็อุ้มเด็กมาอวดกับฉันทุกวัน แล้วก็ถามว่า สีเกอของคุณหาแฟนได้หรือยัง? เช่นนั้นฉันจะช่วยแนะนำให้คุณ เป็นพนักงานแคชเชียร์ซูเปอร์มาร์เก็ต……”
เมิ่งซินหรุ่ยพูดไปด้วย ทำท่าทำทางไปด้วย : “เชอะ ตอนนั้นฉันอยากจะด่าใส่เธอไปเลย! แต่คุณก็ไม่มีแฟนจริงๆแหละ ฉันจะพูดอะไรก็ไม่มั่นใจ! แต่ตอนนี้ฉันมีทั้งหลานมีทั้งลูกสะใภ้ โย่โย่ของฉันยังคลอดลูกฝาแฝดชายหญิงให้อีก ก่อนหน้านี้ฉันจงใจที่จะไม่บอก ก็แค่ต้องการให้เธอโกรธ! คุณดูสิ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังจะร้องไห้ แต่ยังคงกัดฟันและกลืนน้ำตาลงไป!”
พูดจบเธอก็หัวเราะขึ้นมาเสียงดัง เด็กที่อยู่ในอ้อมแขนของฟู่สีเกอดูเหมือนว่าจะรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงแสยะยิ้มตาม
เวลานี้เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น เฉียวโยวโยวยิ้มแล้วพูดว่า : “โอเค คุณนายจางเอาเงินมาให้แล้ว!”
……
วันส่งท้ายปีเก่า หลานเสี่ยวถางกับสือมูเฉินอุ้มหวันหว่านมายังบ้านพักทหารของหลานเซี่ยวเฉิง และหลานเซี่ยวเฉิงกับเย่เหลียนอีก็ฉลองปีใหม่ด้วยกัน
ทางด้านนี้ไม่อนุญาตให้จุดพลุ แต่เป็นครั้งแรกที่หลานเสี่ยวถางได้เห็นความโรแมนติกที่แตกต่างออกไป
หวันหว่านหลับแล้ว โดยมีพี่เลี้ยงอยู่เป็นเพื่อน ดังนั้นหลานเสี่ยวถางและคนอื่นๆจึงไปที่สนามฝึกยิงปืนด้วยกัน
หลานเซี่ยวเฉิงหยิบปืนขึ้นมาหนึ่งกระบอก แล้วพูดกับหลานเสี่ยวถางว่า : “ถางถาง คุณดูนะฉันกับแม่ของคุณจะช่วยกันเขียนคำอวยพรให้พวกคุณ!”
พูดจบ เขาก็หยิบปืนสั้นขึ้นมาแล้วยิงหลายนัดติดต่อกันไปยังเป้าหมายที่อยู่ห่างไกลอย่างรวดเร็ว
ที่ด้านข้าง เย่เหลียนอียกยิ้มขึ้นมา แววตาเป็นประกาย : “ตาฉันแล้ว!”
เธอรับปืนสั้นจากในมือของหลานเซี่ยวเฉิงมา บนปืนยังมีความอุ่นของฝ่ามือหลานเซี่ยวเฉิงอยู่
เธอหยิบปืนขึ้นมา ยิงหลายนัดไปที่เป้าหมายด้วยท่าทางองอาจ
หลานเซี่ยวเฉิงมองภรรยาของตนเอง โดยไม่เคลื่อนย้ายสายตาไปแม้แต่นิดเดียว
พวกเขาแยกจากกันมาหลายปี ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ไม่เคยมีข่าวคราวเลย อันที่จริงเขาเคยคิดว่า เธออาจจะแต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว หรือหลงรักคนอื่นไปแล้วหรือเปล่า……
แต่ในท้ายที่สุดที่พวกเขาได้เจอกัน นอกจากหน้าตาของเธอที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้ว ทุกๆอย่างก็เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
และตอนนี้พวกเขาก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ในที่สุดก็ได้มาอยู่ใกล้ชิดกัน ความรู้สึกเช่นนี้ เหมือนได้ผ่านช่วงเวลาแห่งความรักอีกครั้ง
เย่เหลียนอีวางปืนลง แล้วเลิกคิ้วให้เย่เหลียนอี : “ตาคุณแล้ว!”
หลานเซี่ยวเฉิงกำลังเหม่อใจลอย นี่ดูเหมือนกันกับเมื่อหลายปีก่อน ตอนช่วงวัยที่กำลังรุ่งโรจน์ของพวกเขา เธอชอบทำท่าทางท้าทายเขา
เขายิ้มให้เธอด้วยดวงตาเป็นประกาย : “โอเค”
ด้วยเหตุนี้ หลานเสี่ยวถางกับสือมูเฉินจึงสวมหูฟังกันเสียงอยู่ตลอดเวลา แล้วดูผู้อาวุโสทั้งสองท่านแสดง
สุดท้ายหลานเซี่ยวเฉิงก็เดินไปข้างหน้า แล้วหยิบเป้ายิงมาวางตรงหน้าหลานเสี่ยวถาง
สือมูเฉินรับมา เห็นบนเป้ายิงที่ใช้กระสุนปืนจริงยิงเป็นคำว่า : ขอให้ถางถางมูเฉินหวันหว่านมีความสุข
“ขอบคุณค่ะพ่อขอบคุณค่ะแม่!” หลานเสี่ยวถางยื่นมือออกไปกอดหลานเซี่ยวเฉิง และเย่เหลียนอีทีละคน
ตอนกลางคืนทุกๆคนก็กลับไปพร้อมกัน แต่วันรุ่งขึ้นบนท้องฟ้าก็มีหิมะตกลงมา
เย่เหลียนอีพูดกับหลานเซี่ยวเฉิงว่า : “เซี่ยวเฉิง ฉันกับหลานเสี่ยวถางต้องกลับไปเยี่ยมพ่อของฉันหน่อย ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเขาสักสองสามวันแล้วจะกลับมา”
หลานเซี่ยวเฉิงพยักหน้า : “โอเค ฉันจะรอคุณอยู่ทางด้านนี้นะ”
“อืม” เย่เหลียนอีจูบลาหลานเซี่ยวเฉิง พร้อมกับหลานเสี่ยวถางสือมูเฉินที่อุ้มหวันหว่าน ขึ้นเครื่องบินไปอเมริกาด้วยกัน
เมื่อลงจากเครื่องบิน คนของออเนอร์ก็มารอรับแล้ว
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ทุกคนก็กลับมาถึงสำนักงานใหญ่ออเนอร์ หลานจื่อเฉินก็เพิ่งกลับมาจากข้างนอก จึงโอบกอดกับเย่เหลียนอีเล็กน้อยก่อน จากนั้นก็วิ่งไปยังตรงหน้าหลานเสี่ยวถางทันที แล้วเข้าไปอุ้มหวันหว่าน
“ไม่เจอกันสองสามเดือน หวันหว่านโตขึ้นแล้ว!” หลานจื่อเฉินจูบเจ้าตัวน้อยหนึ่งที : “คิดถึงน้าไหม? หืม?”
หวันหว่านยิ้มให้หลานจื่อเฉิน แล้วยื่นมือไปดึงๆผมของเขา
“น้ายังไม่ทันได้ตัดผม” หลานจื่อเฉินกล่าวอย่างเขินอายว่า : “ยาวไปหน่อยใช่ไหม?”
หวันหว่านพูดไม่ได้ แต่ก็แสดงออกอย่างเป็นมิตร
เธอคว้าใบหูของหลานจื่อเฉิน แล้วเข้าไปใกล้ จากนั้น ก็นำปากน้อยๆไปชิดบนแก้มของเขา เพื่อจูบหลานจื่อเฉินหนึ่งที
บนแก้ม มีความรู้สึกถึงคราบน้ำลาย แต่หลานจื่อเฉินกลับรู้สึกเหมือนว่าหัวใจพองโต
เขาอุ้มหวันหว่าน : “มา น้าซื้อของขวัญเอาไว้ให้คุณ พวกเราไปดูกันว่าชอบไหม!”
พูดพลาง อุ้มหวันหว่านไปยังห้องเด็กทารกที่เตรียมเอาไว้โดยตรง
ในนั้น ถูกจัดไว้เหมือนกับปราสาทของเจ้าหญิงตัวน้อยในเทพนิยาย ผนังสีชมพู ข้างเตียงเป็นลูกไม้ แล้วยังมีเฟอร์นิเจอร์ขนาดน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋มอีกมากมาย รวมทั้งเตียงยังเต็มไปด้วยของเล่นตุ๊กตา
ชั่วพริบตาที่หวันหว่านถูกอุ้มเข้าไป ดวงตาก็เป็นประกาย ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่เธอชอบ!
ด้วยเหตุนี้ เจ้าหนูน้อยจึงชี้ไปยังของเล่นที่อยู่บนเตียง แล้วถีบขาไม่ยอมหยุด
“หวันหว่านไม่ต้องรีบไป พวกเราจะลงไปเล่นเดี๋ยวนี้!” หลานจื่อเฉินวางเธอลงบนเตียง ตอนนี้เจ้าตัวน้อยยังเดินไม่ได้ เพียงแต่คลานได้อย่างคล่องแคล่ว จึงคลานไปยังตรงหน้าแกะสีขาวอย่างรวดเร็ว จากนั้น ก็อุ้มขึ้นมาอย่างชอบอกชอบใจ
พอตอนบ่าย เจ้าหนูน้อยก็กำลังคลานเล่นอยู่ในห้อง ราวกับว่าได้พบโลกใบใหม่ จึงตื่นเต้นดีใจอย่างมาก
เพียงแต่ คาดไม่ถึงว่าเด็กน้อยจะมีกำลังที่จำกัด เล่นเหนื่อยแล้วกินอิ่มแล้ว ก็หลับปุ๋ยไป
ตอนเย็น หลานจื่อเฉินและหลานเสี่ยวถางกำลังพูดคุยกันอยู่ที่ชั้นลอยของบ้าน หลานจื่อเฉินก็กล่าวว่า : “พรุ่งนี้โอหยางจวิ้นจะเข้ามา เพียงแต่แค่เข้ามาหาหวันหว่าน พวกเขาก็รู้ดีว่าพวกเราค่อนข้างให้ความสำคัญกับเทศกาลปีใหม่ ดังนั้น จึงจะมารับหวันหว่านหลังจากผ่านเทศกาลโคมไฟไปแล้ว”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า : “อืม อันที่จริงจะว่าไปแล้วพวกเขาก็ดีกับหวันหว่านไม่น้อย เพียงแต่วิธีการบางอย่าง…….”
เธอนึกถึงอะไรบางอย่างได้ จึงกล่าวถามว่า : “เออใช่ โอหยางจวิ้นไม่เคยมีคู่รักที่เหมาะสมเลยเหรอ? เขาคงไม่อยู่ตัวคนเดียวแบบนี้ตลอดไปหรอกใช่ไหม?”
หลานจื่อเฉินส่ายหน้า ยิ้มแล้วกล่าวว่า : “ฉันเห็นว่าเขาอยู่ตัวคนเดียวมาได้สักพักแล้วจริงๆ! อันที่จริงตระกูลเพอร์เซลล์ก็ต้องการหาภรรยาที่คู่ควรให้เขามาโดยตลอด แต่ก็ไม่มีคนไหนเหมาะสมเลย ช่วงก่อนมีผู้หญิงที่อายุใกล้เคียงกันคนหนึ่งจากตระกูลฟิลลิป พวกเขาต้อนรับขับสู้กันอย่างดี สุดท้ายผู้หญิงคนนั้นก็ไปแต่งงานอย่างสายฟ้าแลบกับผู้ดีอังกฤษตอนที่ไปท่องเที่ยวที่นั่น ความคิดของพวกเขาจึงต้องสูญเปล่าไป…..”
หลานเสี่ยวถางฟังแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ : “จะต้องเหมาะสมคู่ควรงั้นเหรอ? แล้วถ้ามันไม่มีล่ะ?”
“ทางด้านตระกูลเพอร์เซลล์ล้วนเป็นคนหัวโบราณ พวกเขายอมขาดแคลนดีกว่ามีของที่ด้อยคุณภาพ ดังนั้น ฉันยังอยากจะร้องไห้แทนโอหยางจวิ้นเลย อีกอย่าง เหมือนว่าพวกเขาจะมีความเชื่อทางศาสนา จึงปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ดังนั้น ไม่แน่ว่าเขาอาจจะยังเป็นชายบริสุทธิ์อยู่ก็ได้!” หันจื่อเฉินปิดปากแล้วหัวเราะ
หลานเสี่ยวถางหัวเราะตาม : “ไม่หรอกมั้ง? งั้นก็น่าตลกจริงๆ!” นึกอะไรขึ้นได้ เธอจึงหรี่ตามอง: “เสี่ยวเฉิน คุณพูดแต่เรื่องคนอื่น แล้วคุณล่ะ?”
“อะแฮ่ม——” หลานจื่อเฉินเขินอายเล็กน้อย : “ทำไมมาถึงตัวฉันได้ล่ะ?”
“งั้นคุณก็……” หลานเสี่ยวถางยิ้มอย่างชั่วร้าย
“พี่ คุณเรียนรู้ความชั่วร้ายมาจากพี่เขยเหรอ? หืม?” หลานจื่อเฉินยื่นมือไปจั๊กจี้หลานเสี่ยวถาง
หลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะขดตัวลงไปบนพื้น : “เฮ้ย กล้ารังแกพี่สาวของคุณเหรอ?!”
“เอาล่ะๆ ฉันผิดไปแล้ว!” หลานจื่อเฉินยอมจำนน : “พี่ อันที่จริง ฉันมีคนที่ชอบแล้ว”
“ห๊ะ?!” ครั้งนี้หลานเสี่ยวถางตกใจจริงๆ เธอยังจำได้ว่าเมื่อสองสามเดือนก่อน หลานจื่อเฉินยังบอกอยู่เลยว่าตนเองอยากเที่ยวเล่นอีกสักสองสามปี
“เมื่อสามเดือนก่อน หลังจากที่พวกคุณไปได้ไม่นาน ฉันได้พบเธอตอนที่ออกไปเจรจาธุรกิจ” หลานจื่ออี้กล่าว : “ตอนนั้นฉันไปที่บราซิล คุณก็รู้ว่า ที่นั่นค่อนข้างโกลาหล คู่แข่งของฉันคาดไม่ถึงว่าจะกล้าลงมือฆ่าฉัน ฉันได้รับบาดเจ็บ จึงหนีเข้าไปในป่าแห่งหนึ่ง แล้วถูกผู้หญิงคนหนึ่งช่วยชีวิตเอาไว้…….”
“แล้วตอนนี้บาดแผลของคุณไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?” หลานเสี่ยวถางมองหลานจื่อเฉินอย่างเป็นกังวล
“สบายใจได้ น้องชายคุณร่างกายแข็งแรงขนาดนี้ จะเป็นอะไรได้ยังไง?!” หลานจื่อเฉินเลิกคิ้ว : “ที่สำคัญ เธอเป็นคนชนผิวเหลือง อีกทั้งยังเหมือนกับคนทางตอนใต้ของประเทศจีนด้วย ฉันฟังสำเนียงแล้วก็ค่อนข้างเหมือน เพียงแต่ เธอน่าจะไปถ่ายรูปที่นั่น จากนั้นก็ช่วยชีวิตฉันเอาไว้โดยบังเอิญ”
“แล้วตอนนี้พวกคุณ……” หลานเสี่ยวถางกล่าว : “เธอยังไม่แต่งงานใช่ไหม? แค่ยังไม่แต่งงาน ก็ยังมีโอกาส!”
หลานจื่อเฉินพูดถึงตรงนี้ ก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อย : “ที่น่าเศร้าที่สุดก็คือ ฉันไม่รู้ช่องทางการติดต่อหรือชื่อของเธอโดยสิ้นเชิง เรื่องแต่งงานแล้วหรือยังยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย! วันนั้นที่เธอช่วยชีวิตฉัน ช่วยพันแผลให้ฉัน แล้วก็พาฉันไปส่งโรงพยาบาล แต่เมื่อฉันถามช่องทางการติดต่อเธอ เธอก็บอกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แล้วไม่ได้บอกอะไร จากนั้น จึงถือโอกาสตอนที่ฉันกำลังตรวจร่างกาย จากไปโดยไม่ร่ำลา!”
“ดังนั้น ตอนนี้ถึงคุณอยากจะตามหาก็คงหาไม่เจอใช่ไหม?” หลานเสี่ยวถางตบเบาๆที่ไหล่ของหลานจื่อเฉิน : “ทำไมเธอถึงไม่หลงใหลในรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของคุณ แล้วให้ช่องทางการติดต่อกับคุณโดยตรงนะ?”
หลานจื่อเฉินเบ้ปาก : “นี่แสดงให้เห็นว่าเธอรักนวลสงวนตัวอย่างมาก! พี่ คุณวางใจเถอะ ตอนนั้นฉันไม่มีลูกน้องในมือ จึงไม่สามารถหาเธอได้ทันเวลา เพียงแต่ ฉันเชื่อว่าฉันจะต้องได้พบเธออย่างแน่นอน!”