ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 428 มีน้องชายหรือน้องสาวเพิ่มให้เธออีกคน
หลังจากนั้นไม่กี่วัน โอหยางจวิ้นและคนอื่นๆแทบจะมาทุกวัน จนกระทั่ง เทศกาลหยวนเซียว
ตามที่กำหนดไว้ พอผ่านเทศกาลหยวนเซียวไป หวันหว่านก็ถูกส่งตัวไปยังตระกูลเพอร์เซลล์ ดังนั้น เช้าวันรุ่งขึ้น หลานเสี่ยวถางและสือมูเฉินก็อุ้มหวันหว่านนั่งอยู่บนรถของโอหยางจวิ้น และมายังฝั่งเพอร์เซลล์ด้วยกัน
ทางฝั่งนี้ก็ได้เตรียมห้องของเด็กทารกเอาไว้นานแล้ว หรือแทนที่จะบอกว่าเป็นห้องเด็กทารก สู้บอกว่าเป็นสวนสนุกขนาดย่อมจะดีกว่า
เมื่อหลานเสี่ยวถางเดินเข้าไปก็ถึงกลับตะลึง
ภายในห้องสามารถแบ่งได้หลายหมวด : ไม่ว่าจะเป็นสไตล์โจรสลัด สไตล์เจ้าหญิงสีชมพู สไตล์ทุ่งนาป่าไม้ และยังมีราชอาณาจักรอนิเมะ
มีเกือบทุกสไตล์ที่รวมเอาไว้ในห้องเดียว อีกทั้ง เพื่อความสะดวกในการคลานของเด็กทารก และยังมีรางที่ทำขึ้นมาเฉพาะให้เด็กคลาน
ดังนั้น เมื่อหวันหว่าหลับเต็มอิ่มแล้วพอลืมตาขึ้นมา ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาในทันที
เธอโถมตัวลงไปด้วยความดีใจ ดังนั้น หลานเสี่ยวถางก็ปล่อยเธอลงไป
เจ้าตัวเล็กก็มองไปรอบๆก่อน ต่อมา ก็คลานเข้าไปในโซน‘ป่า’ที่มีถ้ำเห็ดอยู่ จากนั้นก็ยื่นศีรษะน้อยออกมาและยิ้มให้หลานเสี่ยวถาง
หลานเสี่ยวถางก็ถอดรองเท้า : “ หวันหว่านเรามาเล่นซ่อนหากัน ! หวันหว่านไปซ่อน เดี๋ยวแม่เป็นคน โอเคไหม ?”
เมื่อหวันหว่านได้ยินแบบนั้นแล้ว พอกำลังจะคลานออกไป จู่ๆก็เหมือนว่าจะนึกอะไรขึ้นได้ก็เลยชี้ไปยังสือมูเฉินและโอหยางจวิ้น
หลานเสี่ยวถางเข้าใจ : “ จะให้ปะป๊ากับอาจวิ้นเล่นด้วยงั้นหรอ ?”
เมื่อพูดสิ่งที่เจ้าตัวเล็กจะสื่อ เธอก็ยิ้มขึ้นมาในทันที จากนั้นก็กระดกก้นน้อยๆ คลานไปด้านหน้าอย่างปราดเปรียว
เมื่อเจ้าหญิงตัวน้อยออกคำสั่ง เป็นธรรมดาที่สือมูเฉินและโอหยางจวิ้นทำได้เพียงถอดรองเท้าและเข้าไปในคฤหาสน์ แล้วก็ยังต้องแกล้งทำเป็นหาหวันหว่านไม่เจอและมองหาไปรอบๆ
จนกระทั่ง คาดว่าเล่นได้พอประมาณแล้ว ตอนนั้นเองหวันหว่านก็ได้ซ่อนอยู่ในเรือโจรสลัด และเห็นเพียงสองเท้าเล็กๆเท่านั้นที่โผล่ออกมา
อาจจะเป็นเพราะสภาพแวดล้อมใหม่จริงๆก็ได้ที่ทำให้คนรู้สึกตื่นเต้นดีใจ ตลอดช่วงเช้าหวันหว่านไม่นอนเลย และในช่วงเที่ยงก็กินได้เยอะกว่าปกติ พอตกเย็น ก็ยังอยากไปเล่นที่คฤหาสน์ หลานเสี่ยวถางและคนอื่นๆไม่มีใครรั้งเธอได้ ก็เลยทำได้เพียงแค่ปล่อยเธอเข้าไปเล่น
ในที่สุดเจ้าตัวน้อยก็เหนื่อยแล้ว เดิมทีก็ยังเล่นซ่อนหา แต่ผลสุดท้ายก็ซ่อนจนตัวเองหลับไป
ดังนั้น หลานเสี่ยวก็อุ้มเธอขึ้นมาวางลงบนเตียง
ถึงอย่างไรสือมูเฉินก็ไม่สามารถที่จะอยู่กับทั้งสองได้ตลอด เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้อยู่ในประเทศตลอด และทางด้านสำนักงานใหญ่ของบริษัทรายย่อยของ AllianceTechnology ก็มีงานที่กองสุมอยู่ไม่ใช่น้อย
ดังนั้น ก็เลยใช้โอกาสนี้ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วสือมูเฉินจะใช้เวลาอยู่ที่บริษัท มันก็เลยทำให้วันหยุดสุดสัปดาห์เขาเลยต้องไปที่เพอร์เซลล์เพื่อมาอยู่กับสองแม่ลูก
และวันนั้นโอหยางจวิ้นก็ฉวยโอกาสที่หลานเสี่ยวถางนั้นกินข้าวอยู่ แอบอุ้มหวันหว่านไปนั่งเฮลิคอปเตอร์ของทหาร เมื่อหลานเสี่ยวถางรู้ในภายหลัง เขาก็เลยโดนดุด่าไปพักหนึ่ง
เป็นเพราะว่าทางฝั่งเพอร์เซลล์ไม่มีเด็ก ตอนนี้หวันหว่านก็เลยยุ่งมาก เพราะทุกวันก็จะมี‘แขกต่างชาติ’มาคอยต้อนรับ ฉะนั้นแล้ว มันก็เลยทำให้เวลาของเสี่ยวหลานถางกลับว่างลง
นึกขึ้นได้ว่าเมื่อหลายวันก่อนหลานจื่อเฉินได้เอายูเอสบีให้มาเธอ ดังนั้นก็เลยเปิดคอมดูว่ามั่วหลิงชวนให้อะไรเธอกันแน่
เมื่อเปิดโปรแกรม ก็เห็นแบบสนทนาของมั่วซื่อ : “ ผู้พิทักษ์ ในส่วนโปรแกรมครึ่งหลัง ส่งไปให้คุณแล้ว หวังว่าคุณจะไม่ใช่ตัวถ่วงนะ การออกแบบอย่างหนึ่งที่ล้วนจะทำให้ไปถึงระดับสูงได้นั้น จะต้องขึ้นอยู่กับระดับของความร่วมมือโดยทั้งสองฝ่าย ถ้าทำเสร็จแล้วอย่าลืมบอกฉันด้วยล่ะ !”
หลานเสี่ยวถางยิ้ม แล้วก็คลิกเข้าไปดู
แต่เมื่อเธอเห็นก็คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นการออกแบบของรถยนต์อัจฉริยะ เธอก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงตาค้าง
มั่วหลิงชวนคนนี้ เอาเวลาไหนที่ไปค้นคว้าและวิจัยของเขตนี้ ?
ถ้าพูดถึงเรื่องนี้ สำหรับเรื่องรถเธอไม่เคยศึกษาเลย ถึงแม้จะเข้าใจเรื่องซอฟต์แวร์ แต่ถึงอย่างไรเธอก็อยากจะจับคู่เข้ากับซอฟต์แวร์และฟังก์ชันที่มากมายของรถ และก็ต้องรู้พลศาสตร์ของสิ่งของอีกไม่ใช่น้อย !
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและส่งข้อความหามั่วหลิงชวน : “ ผู้ทำลาย คุณแน่ใจนะว่าครึ่งแรกของโปรแกรมจะใช้กับระบบควบคุมส่วนกลางของรถได้อ่ะ และรถก็คงจะไม่เผามันตายเองหรอกนะ ?”
คิดไม่ถึงเลยว่ามั่วหลิงชวนจะยังไม่นอนและรีบตอบกลับมาในทันที : “ ดูก็รู้เลยนะว่าคุณนั้นไม่เข้าใจ ! ซอฟต์แวร์ตัวนี้ คุณลองไปค้นคว้าและวิจัยดีๆก่อนเถอะ ! รอคุณเข้าใจ ผมอาจจะถอนตัวจากกลุ่มไปแล้วก็ได้ ”
หลานเสี่ยวถางอึ้งไปครู่หนึ่ง : “ ทำไมต้องถอนตัวออกจากกลุ่ม ? ถึงแม้ว่าจะสืบทอดธุรกิจของครอบครัว แต่ก็ถือมันก็เป็นงานอดิเรกที่ชอบก็ได้นิ !” เธอรู้อย่างลึกซึ้งว่ามั่วหลิงชวนนั้นชื่นชอบการเป็นนักโปรแกรมเมอร์
“ ถ้าเกิดว่ายังคงทำต่อไป ผมก็จะยิ่งเกลียดสิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้ ” มั่วหลิงชวนตอบกลับมา : “ ในตอนที่คุณทำสำเร็จ มันก็จะเป็นตอนที่ผมบอกลากับตัวผมเองในอดีต ”
บอกลา ยุคสมัยที่ต่อต้านนั้น แล้วก็ถ้าเขาที่ไม่ทะเลาะกันก็คงไม่ได้รู้จักเธอ
“ แต่ฉันไม่เข้าใจเรื่องรถยนต์จริงๆนะ ” หลานเสี่ยวถางพูด : “ บางทีพอค้นคว้าและวิจัยอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว ผมของคุณก็คงขาวโพลนแล้วละ !”
“ ถ้าพูดแบบนั้น ก็ถือว่าพวกเราจะร่วมมือกันทำไปจนแก่เฒ่างั้นหรอ ?” มั่วหลิงชวนก็ได้ส่งอิโมจิสติ๊กเกอร์กอดมา
หลานเสี่ยวถางคาดไม่ถึง*ว่าเขาจะพูดอย่างนั้น ก็รู้สึกหนักใจเล็กน้อย และแสร้งทำเป็นพูดอย่างเป็นธรรมชาติ : “ ฉันก็แค่ล้อเล่นเฉยๆ ฉันรู้สึกว่าตัวเองก็คงจะไม่ได้โง่ขนาดนั้น ”
“ รู้อยู่แล้วแหละ บางทีคุณอาจจะคาดหวังให้มันยิ่งเร็วยิ่งดี ” เมื่อมั่วหลิงส่งข้อความนี้แล้ว ก็ส่งเพิ่มมาอีกประโยคว่า : “ ดีใจมากๆนะที่ได้รู้จักกับคุณ แต่หลังจากนี้ก็คงจะไม่ได้สู้ร่วมกันไปพร้อมกับคุณแล้วนะ ”
เมื่อเห็นประโยคนี้ที่เขาส่งมา หลานเสี่ยวถางก็รู้สึกใจหวิวๆเล็กน้อย
ดูเหมือนว่า มั่วหลิงชวนจะทำได้เพียงแค่บอกลาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์จริงๆเท่านั้น ก่อนหน้านี้ เคยได้ยินสือมูเฉินบอกว่า ธนาคารมั่วซื่อกรุ๊ปของพวกเขานั้นมีการต่อสู้แย่งชิงอำนาจภายในนั้นรุนแรงอย่างมาก
และแม่ของเขาก็คาดหวังเสมอว่าเขาจะกลับไปสืบทอดธุรกิจของครอบครัวและเอาชนะทายาทคนอื่นๆให้ได้
หลานเสี่ยวถางไปยังโปรแกรมที่ซับซ้อนนั้น แล้วก็นึกถึงมั่วหลิงชวนที่ผ่านมาถึงแม้ว่าเกลียดก็ตาม แต่ถึงอย่างไร ก็มีหัวใจสัตย์ซื่อในแนวคิดของซอฟต์แวร์ อีกทั้ง ที่ผ่านมาเขาก็เคยช่วยเธอ…….
ในเวลานี้ เขาก็น่าจะเสียใจมากๆเลยมั้ง ?
ปลายนิ้วของเธอขยับและตอบกลับไปให้เขาหนึ่งประโยค : “ ฉันจะจำวันที่เราร่วมสู้ไปด้วยกัน โปรแกรมนี้ฉันจะทำมันให้สำเร็จ พอถึงตอนนั้น ก็จะนำไปใช้ในขอบเขตที่ควรจะใช้มัน และทำให้มีคนยอมรับมากขึ้น ”
ห่างออกไปหลายพันไมล์ มั่วหลิงชวนที่เห็นข้อความของหลานเสี่ยวถาง ก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปสักพัก
ท้ายที่สุด สายตาของเขาก็มองไปยังแสงไฟที่อยู่ข้างนอก และพูดเบาเบาหนึ่งประโยคว่า : ผมคิดถึงคุณนะ
เขาคิดว่า เธอคงจะไม่มีวันรู้ความคิดที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ
ในวันหลังจากนี้ หลานเสี่ยวถางก็จะกลายเป็นคนที่อุดมสมบูรณ์มากขึ้น
ในตอนกลางวัน นอกจากจะค้นคว้าและวิจัยโปรแกรมแล้วก็จะเรียนรู้เกี่ยวกับพลังงานของรถยนต์ นอกเหนือจากนั้นก็จะเล่นเกมต่างๆกับหวันหว่าน
ส่วนในตอนกลางคืน ถ้าหากว่าสือมูเฉินไม่อยู่ หลานเสี่ยวถางก็จะกล่อมให้หวันหว่านนอนหลับ จากนั้นก็จะออกกำลังกายในคฤหาสน์สักแป๊บ และค่อยกลับไปนอนหลับฝันหวาน
และเมื่อเวลาผ่านไป หิมะกับน้ำแข็งก็ละลาย ต้นหลิวก็แตกยอดและถึงฤดูใบไม้ผลิโดยที่ไม่รู้ตัว ในขณะเดียวกัน ก็ถึงกำหนดการการแต่งงานของซูสือจิ่นและหยานชิงเจ๋อ
ในงานแต่งงานของทั้งสองคน เป็นธรรมดาที่หลานเสี่ยวถางและสือมูเฉินต้องไป
และในเวลานี้ หวันหว่านก็สามารถที่จะคิดเรื่องหย่านมได้แล้ว และก็คิดเรื่องที่ว่าถ้าหากพาหวันหว่านกลับจีน เธอจะต้องนั่งเครื่องกลับสิบชั่วโมงอีก ซึ่งสำหรับเด็กแล้วเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากๆ
ดังนั้น หลานเสี่ยวถางและสือมูเฉินก็เลยปรึกษาหารือกัน และตัดสินใจว่าทั้งสองคนจะกลับกันไปเอง พอจบงานแต่งก็บินกลับมา
นี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวหวันหว่านจะต้องห่างจากแม่ และเจ้าตัวน้อยก็ไม่เข้าใจเลยว่าการแยกจากกันมันคืออะไร
และหลานเสี่ยวถางก็คิดว่าตอนนี้เธอแทบจะมีน้ำนมเหลือไม่มากแล้ว ก็เลยถือโอกาสนี้ในการทำให้หวันหว่านนั้นหย่านมพอดี
ฉะนั้นแล้ว ในตอนเช้า เธอไม่ได้ให้นม แต่กลับหยิบขวดนมให้หวันหว่านแทน และพูดกับเธอว่า : “ หวันหว่าน แม่และพ่อของลูกจะต้องนั่งเครื่องบินไปยังที่หนึ่งถึงจะสามารถไปถึงที่นั้นได้ ดังนั้นแล้วสองวันนี้หวันหว่านจะไม่เจอพ่อกับแม่นะ รออีกสองวัน แม่จะรีบกลับมาเล่นเป็นเพื่อนหวันหว่านนะ ”
สาวน้อยที่กำลังดื่มนม เธอที่รู้ครึ่งหนึ่งก็เงยหน้าขึ้นมองหลานเสี่ยวถาง
หลานเสี่ยวถางก็พูดอีกว่า : “ วันสองวันที่แม่ไม่อยู่ หวันหว่านจะต้องเชื่อฟังอาจวิ้นและเล่นกับปู่ทวดแดเนียลนะ และเป็นเด็กดีไม่ร้องไห้ด้วยนะ ส่วนแม่และพ่อจะรีบกลับมาหาหวันหว่านนะ !”
สาวน้อยก็ไม่รู้ว่าเข้าใจหรือไม่เข้าใจ เธอพยักหน้าแล้วก็ดื่มนมผงไปด้วย
ในช่วงเที่ยง หลานเสี่ยวถางและสือมูเฉินก็จะต้องขึ้นบิน ในชั่วพริบตาที่จะต้องแยกจากหลานเสี่ยวถางก็รู้สึกทำใจไม่ได้
แต่เมื่อคิดถ้าจะหย่านมแล้วอยู่ใกล้ตัวมันก็ไม่ดี บวกกับซูสือจิ่นเละหยานชิงเจ๋อที่กว่าจะสามารถเดินมาถึงการแต่งงานนี้มันก็ไม่ง่ายเลย ดังนั้นเธอและสือมูเฉินจึงบอกว่ายังไงก็ต้องไปเข้าร่วมงานแต่ง
“ เสี่ยวถาง คิดถึงหวันหว่านอยู่ใช่หรือเปล่า ?” สือมูเฉินเห็นว่าหลานเสี่ยวถางเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบินก็เลยอดไม่ได้ที่จะไม่ถาม
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า : “ คุณว่าหวันหว่านจะร้องไห้ไหม แล้วจะไม่สบายหรือเปล่า……”
“ เสี่ยวถาง อย่าเป็นห่วงไปเลย ถึงแม้ว่าผมจะไม่เห็นด้วยที่จะให้ตระกูลเพอร์เซลล์เลี้ยงดูหวันหว่านกับพวกเราก็ตาม แต่ผมจะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ว่า พวกเขานั้นรักเอ็นดูเธอ ดังนั้น เธอจะไม่เป็นไร ”
หลานเสี่ยวถางก็ตาละห้อย : “ อันที่จริงแล้วตอนที่ฉันยังเด็ก ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง คนที่เศร้าใจมากที่สุด ก็คงจะเป็นแม่ของฉัน เมื่อก่อนฉันไม่เคยมีประสบการณ์ที่ลึกซึ้งแบบนี้ แต่ในตอนนี้พอตัวเองได้เป็นแม่คนแล้ว ก็เพิ่งจะรู้ว่าความรู้สึกนั้นมันเป็นอย่างไร ”
หลังจากที่ทั้งสองคนนั่งเครื่องมาแล้วสิบชั่วโมงในที่สุดก็ถึงหนิงเฉิง
อุณหภูมิที่หนิงเฉิงค่อนข้างจะต่ำ สือมูเฉินก็เลยถอดผ้าพันคอออก แล้วก็พันให้หลานเสี่ยวถาง จากนั้นทั้งสองคนก็เดินออกจากสนามบินด้วยกัน
เมื่อถึงบ้าน หลานเสี่ยวถางก็ไปนั่งลงบนโซฟา และนวดหน้าอกที่บวมของตัวเองเล็กน้อย จากนั้นก็เงยหน้าพูดกับสือมูเฉิน : “ ที่บอกว่าจะให้หวันหว่านหย่านมแล้วเธอจะปรับตัวไม่ได้ ดูเหมือนว่าคนที่จะปรับตัวไม่ได้มากที่สุดก็คือฉันนะ ตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่……”
“ สามีมาช่วยฉันนวดหน่อยสิ ” สือมูเฉินมานั่งลงข้างเธอ จากนั้นก็ยื่นมือออกไปนวดเบาเบาให้เธอ
“ ปกติแล้วตอนที่หวันหว่านกินก็มีเพียงน้อยนิด แต่พอเธอไม่กินหนึ่งวัน ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะไหลออกมา……” หลานเสี่ยวถางก็พูดด้วยความกลุ้มใจ : “ พรุ่งนี้ฉันไปหาแพทย์แผนจีนเพื่อสั่งยาหยุดน้ำนมหน่อยดีกว่า !”
“ อื้ม ดีแล้ว ”สือมูสือตอบตอบกลับ และมือของเขาก็นวดไปยังจุดอื่นด้วยความอิสระ
เมื่อหลานเสี่ยวถางรู้ตัว และพอลืมตาขึ้นมาก็เห็นสายตาที่มืดมิดของเขา
เธอก็ตกใจ : “ มูเฉิน คุณ……”
สือมูเฉินก็มองเธอและหัวเราะอย่างมีเล่ห์นัย : “ เสี่ยวถาง ตอนนี้หวันหว่านก็ไม่อยู่ ถือว่าเป็นเรื่องยากนะที่พวกเราจะได้เสพสุขของตัวเองในวันหยุดแบบนี้ คุณควรที่จะเลี้ยงฉลองกับสามีของคุณสักหน่อยหรือเปล่า ?”
“ เลี้ยงฉลองยังไง ?” หลานเสี่ยวถางกระพริบตาปริบๆ แกล้งทำเป็นไร้เดียงสา
“ ภรรยา ความหมายของคุณคือ ให้ผมเป็นคนเลือกท่วงท่าเองใช่ไหม ?” สือมูเฉินปัดผมของหลานเสี่ยวถางออกและดม จากนั้น ลมหายใจก็ไปชะงักอยู่ตรงข้างลำคอของเธอ
หลานเสี่ยวถางที่จั๊กจี้ก็หอคอและพูดด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อน : “ คุณคนคนนี้ ไม่แน่ว่าตอนนี้หวันหว่านไม่มีฉันอยู่ด้วย แล้วก็กำลังร้องไห้ คุณยังจะมีความคิดอื่นอยู่อีก !”
สือมูเฉินอุ้มเธอขึ้นมาในทันที : “ ไม่ว่าเธอจะปรับตัวได้หรือไม่ได้ พวกเราก็ไม่สามารถที่จะไปโผล่ตรงหน้าเธอได้ในทันที ด้งนั้น ตอนนี้คุณควรที่จะป้อนผู้ชายที่อยู่ข้างคุณในตอนนี้ให้อิ่มต่างหากถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด……จะว่าไป ไม่แน่ว่าหวันหว่านรู้สึกตัวคนเดียวไม่มีเพื่อน ก็เลยอยากให้พวกเรามีน้องชายหรือน้องสาวเพิ่มให้เธออีกคนก็ได้……”