ปลายจวักครองใจ - ตอนที่ 101 ความรับผิดชอบอันหนักหน่วง
ตอนที่ 101 ความรับผิดชอบอันหนักหน่วง
หญิงสาวที่นั่งตรงข้ามมีสีหน้าสบายๆ น้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านอ๋องคงรู้ว่าต้าไป๋ไม่ใช่ห่านที่เลี้ยงไว้กินเนื้อใช่หรือไม่”
“ข้ารู้” เว่ยหานมีลางสังหรณ์ไม่ดี
หญิงสาวยิ้มพูดทีละพยางค์ออกมา “ฉะนั้นไม่ขาย”
เว่ยหานจุกจนพูดอะไรไม่ออก ดื่มชารสขมคำแล้วคำเล่า
แต่ช่วยไม่ได้ ถึงอย่างไรโรคก็ต้องรักษา
“ข้าไม่ปิดบังคุณหนูลั่ว ข้าต้องการห่านขาวตัวนั้นจริงๆ” เว่ยหานถือจอกชา ไตร่ตรองคำพูดก่อนจะพูดว่า “หากเป็นเรื่องเงิน คุยด้วยง่าย”
พูดน้อยไป อีกฝ่ายไม่ฟัง พูดมากไป อีกฝ่ายบงการได้ง่าย การเป็นฝ่ายขออะไรบางอย่างมันน่าอึดอัดใจจริงๆ
หากจะพูดถึงวิธีการที่ง่ายดายที่สุดก็คงเป็นอย่างที่สือเยี่ยนพูด ลักลอบเข้าไปจวนแม่ทัพใหญ่ลั่วขโมยเลือดห่านขาวตัวนั้นมาก็พอ
แต่การทำกับสตรีนางหนึ่งด้วยวิธีการเช่นนี้ เขาทำไม่ลงหรอก
ลั่วเซิงส่ายศีรษะ “เงินมากเท่าไรก็ไม่ขาย ข้าไม่ขาดแคลนเงิน”
เว่ยหาน “…”
ลั่วเซิงดื่มชาคำหนึ่ง ถามว่า “เหตุใดท่านอ๋องจึงอยากซื้อห่านตัวหนึ่งเล่า”
เว่ยหานไม่ทันตอบ นางก็ยิ้มพลางเล่นจอกชาในมือพูดว่า “ให้ข้าเดานะ ท่านอ๋องไม่หวงเงินทอง และยังเจาะจงถามอายุของต้าไป๋ คงไม่ใช่เพราะต้องการกินเนื้อมันหรอก หรือว่า…”
นางสบตากับชายผู้เยือกเย็น สีหน้าอมยิ้ม “หรือว่าต้าไป๋คือยาชั้นดีที่หมอเทวดาสั่งจ่าย ช่วยรักษาโรคแปลกๆ บางชนิดได้?”
เว่ยหานขมวดคิ้วในทันใด
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าคุณหนูลั่วเป็นคนฉลาดเช่นนี้
ถึงอย่างไรการใช้เลือดห่านเป็นยาก็เป็นเรื่องที่คาดคิดไม่ถึง
น้ำเสียงหญิงสาวเย็นเล็กน้อย พูดต่อไปว่า “มารดาท่านอ๋องล่วงลับไปนาน ท่านเองก็ยังมิได้แต่งงาน อยู่โดดเดี่ยว มาขอซื้อห่านขาวตัวหนึ่งกับข้าด้วยตนเอง ข้าคิดว่าผู้ที่ต้องการสิ่งนี้คือท่านอ๋องเองกระมัง”
คิ้วของเว่ยหานที่เพิ่งจะผ่อนคลายลงขมวดอีกครั้ง
อยู่โดดเดี่ยว คำพูดนี้เหตุใดฟังแล้วทำให้รู้สึกไม่สบายเช่นนี้นะ
“ท่านอ๋อง ข้าทายถูกหรือไม่เจ้าคะ” ลั่วเซิงถามอย่างสงบ
ไคหยางอ๋องไปหาหมอเทวดาหลายครา ผู้คนในเมืองหลวงเดาว่าเขาต้องการให้หมอเทวดารักษาให้แม่นมที่ดูแลเขาจนเติบใหญ่ แต่นางกลับคิดว่าแม่นมที่ว่าเป็นเพียงฉากบังหน้า
ผู้ที่ป่วยจริงๆ คือชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามนางคนนี้
เมื่อเห็นลั่วเซิงทายถูก เว่ยหานก็ไม่คิดจะปิดบังอีก “คุณหนูลั่วฉลาดยิ่งนัก แต่ข้าต้องการเลือดห่านเพียงเล็กน้อยเพื่อใช้เป็นส่วนผสมของยา ไม่ทำร้ายชีวิตต้าไป๋แน่นอน”
ลั่วเซิงยิ้ม “แม้ท่านอ๋องจะชมข้า ข้าก็ไม่ขายต้าไป๋ ยิ่งไปกว่านั้นข้าไม่ขายเลือดของต้าไป๋ ในเมื่อท่านอ๋องหาต้าไป๋เจอ ก็น่าจะรู้ว่าต้าไป๋เป็นห่านที่ข้าเลี้ยงมาหลายปี พูดได้ว่าเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว ท่านอ๋องเคยได้ยินครอบครัวยากจนขายลูก แต่เคยได้ยินคนขายเลือดของลูกหรือ”
นำห่านมาเปรียบเทียบกับลูกได้ด้วยหรือ
เว่ยหานไม่รู้ว่าเป็นเพราะตนเองคิดมากเกินไปหรือไม่ เขามักจะรู้สึกว่าคุณหนูลั่วกำลังเยาะเย้ยเขาที่อยู่โดดเดี่ยว สู้ห่านยังไม่ได้
เขาทำอะไรให้คุณหนูลั่วโกรธเคืองหรือ
หากไม่ใช่เพราะยังมีความทรงจำ เขาคงจะคิดว่าเขาเป็นคนปลดเข็มขัดคุณหนูลั่ว ไม่ใช่สลับกันอย่างที่เป็นความจริง
“แต่ว่า…” เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ ลั่วเซิงก็เปลี่ยนน้ำเสียง “ในเมื่อไม่ทำร้ายชีวิตต้าไป๋ เอาแค่เลือดห่านเพียงเล็กน้อย ข้าให้ท่านอ๋องเล็กน้อยก็ได้”
“ให้ข้า?” เว่ยหานตะลึง
สัญชาติญาณบอกเขาว่าไม่มีเรื่องง่ายๆ เช่นนี้
หญิงสาวตรงหน้ายกมุมปากยิ้ม “แน่นอน ข้ารู้ว่าท่านอ๋องคือบุคคลสูงศักดิ์ เอาของผู้อื่นไปโดยไม่เสียอะไรจะรู้สึกไม่สบายใจ ข้าขอแลกด้วยเงื่อนไขเล็กๆ น้อยๆ แล้วกัน”
เว่ยหานมุมปากกระตุก
เขาไม่ถือสาที่จะเอาของผู้อื่นไปโดยไม่เสียอะไร เขาสบายใจมาก
ลั่วเซิงมองเว่ยหานนิ่ง ยิ้มพูดว่า “เหมือนกับครั้งที่แล้ว ต่อไปท่านอ๋องต้องช่วยข้าเรื่องหนึ่ง ท่านอ๋องคิดว่าอย่างไร”
เว่ยหานจะคิดว่าอย่างไรได้อีก ต้าไป๋อยู่ในมือของนาง เขาทำได้เพียงตอบตกลง
เมื่อเห็นเว่ยหานตอบตกลงอย่างรวดเร็ว ลั่วเซิงเองก็พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ท่านอ๋องต้องการเลือดห่านมากแค่ไหน ข้าจะกลับไปเอาเลือดต้าไป๋ให้เดี๋ยวนี้”
เว่ยหาน “…” ไหนว่าต้าไป๋เป็นหนึ่งในสมาชิกของจวนสกุลลั่วเล่า ดูคุณหนูลั่วเด็ดขาดและง่ายดายเช่นนี้ ไม่เหมือนที่พูดเลยแม้แต่น้อย
“ต้าไป๋มีอายุเกินสิบสองปีหรือไม่” เว่ยหานถามเรื่องสำคัญ
ลั่วเซิงลังเลครู่หนึ่ง “ไม่แน่ใจเจ้าค่ะ ตอนที่ซื้อต้าไป๋คนขายบอกว่าเลี้ยงมาเจ็ดแปดปี ตอนนี้แม้จะยังไม่ถึงสิบสองปี แต่ก็คงอีกไม่กี่เดือน”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ นางก็ยิ้ม “แต่ว่ากันว่าการผสมยาแค่ความผิดพลาดเล็กน้อยก็จะทำให้ผิดไปหมด คิดว่าขาดแค่วันเดียวก็ไม่ได้สินะ”
เว่ยหานเงียบ
คำพูดของคุณหนูลั่วเหมือนหมอเทวดาจริงๆ ไม่ใช่ว่าหมอเทวดารู้ว่าคุณหนูลั่วเลี้ยงห่านแบบนี้จึงจงใจแกล้งเขาหรอกนะ
เมื่อคิดถึงผลงานที่เป็นเกียรติประวัติของหมอเทวดาที่เขาเคยได้ยิน เว่ยหานก็ระงับความคิดที่ไม่สุภาพนี้
แม้การทำงานของหมอเทวดาจะคาดเดาได้ยาก แต่เรื่องของจรรยาบรรณการแพทย์เมื่อต้องรักษาคนไข้นั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดมาก
“หากเป็นเช่นนี้จริงๆ ข้าอยากจะรออีกครึ่งปีเพื่อความปลอดภัย”
หญิงสาวตรงหน้าเผยรอยยิ้มเข้าอกเข้าใจ “เช่นนั้นข้ากลับไปจะสั่งคนดูแลต้าไป๋ให้ดี ต้าไป๋จะได้ไม่เป็นอะไรไปเสียก่อน ทำให้ท่านอ๋องต้องสูญเสียยาล้ำค่า”
เว่ยหานวางจอกชาบนโต๊ะ รินน้ำชาให้ลั่วเซิงเงียบๆ
“ข้ากำลังจะขอร้องให้คุณหนูลั่วรับปากข้าเรื่องไม่สมเหตุสมผลเรื่องหนึ่งพอดี”
“ท่านอ๋องโปรดพูด” ลั่วเซิงเข้าใจหลักการของการไม่สามารถรับผลประโยชน์เพียงฝ่ายเดียวได้ นางไม่ได้เสนอเงื่อนไขใดๆ เพิ่มเติม
แน่นอนว่า ลองฟังว่าอีกฝ่ายขออะไรก่อนสำคัญที่สุด หากเป็นคำขอร้องที่รับปากได้ยาก ก็ต้องมีเงื่อนไขแลกเปลี่ยน
ห้ามซื้อขายขาดทุน นี่คือเส้นตาย
“ข้าอยากส่งสาวใช้คนหนึ่งไปอาศัยในจวนคุณหนูระยะหนึ่ง ให้นางดูแลต้าไป๋” เว่ยหานพูดคำขอร้องออกมา
เป็นดั่งที่คุณหนูลั่วพูด สำหรับเขาแล้วต้าไป๋ไม่ได้เป็นเพียงห่านธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง แต่เป็นยาล้ำค่า
ยาที่ล้ำค่าเช่นนี้ต้องรอครึ่งปีถึงจะใช้ได้ หากไม่ส่งคนของตนเองคอยดูแลแล้วจะวางใจได้อย่างไร
ลั่วเซิงขมวดคิ้ว “ความคิดของท่านอ๋องข้าเข้าใจ แต่ส่งสาวใช้คนหนึ่งไปจวนข้าเพื่อดูแลต้าไป๋ เกรงว่าจะไม่เหมาะสมเจ้าค่ะ”
“คุณหนูลั่วบอกคนข้างนอกว่าเป็นสาวใช้ที่เจ้าซื้อมาก็ได้”
เว่ยหานไม่เข้าใจว่ามีตรงไหนไม่เหมาะสม
สาวใช้ที่เขาจะส่งมาย่อมเป็นสาวใช้ไม่คุ้นหน้า ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเป็นสาวใช้ของจวนไคหยางอ๋อง
ลั่วเซิงยิ้มๆ “ไม่ใช่ปัญหาที่มาของสาวใช้เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้น…”
ลั่วเซิงมองเว่ยหาน พูดตรงไปตรงมาว่า “ท่านอ๋องอาจจะไม่ทราบ ต้าไป๋ถูกดูแลโดยนายบำเรอที่ข้าเลี้ยง หากท่านส่งสาวใช้มา ต้องอยู่ร่วมกับพวกเขาคงไม่ค่อยเหมาะสมเจ้าค่ะ”
ครานี้เว่ยหานเงียบนาน
เขาคิดถึงคำถามหนึ่งก่อนคือ คุณหนูลั่วพูดถึงผู้ชายที่ตนเองเลี้ยงได้อย่างเต็มปากเต็มคำเช่นนี้เลยหรือ
เรื่องส่วนตัวของผู้อื่นเขาไม่ควรตัดสิน แต่การให้ผู้ชายที่ตนเองเลี้ยงดูแลห่านขาวตัวหนึ่งนั้น ทดสอบจินตนาการของคนๆ หนึ่งเกินไปหรือไม่
ลั่วเซิงเห็นอีกฝ่ายเงียบ นางก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะเข้าใจดี
ผู้ชายสองคนดูแลห่านตัวหนึ่งน่าตะลึงจริงๆ ควรมีเวลาให้เขาปรับอารมณ์
และคำพูดหลังจากนี้ของชายตรงหน้ากลับเกินความคาดหมายของลั่วเซิง
“เช่นนั้นอย่างนี้ ข้าส่งองครักษ์ประจำตัวคนหนึ่งไปดูแลต้าไป๋ คุณหนูลั่วคิดว่าอย่างไร” เว่ยหานครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะถามลองเชิง
สาวใช้อยู่กับนายบำเรอของลั่วเซิงไม่เหมาะสม แต่องค์รักษ์ประจำตัวคงจะได้
ลั่วเซิงตาเป็นประกายเล็กน้อย ยิ้มและพยักหน้า “ได้เจ้าค่ะ”
ไม่มีอะไรไม่ดีเสียหน่อย เป็นได้ถึงองครักษ์ประจำตัวไคหยางอ๋องอย่างน้อยก็มีฝีมือ และบางทีอาจจะเป็นประโยชน์ก็ได้
เมื่อเห็นลั่วเซิงตกลง เว่ยหานโล่งอก สายตาเหลือบมองสือเยี่ยนที่อยู่ฝั่งหนึ่งของประตูสวน จู่ๆ ก็ตัดสินใจได้