ปล้นสวรรค์ - บทที่ 842 ทะลวงระดับนภาคราม
“คิดให้ถี่ถ้วนที่สุดแล้วตอบกลับข้ามาว่าเจ้าพอแล้วรึยังกับการมีชีวิตอยู่ต่อไป หรือว่าอยากจะตายตอนนี้?” หลิงตู้ฉิงถามหลินจ้านเผิงด้วยสีหน้าจริงจัง
เมื่อได้ยินคำถามเช่นนี้ของหลิงตู้ฉิง สีหน้าของหลินหงเหวินเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดทันทีและคิดในใจ
นี่เจ้ากล้าดียังไงถึงได้พูดกับพ่อของข้าแบบนี้!?
“อู๋หมิง! ถึงแม้ว่าเจ้าจะช่วยเหลือตระกูลของข้ามามากแต่ก็เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์..” หลินหงเหวินตวาดขึ้น
แต่ก่อนที่หลินหงเหวินจะทันได้พูดจบประโยค หลินจ้านเผิงโบกมือขึ้นขัดและจ้องไปที่หลิงตู้ฉิง จากนั้นเขาส่ายหัวแล้วพูดว่า “ใครบ้างอยากจะตาย? แต่มนุษย์อย่างเรา ๆ ล้วนไม่อาจหลบหนีความตายไปได้ ส่วนคำถามของเจ้า ข้าขอตอบได้เลยว่าหากข้าเลือกได้ข้าก็ยังไม่อยากที่จะตาย ข้าอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อค้ำจุนตระกูลของข้า!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพยักหน้า “ในเมื่อเจ้าอยากจะอยู่ต่อ ถ้างั้นข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง ตามข้ามา!”
หลังจากพูดจบร่างของหลิงตู้ฉิงก็หายไปจากสายตาของผู้คนทันที และไปปรากฏตัวอีกที่ชั้นบนสุดของหอคอยเสียงสวรรค์!
ด้วยความเร็วของหลิงตู้ฉิงที่ดูราวกับว่าเขาสามารถหายตัวได้เหมือนกับภูติผี ทำให้ผู้คนทั้งหมดต่างตกตะลึงจนพูดอะไรกันไม่ออก
แม้แต่กงเจี้ยนฟานที่รู้อยู่แล้วว่าหลิงตู้ฉิงนั้นไม่ธรรมดาก็ยังอ้าปากค้างกับสิ่งที่เขาเห็น เพราะความเร็วระดับนี้มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาจะมีได้ หรือแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับนักบุญแบบเขาก็ไม่มีทางทำได้ใกล้เคียงสักนิด!
ทางด้านของหลินจ้านเผิง เมื่อเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน แต่เมื่อเขาได้สติแล้วเขาจึงรีบบินไปที่หอคอยเสียงสวรรค์ทันที
ในทางกลับกัน หลินหงเหวินและหลินเหวินปิงกลับรีบหันไปถามหลินหรูซวนทันทีว่า “ซวน เขาเป็นใครกันแน่?”
หลินรูปซวนยิ้มอย่างมีเลศนัย แต่นางก็ไม่ยอมตอบอะไร ซึ่งการกระทำเช่นนี้ของนางมันทำให้หลินเหวินปิงยิ่งรู้สึกร้อนใจและถามย้ำขึ้นอีกครั้ง “เจ้าอย่าเอาแต่ปิดปากเงียบกับพ่อแบบนี้สิ! เร็ว ๆ รีบบอกมาได้แล้วว่าสามีของเจ้าเป็นใครกันแน่?”
หลินหรูซวน เมื่อได้ยินเช่นนี้นางกลอกตามองบนและตอบกลับว่า “ใครบอกว่าเขาเป็นสามีของข้า? ท่านพ่อถ้าหากท่านอยากรู้มากนักว่าเขาเป็นใครท่านก็ไปถามเขาเองสิ!”
หลังจากนั้นทุกคนก็รีบมุ่งหน้าไปที่หอคอยเสียงสวรรค์ แต่น่าเสียดายเมื่อพวกเขาไปถึง พวกเขากลับไม่สามารถเข้าไปด้านในหอคอยได้เพราะมีม่านพลังปิดกั้นอยู่
ที่ด้านในหอคอยเสียงสวรรค์ หลินจ้านเผิงมองหลิงตู้ฉิงด้วยแววตาสับสนและถามว่า “สหายน้อย ท่านช่วยบอกข้าได้ไหมว่าท่านเป็นใครกันแน่? แล้วทำไมท่านต้องให้ข้าตามมาถึงที่นี่?”
หลิงตู้ฉิงทำหน้ามุ่ยและตอบกลับว่า “ข้าเป็นบรรพบุรุษของเจ้า!”
หลินจ้านเผิงรู้สึกไม่พอใจเมื่อได้ยินหลิงตู้ฉิงตอบแบบนี้ และพูดขึ้นว่า “สหายน้อย ถึงแม้ว่าข้าเป็นคนที่ใกล้จะตาย แต่ข้าก็ไม่ชอบให้ใครมาดูหมิ่นข้าแบบนี้หรอกนะ!”
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วมองหลินจ้านเผิง จากนั้นเขาทุบกำปั้นไปที่เสาของหอคอยเสียงสวรรค์ ส่งผลให้ระฆังที่อยู่ในหอคอยเสียงสวรรค์ส่งเสียงดังขึ้นทันที ซึ่งมันทำให้หลินจ้านเผิงไม่สามรรถควบคุมร่างกายของตนเองได้และคุกเข่าลงไปในทันที
หลินจ้านเผิงรู้สึกตกตะลึงจนไม่รู้จะทำตัวอย่างไรต่อ เนื่องจากเขาเพิ่งได้รู้ว่าหอคอยเสียงสวรรค์ที่ตระกูลของเขาไม่เคยเข้าใจมันเลยมานับหมื่นปีกลับถูกชายหนุ่มผู้นี้สามารถควบคุมมันได้อย่างเบ็ดเสร็จ แถมอำนาจของมันก็เหนือกว่าที่เขาเคยจินตนาการไว้ซะอีก!
เขาอยากจะพูดอะไรออกไป แต่เขากลับไม่สามารถพูดได้เพราะตอนนี้อำนาจของหอคอยเสียงสวรรค์ปิดผนึกเขาไว้ทั้งหมด
หลิงตู้ฉิงมองหลินจ้านเผิงด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ จากนั้นเขาก็หยิบโอสถวิญญาณบริสุทธิ์ขึ้นมาและโยนมันเข้าปากของหลินจ้านเผิง และพูดว่า “ด้วยสรรพคุณของโอสถวิญญาณบริสุทธิ์เม็ดนี้มันจะช่วยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อได้อีกหลายปี และข้าไม่ชอบให้เจ้าเรียกข้าว่าสหายน้อย ดังนั้นเลิกเรียกแบบนั้นได้แล้ว ไม่งั้นข้าจะทุบหัวเจ้าให้ยุบลงไปคามือของข้า!”
“และหลังจากที่เจ้ายืดอายุตัวเองแล้วข้าจะให้โอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์กับเจ้าเพื่อให้เจ้าใช้มันในการทะลวงระดับบ่มเพาะไปยังระดับนภาคราม ส่วนเรื่องของทัณฑ์สวรรค์ที่เจ้าต้องเผชิญนั้นเจ้าก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะข้าสามารถใช้อำนาจของหอคอยเสียงสวรรค์ปกป้องเจ้าได้”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงจึงคลายอำนาจที่ตรึงร่างของหลินจ้านเผิงเอาไว้ และโยนโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์ให้
“เจ้า…” หลินจ้านเผิงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
“เจ้ายังจะมาเจ้าอะไรอีก!? เร็ว ๆ เข้ารีบกลืนมันเข้าไปและรีบทะลวงระดับบ่มเพาะได้แล้ว ไม่งั้นข้าจะฟาดเจ้าให้หลังลายตรงนี้นี่แหละ!” หลิงตู้ฉิงตวาดขึ้นโดยไม่สนใจว่าหลินจ้านเผิงจะคิดอย่างไร
หลินจ้านเผิงได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นเขารีบกลืนโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์เพื่อทะลวงระดับการบ่มเพาะของเขาทันทีพร้อมกับคิดในใจว่า
รอให้ข้าทะลวงระดับก่อนเถอะ ข้าจะต้องรู้ให้ได้ว่าท่านเป็นบรรพบุรุษคนไหนของข้ากันแน่!
หลังจากหลิงตู้ฉิงให้หลินจ้านเผิงกลืนโอสถรัศมีธาตุศักดิ์สิทธิ์เข้าไปแล้ว เขาก็เริ่มบรรยายเต๋าเกี่ยวกับระดับนภาครามให้กับหลินจ้านเผิงฟังเพื่อช่วยให้การทะลวงระดับง่ายขึ้น
ในเวลาเดียวกันที่ด้านนอกของหอคอยเสียงสวรรค์ คนอื่น ๆ ต่างก็พากันรอคอยอย่างใจจดใจจ่อด้วยความสงสัยเพราะพวกเขาไม่สามารถเข้าไปด้านในได้
พวกเขาทุกคนต่างอยากรู้กันมากว่าที่ด้านในหอคอยนั้นมีอะไรเกิดขึ้นกันแน่ โดยเฉพาะคู่พ่อลูกแซ่ถังที่ได้ส่งข้อความไปหาเจ้านายของพวกเขาแล้ว และกำลังรอการมาถึงของเจ้านายพวกเขา
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ จู่ ๆ ทุกคนก็เห็นเมฆสีดำทมิฬตั้งเค้าขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณของทัณฑ์สวรรค์ ซึ่งมันยิ่งทำให้ทุกคนต่างรู้สึกสงสัยเข้าไปใหญ่ว่าใครกันที่กำลังจะทะลวงระดับตอนนี้?
อย่างไรก็ตาม เมื่อทุกคนสัมผัสได้ว่าทัณฑ์สวรรค์นี้น่าจะมีอำนาจรุนแรงกว่าทัณฑ์สวรรค์ใด ๆ ที่พวกเขาเคยเห็นมา พวกเขาต่างก็มองไปที่หอคอยเสียงสวรรค์ด้วยสายตาตกตะลึง
“พ่อของข้ากำลังจะทะลวงระดับงั้นเหรอ?” หลินหงเหวินอุทานขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ
อย่างไรก็ตาม หลินหรูซวนกลับแสดงสีหน้าดีใจอย่างออกนอกหน้าเพราะนางรู้ดีว่า ตอนนี้หลิงตู้ฉิงคงกำลังจะช่วยให้ปู่ทวดของนางทะลวงระดับแน่นอน
“เด็กดื้อ เจ้าบอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่าเขาเป็นใครกันแน่!” หลินเหวินปิงถามขึ้นอีกครั้ง
จากสีหน้าของหลินหรูซวนที่แสดงออกมา ทุกคนสามารถบอกได้ทันทีว่านางรู้ว่าหลิงตู้ฉิงเป็นใคร แต่แค่นางไม่ยอมเฉลยกับทุกคนก็เท่านั้น ซึ่งมันทำให้ทุกคนรู้สึกระทมใจเป็นอย่างมาก แต่แน่นอนว่าเมื่อพวกเขาดูจากสถานการณ์แล้ว พวกเขาก็รู้ดีว่าไม่ว่าหลิงตู้ฉิงจะเป็นใคร แต่เขาไม่ได้มาร้ายแน่นอน
หลินหรูซวนหัวเราะและพูดว่า “ท่านพ่อ เอาไว้เมื่อถึงเวลาท่านก็จะรู้เองว่าเขาเป็นใคร แต่ตอนนี้ต่อให้ท่านจะถามอะไรมาข้าก็บอกไม่ได้อยู่ดีเพราะข้าไม่ได้รับอนุญาต!”
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังสงสัยว่าหลิงตู้ฉิงเป็นใคร สมาชิกคนหนึ่งของตระกูลหลินก็รีบวิ่งเข้ามาและกระซิบบอกอะไรกับหลินหงเหวินบางอย่าง
“หะ อะไรนะ? ตายหมดเลยงั้นเหรอ?” หลินหงเหวินอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมาเสียงดัง
กงเจี้ยนฟานรีบถามขึ้นทันที “สหายหลินใครตายงั้นเหรอ?” ไอรีนโนเวล
หลินหงเหวินส่งสัญญาณให้คนของเขาที่นำข่าวมาบอกเมื่อครู่ ประกาศข่าวที่เขานำมาบอกให้กับทุกคนรู้อีกที
“บรรดาผู้คนของเมืองหนานหัวที่มาบุกเราเมื่อครู่นี้ ข้าได้พบศพของพวกเขาลอยอยู่กลางทะเลสาบเต็มไปหมด ซึ่งพวกเขาน่าจะตายกันจนหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียว และสภาพศพของพวกเขาแต่ละคนต่างอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายแม้แต่น้อย!”
คนอื่น ๆ ที่ได้ยินเช่นนี้ต่างมองหน้ากันด้วยความงุนงง
ใครกันที่เป็นคนฆ่าพวกเขา?
จะมีก็แต่หลินหรูซวนที่ยังคงยิ้มได้อยู่ เพราะว่านางรู้ว่านี่เป็นฝีมือของหลิงตู้ฉิง และเมื่อนางมองไปที่สีหน้าของทุกคนที่งงงวย นางก็รู้สึกว่ามันน่าขำขันเป็นอย่างมาก
จากนั้นครึ่งวันถัดมา สายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ก็เริ่มผ่าใส่หอคอยเสียงสวรรค์อยู่พักใหญ่ ๆ จากนั้นมันก็หยุดลงโดยที่หอคอยเสียงสวรรค์นั้นไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ซึ่งทุก ๆ คนก็ยังไม่สามารถเข้าไปในหอคอยได้อยู่ดี และสิ่งนี้มันยิ่งทำให้พวกเขาสงสัยเข้าไปใหญ่ว่าเป็นใครกันแน่ที่เพิ่งทะลวงระดับการบ่มเพาะไป
หลิงตู้ฉิง หรือ หลินจ้านเผิง ?
“รู้สึกเป็นยังไงบ้างที่นับจากนี้จะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกนานแสนนาน?” หลิงตู้ฉิงถามหลินจ้านเผิง
หลินจ้านเผิงหัวเราะ “แน่นอนว่าข้าย่อมรู้สึกดี! ว่าแต่ตอนนี้ท่านบอกข้าได้แล้วรึยังว่าท่านเป็นใครกันแน่? ท่านเป็นหนึ่งในบรรพบุรุษของข้าที่กลับมาเกิดใหม่ใช่ไหม?”
หลิงตู้ฉิงจ้องไปที่หลินจ้านเผิง และตอบกลับว่า “ตั้งแต่วันแรกที่ข้ามาที่นี่ ข้าปกปิดตัวตนของข้าโดยใช้ชื่อว่าอู๋หมิง ซึ่งแปลว่าไร้นาม แต่หลังจากนั้นข้าเองก็ไม่นึกฝันว่าแท้จริงแล้วพวกเจ้ากลับไม่เขียนชื่อของข้าลงบนป้ายชื่อจริง ๆ ซะด้วย!”
สีหน้าของหลินจ้านเผิงเปลี่ยนในทันทีเมื่อเขาได้ยินเช่นนี้ เนื่องจากเขารู้แล้วว่าหลิงตู้ฉิงเป็นใคร!