ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 187 คุณเฉียว คุณกำลังจะทำอะไร
“ไม่ เราจะไม่ลบรูปภาพของเขา!” แฟนๆ ต่างคิดว่าทำไมพวกเขาจึงต้องลบรูปถ่ายในโทรศัพท์ด้วย โทรศัพท์ไม่ได้เป็นของคนกลุ่มนี้ แต่เป็นของพวกเขา!
เมื่อคำนวณเวลาดูแล้วอาห้าก็คำราม และถามออกมาทันที “พวกคุณแน่ใจหรือ” เขาหล่อและดูดีมาก แฟนคลับจึงไม่กลัวเขาเลย แต่เมื่อจู่ๆ เขาทำหน้าบึ้งขึ้นมา เขาก็ดูค่อนข้างน่ากลัว
“คุณต้องการอะไร” แฟนๆ ถอยหลังหนึ่งก้าว
อาห้าหรี่ดวงตาลง มองดูที่สัญลักษณ์ในมือพวกเขาและขมวดคิ้ว “ลู่ถงหรือ เขาเป็นไอดอลของพวกคุณใช่ไหม”
ประกายวาววับส่องไปทั่วดวงตาบรรดาแฟนคลับ ทันใดนั้นอาห้าก็ยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “ถ้าพวกคุณชอบรูปถ่ายนายน้อยของเรามาก ก็ให้เขาเป็นไอดอลของพวกคุณต่อจากนี้ไป และเราจะแบนลู่ถง ไม่ให้มีใครกล้าจ้างเขา เขาจะไม่มีโอกาสปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่องไหนเลย ไม่มีละครทีวี ไม่มีผลงานแสดง หรืองานโฆษณา พวกคุณเชื่อไหมล่ะ”
“คุณคิดว่าคุณทำได้หรือ” เมื่อแฟนๆ ได้ยินว่าอาห้ากล้าโจมตีไอดอลของพวกเขา ทุกคนก็โกรธขึ้นมาทันที และกรูกันเข้ามาล้อมเขาไว้ราวกับเม่น
อาห้ายกมือขึ้น แฟนคลับคิดว่าอาห้าจะตีพวกเขา ทุกคนจึงถอยกลับไปหนึ่งก้าว และจ้องมองเขาอย่างระมัดระวัง อาห้าพอใจกับปฏิกิริยาของพวกเขา เขาก้มดูนาฬิกาข้อมือ และกล่าวขึ้นอย่างโหดเ**้ยม “ผมจะให้เวลาพวกคุณสิบวินาที เลือกเอา”
ในบรรดาแฟนคลับเหล่านี้มีเด็กสาวจากครอบครัวร่ำรวยด้วย พวกเธอมองออกอย่างรวดเร็วว่าอาห้า สวมนาฬิกาวาเชอรอง คอนสแตนตินรุ่นผลิตจำกัด เด็กสาวคนหนึ่งใช้ศอกสะกิดแฟนคลับคนอื่นๆ และเอ่ยขึ้นเบาๆ “ก็แค่ลบรูปภาพพวกนั้น เรามีลู่ถงก็พอแล้ว แค่รูปถ่ายของคนที่เดินผ่านมา ไม่มีประโยชน์อะไรกับเราหรอก และเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร อย่าไปยุ่งกับผู้ชายคนนี้เลย”
เด็กสาวที่อยู่ข้างหน้าเธอหันกลับไปมองแล้วถามว่า “ทำไมล่ะ”
“เขาเป็นแค่ผู้ติดตาม แต่ใส่นาฬิการาคามากกว่าสิบล้านหยวน เธอก็ลองจินตนาการดูสิว่า ผู้ชายคนนั้นจะยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลมากแค่ไหน!”
อาห้าเก่งกาจด้านศิลปะการต่อสู้ เขาจึงมีหูที่ว่องไว เมื่อได้ยินการสนทนาของพวกเธอ เขาก็พอใจมาก
ทุกครั้งที่นึกถึงนาฬิกาของเขาเรือนนี้ เขารู้สึกเสียใจกับกระเป๋าเงินของตัวเองเหลือเกิน เขาอุตส่าห์ใช้เงินเดือนสองเดือน เพื่อรักษาหน้านายน้อย แต่ชายหนุ่มกลับปฏิเสธไม่ยอมใช้เงินคืนให้เขา! ช่างน่าเศร้าเหลือเกิน!
“เวลาที่คนแต่งตัวแบบนี้เข้าสนามบินในเวลาปกติ เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาวุธจะปรากฏตัวทันที แต่นี่ตั้งนานแล้ว คนพวกนี้ก็ยังคงล้อมพวกเราอยู่ตรงนี้ ตำรวจสนามบินก็ยังไม่เห็นมา แสดงให้เห็นว่าผู้ชายคนนี้มีอิทธิพลมาก เราอย่าทำให้ลู่ถงมีปัญหาเลยดีกว่า”
อาห้าเลิกคิ้ว เด็กสาวคนนี้มีเหตุผล ดีมากที่เธอสังเกตเห็น
ทันทีนั้นอาห้าก็มองไปยังกลุ่มชายร่างใหญ่ข้างหลังเขา พวกเขาทุกคนก้าวไปข้างหน้า จ้องมองบรรดาแฟนคลับและขมวดคิ้ว “กรุณาลบรูปภาพเดี๋ยวนี้ครับ!”
แฟนๆ ลบรูปภาพในโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว อาห้าบอกให้พวกเขาตรวจสอบโทรศัพท์และกล้องของแฟนคลับทีละคน เพื่อดูว่ามีการยกเลิกการลบภาพไหนหรือไม่ หลังจากนั้นเขาก็มองดูนาฬิกาข้อมือแล้วยิ้มออกมา ใช้เวลาเพียงสี่นาทีในการแก้ไขปัญหานี้… สุดยอด!
เขาออกเดินไปไม่กี่ก้าว จากนั้นก็เริ่มวิ่ง
เฉียวเหลียงกำลังรออยู่ข้างนอกอย่างกระวนกระวาย ขณะกำลังจะบอกให้คนขับออกรถ อาห้าก็กระโดดเข้ามาในรถและบอกว่า “นายน้อยครับ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ”
เฉียวเหลียงจ้องหน้าเขาเขม็ง “ฉันไม่อยากเห็นเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก”
อาห้ารู้สึกผิดอย่างมาก เขามองตอบเฉียวเหลียงแล้วกล่าวว่า “ผมไม่ทราบว่าวันนี้จะมีแฟนคลับดารามากมายมารออยู่ข้างนอก…”
เฉียวเหลียงมองเขาด้วยสายตาดุดัน อาห้าหันกลับมาทันทีแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “คุณเจ็ดกำลังรอเจ้านายอยู่ที่สวีเดนแล้วครับ”
เฉียวเหลียงไม่ได้มองเขา “เตรียมสิ่งที่ฉันบอกไว้เรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“ทีมแพทย์กำลังรออยู่ที่ประตูอุทยานเอ็มไพร์ครับ สมาชิกทุกคนในทีมเป็นผู้เชี่ยวชาญ ฮ่าๆ … นายน้อยรู้จักดีครับว่าพวกเขาเป็นใคร ทุกคนจะตรวจสุขภาพคุณปู่ถังอย่างละเอียดครับ” เมื่อจบคำพูดเขาหันก็กลับไปมองเฉียวเหลียงราวกับอยากได้คำชม แล้วกล่าวต่อไปว่า “นอกจากนี้ ผมยังจัดเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ทุกอย่าง ให้ส่งไปที่อุทยานเอ็มไพร์ เพื่อให้ทีมแพทย์มีอุปกรณ์ครบครันในการตรวจร่างกายคุณปู่ถังครับ”
เฉียวเหลียงเลิกคิ้วมองดูเขา อาห้ารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยและลดสายตาลง “ผมก็แค่อยากได้คำชมน่ะครับ นายน้อย”
เฉียวเหลียงดูนาฬิกาบนข้อมือ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้น “ฉันจะบินไปสวีเดนสองทุ่มครึ่ง อย่าให้ฉันต้องเจอกับเหตุการณ์แบบที่เกิดขึ้นเมื่อกี้อีก”
อาห้ากล่าวขึ้นทันที “ครับนายน้อย เที่ยวบินจากเมืองหลวงไปยังสวีเดนพร้อมแล้ว เป็นเครื่องบินส่วนตัวสุดหรูของนายน้อยเอง ไม่ต้องห่วงครับ”
เฉียวเหลียงส่งเสียงคำรามเบาๆ แล้วหลับตาลงพักสายตา
เมื่ออาห้ามองจากกระจกมองหลังเห็นเฉียวเหลียงหลับตาลง เขาก็เม้มริมฝีปากและบ่นอยู่ในใจ ไม่ต้องเก๊กขนาดนี้ก็ได้ครับ ลืมไปแล้วหรือว่านายน้อยเศร้าและสิ้นหวังขนาดไหนในช่วงเวลาก่อนหน้านี้!
ตอนนี้เริ่มบ่นแม้แต่เรื่องเที่ยวบินอย่างนั้นหรือครับ ถึงจะต้องนั่งเครื่องบินโดยสารจากเมือง A มาเมืองหลวง แต่ผมก็สามารถซื้อตั๋วชั้นหนึ่งให้นายน้อยได้ นายน้อยจะต้องจู้จี้จุกจิกขนาดนี้ด้วยหรือ
เฉียวเหลียงลืมตาขึ้นมองอาห้าด้วยสายตาเยือกเย็น แล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ “มีอะไรจะพูดก็พูดออกมา ไม่อย่างนั้นนายจะต้องเสียใจ”
อาห้าเบิกตากว้างด้วยความตกใจ และร้องขอความเมตตาทันที “ผมผิดไปแล้วครับ นายน้อย ยกโทษให้ผมด้วย!”
ในไม่ช้ารถก็เข้าไปจอดที่ด้านหน้าอุทยานเอ็มไพร์ มีรถยนต์หลายคันจอดอยู่แล้วที่หน้าประตูทางเข้า เฉียวเหลียงลงจากรถ และหันไปมองอาห้า ซึ่งรีบหยิบกล่องทำความเย็นขนาดเล็กที่ประดิษฐ์ขึ้นด้วยแก้วเจียระไนใสแจ๋วลงจากรถด้วย กล่องนั้นมีขนาดเล็กมากเท่าฝ่ามือ เฉียวเหลียงสั่งทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับนิ้วมือนิ้วนั้น ซึ่งมีชื่ออันสวยงามว่า นิ้วแก้วเจียระไน เป็นกล่องแก้วเจียระไนที่มีเพียงนิ้วนี้นิ้วเดียวเท่านั้นที่สามารถเป็นเจ้าของได้
เฉียวเหลียงขมวดคิ้วขณะมองผ่านแก้วเจียรนัยใสแจ๋วไปที่นิ้วนั้นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ห่อไว้ด้วยผ้าสีดำ เขาหันไปมองทีมแพทย์ที่ยืนเรียงกันเป็นสองแถวอย่างเรียบร้อยแล้ว เอ่ยขึ้นเสียงต่ำ “ผมหวังว่าพวกคุณจะไม่เก็บอะไรไว้เป็นความลับจากผม หลังจากตรวจร่างกายของคุณปู่แล้ว เข้าใจใช่ไหมครับ”
บุคคลเหล่านี้แต่ละคนล้วนเป็นแพทย์ผู้มีชื่อเสียงที่หลงเซี่ยวรวบรวมมาจากทั่วทุกมุมโลก ทุกคนอยู่ภายใต้คำสั่งของเฉียวเหลียงกับชายหนุ่มอีกสองคน และเข้าใจในสิ่งที่เฉียวเหลียงต้อการ เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ทุกคนก็ตอบรับทันที “ครับ เจ้านาย!”
เฉียวเหลียงส่งเสียงตอบรับจากลำคอ แล้วบอกให้อาห้ากดกริ่ง แต่ก่อนที่อาห้าจะไปถึงประตู ก็มีใครบางคนมาเปิดประตู เขาคือพ่อบ้านถังจง ซึ่งตกตะลึงเมื่อเห็นผู้คนมากมายอยู่ข้างนอก เขามีท่าทางงุนงง มองมาที่เฉียวเหลียงแล้วถามว่า “คุณเฉียว นี่คุณกำลังจะทำอะไร”
เฉียวเหลียงถือกล่องแก้วเจียระไนที่คลุมด้วยผ้าสีดำไว้ ตอบอย่างเคร่งเครียดว่า “ผมไม่แน่ใจว่าคุณปู่ถังจะควบคุมตัวเองได้หรือเปล่า หลังจากเห็นของสิ่งนี้ ผมจึงต้องขอให้ทีมแพทย์ของผมตรวจร่างกายท่านก่อนล่วงหน้า เพื่อให้แน่ใจว่าท่านจะสามารถทนต่อความรู้สึกที่จะเกิดขึ้นได้ ก่อนที่ผมจะมอบสิ่งนี้ให้ท่าน ถ้าท่านปฏิเสธ ผลจะไม่มอบให้ท่าน โปรดนำคำพูดของผมไปถ่ายทอดแก่คุณปู่ถังด้วยครับ พ่อบ้านถัง”