ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 237 มาขอความเมตตาจากเขา
เจสมีท่าทางตื่นเต้นเมื่อได้ยินคำตอบของเฉียวเหลียง เขายื่นหน้ามาที่กล้อง ถามด้วยดวงตาเบิกกว้าง “คุณลงนามในสัญญาบางอย่างที่ไม่เป็นธรรมกับผู้นำในประเทศของคุณหรือ คุณใช้กลอุบายกับใครบางคนอีกแล้วใช่ไหม”
เฉียวเหลียงขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้นมองเจส ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากข้างนอก “ท่านเข้าไปไม่ได้นะคะ ท่านประธานไม่ได้อยู่ในห้องทำงานค่ะ”
“ไปให้พ้น!” เสียงตะโกนดังลั่น “ฉันรู้ว่าไอ้ลูกสารเลวมันอยู่ที่นี่!”
มีเสียงกรีดร้องดังอยู่ภายนอก ตามมาด้วยเสียงสิ่งของหลายอย่างแตกกระจาย เจสกับวิลสันก็ได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจนเช่นกัน จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทั้งสองคาดเดาได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาต่างมองหน้าเฉียวเหลียงและตัดสายวิดีโอคอล
หลังจากอันเฮาถูกผลักล้มลงกระแทกกับพื้น ‘คณะเลขานุการ’ ของสำนักงานท่านประธานก็วิ่งกรูกันเข้ามาทันทีอย่างรวดเร็ว หนึ่งในนั้นช่วยพยุงอันเฮาลุกขึ้น ส่วนคนอื่นๆ ยืนเรียงแถวหน้าห้องทำงานท่านประธาน และจ้องมองเขม็งไปที่ชายสองคนในชุดสูท ในระหว่างสองคนนั้น ชายวัยกลางคนหน้าตาดีแต่ท่าทางไม่เป็นมิตร ส่วนคนหนุ่มดูโกรธเกรี้ยว ทั้งสองหน้าตาคล้ายกันมาก ราวกับถั่วสองเมล็ดในฝักเดียวกัน ชายวัยกลางคนมองกลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าและตะคอกด้วยความโกรธ “ไปให้พ้น อย่ามาขวางทางฉัน!”
‘คณะเลขานุการ’ ไม่ขยับเขยื้อน เขาจึงตะคอกอีกอย่างแค้นเคือง “สุนัขที่ดีไม่อยู่ใต้เท้าใคร ไปให้พ้น! นี่เป็นเรื่องระหว่างเฉียวเหลียงกับพวกเรา เราจะไม่เอาเรื่อง ถ้าพวกเธอหลบไปให้พ้นเสียตอนนี้!”
คณะเลขานุการมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม แต่ยังคงตั้งขบวนยืนนิ่งเหมือนรูปปั้น ชายทั้งสองไม่มีทางเลือกนอกจากใช้กำลัง พวกเขาช่วยกันผลักคณะเลขานุการสุดแรงให้พ้นทาง แต่ก็ถูกต่อต้านและผลักกลับอย่างแรง จนล้มลงกระแทกพื้นทั้งสองคน คนหนุ่มจ้องมองคณะเลขานุการด้วยดวงตาดุดัน “พวกแกจะหลบไปไหม!”
แล้วเขาก็รีบหันไปช่วยชายวัยกลางคนให้ลุกขึ้น “พ่อ เป็นไงบ้างครับ”
ชายวัยกลางคนจ้องหน้าเขาและกล่าวด้วยความโกรธ “ยังไม่ตาย!” เขาสะบัดมือลุกขึ้นยืนและตะโกนอย่างโกรธแค้นไปที่ห้องทำงาน “เฉียวเหลียง ฉันรู้ว่าแกอยู่ข้างใน แกกล้าทำแบบนี้กับฉัน แต่ไม่กล้าออกมาเผชิญหน้ากับฉันใช่ไหม แกไม่กลัวฟ้าดินลงโทษใช่ไหม ที่อกตัญญูกับพ่อของแก…”
ก่อนที่เขาจะได้พูดจบ ประตูห้องทำงานก็เปิดออกอย่างแรง เฉียวเหลียงร่างสูงหล่อเหลาปรากฏตัวขึ้นเบื้องหลัง ‘เหล่าทหารองครักษ์’ ทันทีที่เขาปรากฏตัว ‘ทหาร’ ก็แยกกันออกเป็นสองฝั่ง เพื่อหลีกทางให้เขา เฉียวเหลียงยืนอยู่ที่ประตู มองไปที่ชายสองคนซึ่งมีสภาพยุ่งเหยิง แล้วส่งเสียงคำราม “ตำรวจเดี๋ยวนี้ไร้ความน่าเชื่อถือขึ้นเรื่อยๆ ผมจำได้ว่าคุณสองคนถูกคุมตัวไปสอบสวนที่สำนักงานตำรวจไม่ใช่หรือ ทำไมถึงมาปรากฏตัวที่บริษัทผมได้รวดเร็วขนาดนี้”
เมื่อลู่กวงสยงเห็นเฉียวเหลียงพูดกับพวกเขาด้วยท่าทางหยิ่งยโส นัยน์ตาเขาก็เป็นประกายด้วยความขุ่นเคือง เขากล่าวอย่างดุดันว่า “เป็นเพราะแก! แกคิดว่าฉันไม่รู้หรือว่าแกใส่ร้ายฉัน”
ช่วยไม่ได้ที่ลู่หงคุนจะถอยหลังและคอหดเมื่อเห็นเฉียวเหลียง
เฉียวเหลียงมองหน้าลู่กวงสยงอย่างเย็นชา โดยไม่ชายตามมองลู่หงคุนแม้แต่น้อย เขาหัวเราะเยาะ ลู่กวงสยงด้วยสายตาถากถาง “เป็นเพราะคุณดำเนินงานบริษัทของคุณอย่างไม่ถูกต้อง ผมไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องด้วยเลย ถ้าคุณถูกรถชนตาย คุณจะมาบอกว่าเป็นเพราะผมได้ด้วยหรือ”
“แก!”
เฉียวเหลียงหันกลับเดินเข้าห้องทำงาน พร้อมกับกล่าวอย่างเยือกเย็น “ในเมื่อคุณจะมาขอความเมตตาจากผม ก็อย่ามาวางท่าโง่ๆ ใส่ผม ผมคลื่นไส้!”
“เฉียวเหลียงฉันเป็นพ่อแกนะ!” ลู่กวงสยงตะคอก “พระเจ้าจะลงโทษแก ที่ปฏิบัติกับพ่อของแกแบบนี้!”
“ฮ่า ฮ่า…” เฉียวเหลียงยืนหัวเราะเยาะลู่กวงสยงอยู่ในห้องทำงาน แล้วหันไปมองลู่กวงสยงอย่างฉับพลัน ประกายความเกลียดชังฉายชัดทั่วใบหน้า เขากล่าวอย่างดุดัน “ลู่กวงสยง คุณไม่รู้หรือว่าการลงโทษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผม คือการเกิดมาเป็นลูกของคุณ!”
“เฉียวเหลียง!” ลู่กวงสยงโกรธมากจนพูดไม่ออก เมื่อได้ยินคำพูดของเฉียวเหลียง เหล่าองครักษ์รู้สึกว่านายน้อยของพวกเขานี่ช่างมหัศจรรย์เหลือเชื่อจริงๆ! ในสายตาพวกเขานายน้อยเป็นคนเงียบขรึมตลอดเวลา แต่ในช่วงวิกฤติคุณจะอยากตัดลิ้นเขาเลยทีเดียว เพราะความคมที่เชือดเฉือนเหลือเกินจากลิ้นของเขา!
“เอาล่ะ ฉันไม่สนหรอก บอกฉันมาว่าทำไมแกถึงทำลายหงคุนกรุป” ลู่กวงสยงกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “แกรู้ไหมว่าฉันทำงานหนักแค่ไหนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพื่อสร้างหงคุนกรุป ถ้าหงคุนกรุปพัง ฉันจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง!”
เฉียวเหลียงเย้ยหยัน “แล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผมยังไงหรือ”
เมื่อกล่าวจบเขาก็นั่งลงบนโซฟาหนังสีดำและมองไปที่ ‘เหล่าองครักษ์’ ทั้งหมดแหวกทางออกทันที ลู่กวงสยงกับลู่หงคุนจึงเข้าไปในห้องทำงานเขาได้ในที่สุด ลู่หงคุนรู้สึกอิจฉาเมื่อเห็นห้องทำงานอันกว้างขวาง แต่เขารีบก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว ไม่กล้ามองสำรวจรอบๆ ห้องไปมากกว่านี้ ลู่กวงสยงถามด้วยน้ำเสียงดุดัน “ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับแกอย่างนั้นหรือ แล้วทำไมแกถึงไล่แมร์รี่กับเลขานุการคนอื่นๆ ออก”
“ผมมีอิสระที่จะไล่พนักงานของผมออก” เฉียวเหลียงกล่าวเสียงเรียบ และหัวเราะเยาะลู่กวงสยง “หรือคนพวกนั้นเป็นสายลับของคุณ นี่คือเหตุผลที่คุณสนใจ กลัวว่าคนพวกนั้นจะถูกไล่ออกใช่ไหม”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ลู่กวงสยงก็ดูกระวนกระวายใจเล็กน้อย เขากำมือแน่น กระแอมแล้วกล่าวว่า “พวกเธอไม่ใช่สายลับของฉันอย่างแน่นอน! ฉันแค่เป็นห่วงบริษัท ถึงแม้ฉันจะไม่ได้เป็นหุ้นส่วนบริษัทแล้วก็ตาม แต่ฉันก็เคยเป็นประธานบริษัท ฉันผิดหรือที่จะเป็นห่วงเฉียวกรุป”
เฉียวเหลียงเย้ยหยัน “ใช่ ผิด ลู่กวงสยง คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่ง! ไม่ต้องอ้อมค้อม! ผมไม่มีเวลาฟังเรื่องบัดซบของคุณ” เขาหยุด มองหน้าลู่กวงสยงซึ่งเข้มจัด และกล่าวว่า “คุณกำลังยุ่งอยู่กับเจ้าหน้าที่ปราบปรามการทุจริต ที่กำลังสืบสวนเรื่องการหลีกเลี่ยงภาษีของคุณไม่ใช่หรือ”
ลู่กวงสยงเดือดดาลขึ้นทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้ “ฉันรู้ว่าแกอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้! เอาเงินมาให้ฉันสองพันล้านหยวน ฉันต้องเอาไปจัดการกับคดี แล้ว…”
“ฝันไปรึเปล่า” ลู่กวงสยงถูกเฉียวเหลียงขัดจังหวะ ภายใต้สายตาที่จ้องมองมาด้วยความแปลกใจ เฉียวเหลียงยิ้มอย่างเย็นชากล่าวว่า “ลู่กวงสยง ฟังนะ คุณจะไม่มีวันได้เงินจากผม ไม่ว่าในชีวิตนี้ หรือชีวิตหลังความตาย สองพันล้านหยวนหรือ ฝันไปเถอะ! อดทนรอสักหน่อย เดี๋ยวคุณก็จะได้ติดคุกแล้ว”
“เฉียวเหลียง แก…” ลู่กวงสยงยกมือกุมหน้าอก ท่าทางดูเหมือนกำลังจะร่วงลงกับพื้น ลู่หงคุนรีบเข้ามาประคองลู่กวงสยง และมองหน้าเฉียวเหลียงด้วยดวงตาแดงเรื่อพร้อมกับกล่าวด้วยเสียงสะอื้น “พี่ครับ ทำไมถึงโหดร้ายกับพวกเราอย่างนี้ พี่จะไม่ช่วยพวกเราจริงๆ หรือ!”