ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 270 พิษรักแรงหึง
หลิวเฉิงอวี่ขมวดคิ้วจ้องหน้าเซียวส่าอย่างไม่พอใจ กล่าวเสียงเครียด “ผมไม่ได้ต้องการบังคับโหรวโหรว ผมบอกแล้วไงว่าผมรอเธอได้ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม”
“คุณกำลังบังคับจิตใจเธอ เข้าใจไหม” เซียวส่ามองหลิวเฉิงอวี่ด้วยสายตาเย็นชา ก่อนกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “คุณกดดันเธอด้วยการบอกว่าคุณจะรอเธอ! ถ้าโหรวโหรวตัดสินใจเลือกผู้ชายอื่น จะไม่ดูเหมือนเธอทำผิดต่อคุณหรอกเหรอ คุณกำลังบังคับให้เธอเลือกคุณโดยการพูดว่าคุณจะรอ”
หลิวเฉิงอวี่พูดไม่ออก จ้องหน้าเซียวส่านิ่ง แล้วหันไปหาถังซี ถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “โหรวโหรว เธอคิดอย่างเดียวกับเซียวส่าหรือเปล่า คิดว่าพี่กำลังบังคับให้เธอเลือกพี่ ด้วยการพูดว่าพี่จะรอเธอไปชั่วชีวิต และจะให้เวลาเธอไตร่ตรองว่าจะเลือกพี่หรือไม่ อย่างนั้นหรือเปล่า”
ถังซีขยับริมฝีปากจะตอบ ทว่าเฮ่อหว่านอีซึ่งนั่งฟังเงียบๆ มาตลอดกล่าวแทรกขึ้นเสียก่อน “นี่เอาจริงๆ นะ ประธานหลิว ฉันคิดว่าความประพฤติของคุณไม่ค่อยเหมาะสม คุณน่ะเรียกได้ว่าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเซียวโหรว จะมาพูดกับเธอว่าจะรอเธอไปชั่วชีวิตได้ยังไง ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันคงจะงงน่าดู ว่าโรคจิตที่ไหนมาพูดกับฉันแบบนี้ หลังจากได้เจอกันแค่สามครั้ง!”
เธอหันไปทางถังซี เลิกคิ้วถามว่า “โหรวโหรว พี่พูดถูกไหม”
ถังซีขยับริมฝีปากอีกแต่ยังไม่ได้พูดอะไร เฮ่อหว่านอียักไหล่ เฉียวเหลียงซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะคณะกรรมการไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป เมื่อเห็นว่าถังซีไม่โต้ตอบเขาก็ลุกยืนขึ้น กล่าวกับหลิวเฉิงอวี่ “ผมจำได้ว่าเมื่อเดือนที่แล้ว ประธานหลิวรักเซียวจิ้นหนิงอย่างสุดสวาทขาดใจเหลือเกิน แล้วทำไมจึงมาตกหลุมรักผู้หญิงอื่นได้อย่างรวดเร็ว ในทันทีที่ตัวตนที่แท้จริงของเซียวจิ้นหนิงถูกเปิดเผยออกมาอย่างนี้ล่ะ”
หลิวเฉิงอวี่หรี่ตามองเฉียวเหลียงอย่างเย็นชา “ผมเองที่เป็นคนเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอ เพราะสิ่งที่ผมเกลียดที่สุดก็คือคนหลอกลวง ในเมื่อเซียวจิ้นหนิงไม่ใช่สมาชิกตระกูลเซียว เธอก็ไม่ควรมาเสวยสุขอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ใช่ของเธอ และทำให้คุณหนูเซียวตัวจริงต้องลำบากยากเข็ญ ผมไม่คิดว่าผมทำอะไรผิดนะ!”
“นั่นเป็นเพราะคุณเกิดมาชอบเซียวโหรวเข้าไง” เซียวจิ่งบรรจงจัดชุดสูทของเขาให้เข้าที่ แล้วมองไปที่หลิวเฉิงอวี่ด้วยสีหน้าเฉยเมย ขณะกล่าวเน้นคำช้าๆ ชัดๆ “ถ้าคนที่คุณชอบคือเซียวจิ้นหนิง และคุณไม่ได้รู้สึกอะไรกับเซียวโหรว แม้คุณจะได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเซียวจิ้นหนิง แต่คุณก็จะช่วยเธอปกปิดความจริง เพื่อจะได้คบกับเธอต่อไป แต่นี่คุณมาหลงเสน่ห์ความสวยและความสามารถของเซียวโหรวไงล่ะ คุณชอบเธอ และคิดว่าเธอไม่น่าจะใช่เด็กสาวจากบ้านนอก น่าจะเป็นสุภาพสตรีชั้นสูงจากตระกูลผู้ดีมากกว่า เมื่อคุณได้ยินเรื่องราวของเซียวจิ้นหนิงกับเซียวโหรว คุณก็เลยทนไม่ได้ คุณต้องการช่วยเซียวโหรวทวงคืนในสิ่งที่ควรเป็นของเธอ จะได้ชนะใจเธอ พร้อมกันนั้นคุณก็จะได้กำจัดเซียวจิ้นหนิง ซึ่งคุณไม่ได้ชอบ แต่จำเป็นต้องแต่งงานด้วย”
“หุบปาก!” ตอนนี้หลิวเฉิงอวี่พลุ่งพล่านจนเก็บอาการไม่อยู่ เพราะเซียวจิ่งพูดตรงกับความจริงทุกประการ เขาหันไปจ้องเฉียวเหลียงด้วยสายตาเย็นเยียบ แล้วคำรามลั่นว่า “นายไม่ได้รู้อะไรเลยเกี่ยวกับความคิดของฉัน! ฉันแค่ไม่ต้องการให้ใครถูกหลอกด้วยคำโกหกของเซียวจิ้นหนิง!”
“พอได้แล้ว” ทันใดนั้นถังซีก็ลุกขึ้น เธอมองดูผู้ชายสามคนซึ่งกำลังทะเลาะกันด้วยเรื่องของเธอ และกล่าวด้วยสีหน้านิ่งสนิทว่า “หยุดได้แล้ว” จากนั้นก็หันไปหาหลิวเฉิงอวี่ ขยับริมฝีปากกล่าวว่า “คุณหลิวคะ ขอฉันพูดตรงๆ นะ คุณกับฉันเป็นเพื่อนกันได้ค่ะ แต่ไม่วันจะเป็นคนรักกัน เพราะฉันมีผู้ชายที่ฉันรักอยู่แล้ว”
หลิวเฉิงอวี่นิ่งอึ้งตกตะลึง ส่วนเฉียวเหลียงซึ่งยืนอยู่เบื้องหลังหลิวเฉิงอวี่ ยิ้มกว้างมองถังซีด้วยสายตาบ่งบอกถึงความรักเต็มเปี่ยม เฮ่อหว่านอีสังเกตเห็นสายตาที่เต็มเปี่ยมด้วยความรักของเฉียวเหลียง ก็แอบหัวเราะในลำคอแล้วเอ่ยขึ้นว่า “โหรวโหรว ถึงเวลาเข้าไปหลังเวทีแล้วล่ะ จะได้เตรียมตัวขึ้นแสดง”
เฮ่อหว่านอีหลิ่วตาให้เธอ “คณะกรรมการพร้อมแล้ว เธอต้องชนะให้ได้นะคืนนี้ ไปกันเถอะ รีบไปเตรียมตัวกันดีกว่า”
ประกายตาหลิวเฉิงอวี่วาววับขึ้นเมื่อได้ยินประโยคนี้ เขาถามอย่างตื่นเต้นว่า “เธอจะแสดงด้วยหรือคืนนี้ โหรวโหรว เธอจะแสดงอะไร”
ถังซียิ้มเขินๆ “ฉันจะเล่นเปียโนค่ะ” แล้วหันไปส่งสายตาวิงวอนให้เฮ่อหว่านอี ขณะกล่าวกับหลิวเฉิงอวี่ว่า “ต้องขออภัยด้วยนะคะ ฉันเล่นไม่ค่อยเก่ง”
เฮ่อหว่านอียักไหล่ “ขออภัยอะไรกัน พี่ชายรองของเธอเพิ่งบอกว่าเขาสอนเธอมาอย่างดี และเธอเป็นศิษย์อัจฉริยะทางเปียโนของเขา พี่สัญญาว่าจะไม่หัวเราะเยาะเธอแน่นอน”
ถังซีส่งสายตาละห้อยให้เฮ่อหว่านอี แล้วก้มศีรษะให้ทุกคน “ขอตัวนะคะ ฉันต้องไปเตรียมตัวขึ้นแสดงก่อน”
เธอเป็นคนแรกที่ต้องขึ้นแสดง จึงถึงเวลาแล้วที่ต้องไปเตรียมตัว เฮ่อหว่านอีหัวเราะเบาๆ “คนสวย พี่จะไปเป็นเพื่อน พี่มีของขวัญจะให้เธอด้วย”
ถังซีส่งสายตาประหลาดใจให้เฮ่อหว่านอี ซึ่งเดินนำเธอออกไปนอกห้องด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อเดินห่างออกไปได้พอสมควร เฮ่อหว่านอีก็กล่าวยิ้มๆ ว่า “เฮ้ สาวน้อยเธอแน่มาก นับตั้งแต่สมัยเด็กๆ มาแล้ว นี่เป็นครั้งแรกเลยที่พี่เห็นเฉียวเหลียงแสดงอาการหึงหวงออกนอกหน้าแบบนี้! เมื่อก่อนเขาไม่เคยมองผู้หญิงเลยด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่จะหึงเลย ดูอย่างพี่นี่ไง พี่เล่นกับเขามาตั้งแต่เด็ก แต่เฉียวเหลียงไม่เคยสนใจพี่เลย ขนาดเวลาไปทานบุฟเฟ่ต์กัน เขายังจ่ายให้แต่พวกเด็กผู้ชาย ไม่เคยจ่ายให้พี่เลย เหลือเชื่อไหมล่ะ”
ถังซีไม่อยากเชื่อเรื่องที่เธอเล่า ได้แต่หัวเราะ “พี่ไม่ต้องพูดมาแบบนี้หรอก ฉันว่าเขาก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง แล้วฉันยังเคยได้ยินว่าเขาตกหลุมรักเด็กสาวคนหนึ่งสมัยเรียนมัธยมปลาย เขารักเธอมากด้วย”
“แหม…นี่” เฮ่อหว่านอีมองถังซีอย่างอ่อนใจ “เธอไม่ควรยิ้มอย่างมีความสุขแบบนี้นะ เวลาพูดว่าเขารักผู้หญิงอื่นนะ ทำได้ไง เธอกำลังบอกว่าเขารักคนอื่น ที่ไม่ใช่เธอนะจ๊ะ!”
ถังซีอึ้ง “…” โอ ลืมตัวอีกแล้ว ว่าตอนนี้เธอคือเซียวโหรว
“เอาเถอะค่ะ ยังไงก็ตามเขาก็โรแมนติกอยู่บ้างนะคะ ในบางครั้ง พี่รู้อะไรไหม…” แล้วถังซีก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาเมื่อเห็นเฮ่อหว่านอีจ้องเขม็ง เลยรีบก้าวเดิน “เอ้อ ช่างเถอะค่ะ” แต่หลังจากเดินไปได้สองก้าวก็หยุด หันกลับมามองเฮ่อหว่านอี เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม “พี่หว่านอี พี่บอกว่าจะให้ของขวัญฉันนี่ ของขวัญอะไรเหรอ”
“เธอน่ะยังเป็นแค่แม่หนูน้อย ยังไม่รู้ซึ้งถึงกฎมืดของโรงเรียนนี้ที่ซ่อนอยู่” เฮ่อหว่านอีเดินเข้ามาใกล้ โอบแขนไปรอบไหล่ถังซี กระซิบว่า “ของขวัญที่พี่จะให้ จะช่วยเธอได้ในเวลาคับขัน คิดว่าไง อยากได้ไหมล่ะ”
ถังซีหัวเราะพลางเลิกคิ้ว “ก็แค่งานแสดงทางศิลปะ ทำไมพี่ถึงพูดราวกับฉันกำลังอยู่ในละครดราม่า ต้องต่อสู้เอาชีวิตรอดในวังหลวง”
“ไม่ได้ล้อเล่นนะ เดี๋ยวเธอก็รู้เอง” เฮ่อหว่านอีกล่าวอย่างมีเลศนัย