ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 301 คนเรามีความเชี่ยวชาญในสาขาที่แตกต่างกัน
คำพูดด้วยวิสัยทัศน์อันคับแคบของเขาทำให้ถังซีพูดไม่ออก เธอมองเขาอย่างอ่อนใจและกล่าวอย่างสิ้นหวัง “ในความเป็นจริง กระสอบผ้าลินินไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ของความเรียบง่าย และขนนกยูงก็ไม่ได้ดูหรูหราสง่างามขนาดนั้น”
ฉู่หลิงหรี่ตา จ้องมองถังซีเขม็ง ถังซีรู้สึกราวกับว่าสายตาที่จ้องมองมานั้นแทบจะเจาะใบหน้าเธอให้เป็นรู และทำได้เพียงยอมจำนน “ฉันขอโทษ ช่วยบอกปัญหาในงานออกแบบของฉันหน่อย ฉันจะได้แก้ไข”
ฉู่หลิงโยนภาพสเก็ตช์งานออกแบบของเธอกลับมา ขณะกล่าวอย่างเย็นชา “งานออกแบบของคุณชิ้นแรก คุณให้ชื่อว่าฟีนิกซ์เนอร์วานา แต่ผมเห็นแค่นกฟีนิกซ์ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับสรวงสวรรค์อันสงบสุขเลย คุณออกแบบให้มีการเจาะฉลุเป็นสีทองนั่นดี แต่ไม่มีส่วนไหนเลยที่บ่งบอกความเป็นเนอร์วานาในชุดนี้ นี่คือความผิดพลาดครั้งใหญ่! เนอร์วานาหมายถึง สภาวะใหม่ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสู่ความสมบูรณ์แบบภายหลังความเจ็บปวด แต่สิ่งที่ผมเห็นจากชุดนี้มีเพียงนกยูงที่หยิ่งผยอง…”
“นกฟีนิกซ์!” ถังซีมองหน้าฉู่หลิง
ฉู่หลิงจ้องหน้าถังซี เธอยักไหล่บอกว่า “ต่อเลยค่ะ”
“ผมขอแนะนำให้คุณใช้เลื่อมสีดำบนตัวเสื้อส่วนบน เพื่อเน้นความเป็นนกฟีนิกซ์ก่อนจะเข้าสู่สรวงสวรรค์ จากนั้นใช้เลื่อมเหลือบรุ้งสีดำและสีทองบนกระโปรงเพื่อเน้นความงดงามของนกฟีนิกซ์…”
ถังซียกมือขึ้นขัดจังหวะเขาก่อนที่เขาจะพูดจบ “ฉันรู้ว่าคุณคิดว่ามันสำคัญที่จะต้องเน้นถึงเนอร์วานา” เธอกล่าว “แต่การออกแบบแบบนี้จะทำให้ทั้งชุดดูขัดแย้งกันมาก ฉันคิดว่าจะออกมาดูไม่ดีเลย…”
ถังซีหยุดชะงัก กะพริบตาปริบๆ จ้องมองภาพสเก็ตช์งานออกแบบที่ฉู่หลิงส่งมาตรงหน้า เธอพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว…
เธอยื่นมือไปรับภาพสเก็ตช์จากฉู่หลิง ขณะอ้าปากค้างมองชุดที่ดูราวกับชุดในฝัน ช่างสวยงามเหลือเกิน เธอจินตนาการได้เลยถึงภาพฉากอันงดงามที่มีนางฟ้าและปีศาจสวมชุดนี้ เธอเงยหน้าขึ้นมองฉู่หลิงอย่างตกตะลึง และถามด้วยความประหลาดใจว่า “นี่คุณวาดเหรอ”
“คุณว่าสวยไหม” ฉู่หลิงไม่ตอบคำถามเธอ แต่ถามกลับ
ถังซีพยักหน้าทันที “สวยค่ะ สวยมาก!”
ฉู่หลิงยิ้ม แล้วเลิกคิ้วถาม “แล้วคุณคิดว่าสิ่งที่คุณเพิ่งพูดเมื่อกี้ถูกต้องไหม”
ถังซีส่ายศีรษะ “ไม่ ฉันพูดผิด คุณพูดถูกทุกอย่าง ชุดนี้น่าจะเป็นแบบนี้!”
หางตาฉู่หลิงข้างหนึ่งหรี่ลงเมื่อได้ยินคำเยินยอของถังซี เขาดึงภาพสเก็ตช์กลับคืนมาจากมือถังซี “แล้วคุณคิดว่าชุดไหนจะเป็นที่นิยมในปารีสแฟชั่นวีกมากกว่ากัน งานออกแบบของคุณหรือว่าชิ้นนี้”
ถังซีกล่าวออกมาดังๆ โดยไม่ลังเล “ของคุณ!”
ฉู่หลิงยิ้ม วางภาพสเก็ตช์งานออกแบบลงอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นมองถังซี “ตอนนี้คุณรู้สึกไหมว่าคุณไม่เหมาะที่จะเป็นดีไซเนอร์”
“ไม่” ถังซียิ้มให้ฉู่หลิง และเลิกคิ้ว “ฉันแค่คิดว่าฉันต้องเรียนรู้เพิ่มเติม แต่ไม่คิดว่าฉันไม่เหมาะที่จะเป็นนักออกแบบ แต่ถ้าคุณเต็มใจที่จะรับตำแหน่งดีไซเนอร์ของบริษัท คุณฉู่ ฉันจะเลิกทำงานออกแบบอย่างเด็ดขาดตั้งแต่นี้เป็นต้นไป”
“ฝันไปเถอะ” ฉู่หลิงพ่นลมหายใจออกทางจมูก “ค่าตัวผมแพงมาก!”
จบคำพูดเขาก็ยิ้ม มองหน้าถังซีขณะกล่าวว่า “แต่ก็ไม่ใช่ว่าฝีมือคุณจะใช้ไม่ได้เอาเสียเลย อย่างน้อยที่สุดงานออกแบบของคุณสองสามชุดก็ยังควรค่าน่าชื่นชม คุณเพียงแค่ต้องศึกษาอย่างหนัก แล้ววันหนึ่งคุณจะเป็นดีไซเนอร์ที่มีความสามารถเป็นที่ยอมรับ”
ถังซียิ้ม ตอนนี้เธอเชื่อแล้วว่าฉู่หลิงคืออัจฉริยะอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่เป็นอัจฉริยะในด้านการบริหารจัดการ แต่ยังเป็นอัจฉริยะในด้านการออกแบบอีกด้วย! เธอมองฉู่หลิงและถามว่า “คุณคิดอย่างไรกับดีไซเนอร์ของบริษัทฉัน”
ฉู่หลิงเลิกคิ้ว ดวงตามีประกายดูถูกแวบขึ้นมา “พวกเขาน่ะหรือ”
ถังซีโกรธเล็กน้อยกับปฏิกิริยาของเขา เธอหรี่ตามองเขา ฉู่หลิงยักไหล่ “อันที่จริงก็ไม่เลว ความสามารถในการออกแบบของพวกเขาก็เหมือนกับบริษัทของคุณ ยังต้องมีการพัฒนา”
ถังซียิ้มอย่างบางๆ เมื่อได้ยินว่าฉู่หลิงไม่ได้ดูถูกพนักงานของเธอ เธอมองหน้าฉู่หลิง “แล้วชุดกี่เพ้าที่ฉันออกแบบล่ะ”
“ผมแก้กี่เพ้าชุดนั้น ไม่งั้นผมคงปล่อยไปขึ้นเวทีครั้งนี้ไม่ได้” ฉู่หลิงส่งภาพสเก็ตช์ที่แก้ไขแล้วให้ถังซี ถังซีรับมาและพบว่าชุดกี่เพ้าสีน้ำเงินเข้มที่เธอออกแบบนั้นได้กลายเป็นชุดจีนโบราณที่งดงามหลังจากฉู่หลิงปรับเปลี่ยน ชุดนี้ไม่เพียงแต่ดูสวยแปลกตา แต่ยังมีสัมผัสของความสง่างามอีกด้วย จากภาพสเก็ตช์งานออกแบบเธอสามารถจินตนาการได้ว่า เมื่อสวมชุดนี้หญิงสาวจะดูมีชีวิตชีวา และน่ารักเหมือนเจ้าหญิง สง่าและงดงามราวกับราชินี
ถังซีส่ายศีรษะมองฉู่หลิงด้วยสายตาชื่นชม พร้อมกับอุทานว่า “คุณคืออัจฉริยะอย่างแท้จริง”
ฉู่หลิงเลิกคิ้ว “เพราะฉะนั้นอย่าให้ผมเห็นงานออกแบบที่น่าเกลียดพวกนั้นอีก ถึงผมจะช่วยคุณแก้แบบของคุณให้ครั้งนี้ แต่ผมหวังว่าจะไม่เกิดลักษณะแบบนี้ขึ้นอีกในครั้งต่อไป สำหรับ… สไตล์การออกแบบ ผมหวังว่าคุณจะก้าวล้ำไปให้ได้ การออกแบบแฟชั่นนั้นไม่มีขีดจำกัด การก้าวล้ำหมายความว่าก้าวล้ำสมัยโดดเด่นกว่าใครๆ เข้าใจไหม”
ถังซียิ้มมองฉู่หลิง “อัจฉริยะก็คืออัจฉริยะจริงๆ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ คุณฉู่ และในเมื่อสองชุดนี้คุณเป็นผู้ออกแบบ ทั้งสองชุดจะปล่อยออกสู่สายตาผู้ชมในชื่อของคุณ…”
“ไม่จำเป็น” ฉู่หลิงมองถังซี และกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ผมเป็นประธานบริหารบริษัทคุณ แน่นอนว่าผมสามารถให้คำแนะนำได้ ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับผม ผมจะฉีกแบบนี้ทิ้งทันที แต่นี่คุณเห็นด้วย ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณได้รับคำแนะนำจากผม การปรับเปลี่ยนแก้ไขของผมมีพื้นฐานมาจากงานของคุณ ดังนั้นชุดพวกนี้จึงไม่ควรเป็นงานออกแบบของผม และในเมื่อไม่ใช่งานออกแบบของผม ผมไม่ต้องการเห็นชื่อผมบนผลงานเหล่านี้”
ถังซีมองฉู่หลิงด้วยความประหลาดใจ ฉู่หลิงลุกขึ้น “เอาละ ตอนนี้เริ่มลงตัวแล้ว เดี๋ยวเราจะได้รู้ว่าเราจะสามารถเข้าร่วมงานแฟชั่นวีกครั้งนี้ได้หรือเปล่า คุณกลับบ้านเถอะ” เขายกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา เม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “ดึกแล้ว ถ้าคุณยังอยู่กับผมที่บริษัท เด็กเหลือขอบางคนจะหึง แล้วผมจะลำบาก”
เมื่อได้ยินแบบนี้ถังซีก็หัวเราะ เธอมองฉู่หลิงและถามว่า “ฉันขอถามอะไรคุณหน่อยได้ไหม ในแวดวงของคุณ เฉียวเหลียงกับคุณใครเก่งกว่ากัน”
ฉู่หลิงอึ้ง สีหน้าเขาเข้มขึ้น เขาจ้องมองถังซีอย่างขุ่นมัวและกล่าวอย่างเย็นชา “ถ้าผมเก่งกว่าเขา คุณคิดว่าผมจะถูกบีบบังคับให้มารับตำแหน่งซีอีโอของบริษัทอ่อนหัดบริษัทนี้ไหมล่ะ”
ถังซียักไหล่ “ไม่มั้ง คงจะไม่”
ฉู่หลิงพ่นลมหายใจอย่างไม่พอใจ และกล่าวอย่างเยือกเย็น “ออกไปให้พ้นจากห้องทำงานผมเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ผมจะโมโห ไม่อย่างนั้นผมไม่รับประกัน…”
“ตกลง!” ถังซียกมือขึ้นทั้งสองข้าง หันหลังเดินออกจากห้องไปทันที แต่หลังจากก้าวไปได้เพียงสองก้าวเธอก็หันกลับไปมองฉู่หลิง “อันที่จริงคนเราแต่ละคนก็เก่งในสาขาที่ต่างกัน แม้ว่าฉันจะไม่ค่อยอยากยอมรับ แต่ฉันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณเก่งกว่าฉันในด้านการบริหารจัดการและการออกแบบ แต่เฉียวเหลียงเก่งกว่าคุณในด้านอื่นๆ เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องรู้สึกต่ำต้อยด้อยกว่าเขาหรอก ทำใจให้สบาย…”
“เซียวโหรว! ออกไป!”