ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 341 ไม่มีใครหลีกเลี่ยงศัตรูของตนเองได้
เมื่อได้ยินเสียงเฉียวเหลียงวางสายไป หลินหย่วนก็รีบบอกให้กัปตันหาร่มชูชีพ เขารู้สึกซาบซึ้งใจมาก จนพร่ำพูดตลอดเวลา “ผมรู้ว่าเขาทนเห็นผมตายไม่ได้ ผมรู้ว่าเขาเห่าเก่งแต่เขาไม่กัดหรอก เขาไม่มีวันอยากให้ผมตาย”
เจ้าหน้าที่สองคนบนเครื่องบินและกัปตันถึงกับอึ้ง “…” คุณเก้า คุณลืมไปแล้วหรือว่าที่คุณตกที่นั่งลำบากอยู่นี้เป็นเพราะคุณเฉียว แค่เขาบอกคุณว่าร่มชูชีพอยู่ที่ไหน คุณก็ซาบซึ้งในน้ำใจเขามากขนาดนี้เลยเหรอ เมื่อกี้คุณเพิ่งตะโกนอยู่เลยว่าคุณจะฆ่าเขาในคราวหน้าที่เจอกัน! เป็นไปได้ว่าตอนนี้เมื่อคุณเจอเขา คุณคงเข้าไปกอดขาคุณเฉียว และบอกเขาว่าคุณซาบซึ้งในน้ำใจเขามากแค่ไหน แทนที่จะฆ่าเขา!
…
ในห้องทำงานของท่านประธานฉินกรุป ฉินเปิ่นหยวนมองหน้าตำรวจ ปากละล่ำละลักพ่นออกมาว่า “ผมบอกพวกคุณแล้วว่าผมไม่เห็นหน้าพวกมัน พวกมันบุกเข้ามาโดยไม่มีเหตุผล และมาซ้อม…บอดีการ์ดของผม! ผมเองก็โดนพวกมันซ้อมเหมือนกัน! พวกคุณจะอยากรู้อะไรอีก”
“เราได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้ว ไม่เห็นว่ามีใครเข้ามาในอาคารนี้ในเวลาที่คุณบอก และเรายังได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั้งหมดของบริษัทคุณ ก็ไม่พบว่ามีผู้ต้องสงสัยเหมือนกัน คุณแน่ใจหรือว่ามีคนบุกเข้ามาในบริษัทของคุณ และซ้อมคุณ” เจ้าหน้าที่ตำรวจถามอย่างไร้อารมณ์ ขณะมองสำรวจไปรอบๆ ห้องทำงานของฉินเปิ่นหยวน ซึ่งไม่มีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนเสียหาย แม้แต่เก้าอี้สองตัวที่ตั้งอยู่หน้าโต๊ะทำงานฉินเปิ่นหยวน ก็ตั้งอยู่อย่างเรียบร้อย ไม่มีร่องรอยใดๆ บ่งบอกว่ามีคนบุกรุกเข้ามา และทำร้ายร่างกายเจ้าของห้องนี้
ฉินเปิ่นหยวนถามอย่างเดือดดาล “งั้นคุณก็กำลังจะบอกว่าผมคงเบื่อมาก ก็เลยซ้อมตัวเองจนสาหัส และสร้างความวุ่นวายให้คุณ งั้นเหรอคุณตำรวจ” จากนั้นเขาก็จ้องมองเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยท่าทางข่มขู่ “ผู้บังคับบัญชาของพวกคุณคือใคร”
ตำรวจนายหนึ่งขมวดคิ้ว ประธานบริษัทใหญ่ๆ พวกนี้มักมีความสัมพันธ์เป็นพิเศษกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เขาควรจะฉลาดพอที่จะไม่ทำให้คนเหล่านี้ขุ่นเคือง
จากนั้นฉินเปิ่นหยวนก็หายใจเข้าลึกๆ ด้วยความเจ็บปวด ทรุดตัวลงบนโซฟา และใบหน้าเขาเริ่มซีด ตำรวจนายหนึ่งลุกขึ้นถามว่า “คุณฉิน จะให้เราพาคุณไปโรงพยาบาลไหม”
ฉินเปิ่นหยวนพยักหน้า และจู่ๆ อาการก็ทรุดลงอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบเรียกรถพยาบาล เมื่อไปถึงโรงพยาบาลฉินเปิ่นหยวนถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินทันที ตำรวจถามแพทย์ฉุกเฉินคนหนึ่งว่า “คนไข้เป็นยังไงบ้างครับ”
“สองคนได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่อีกคนหนึ่งกระดูกซี่โครงหักสองซี่ กระดูกแขนหัก และกระดูกสันหลังร้าว อาการบาดเจ็บทั้งหมดนี้ต้องได้รับการผ่าตัด” นายแพทย์กล่าว เขารีบเรียกพยาบาลมาเตรียมห้องผ่าตัด แล้วเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
ตำรวจมองหน้ากันอย่างงุนงง ฉินเปิ่นหยวนดูซีดเซียวเพียงเล็กน้อย และดูเหมือนว่าไม่ได้ถูกทำร้าย แต่ปรากฏว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
ตำรวจนายหนึ่งถามพร้อมกับขมวดคิ้ว “อาจเป็นการแก้แค้นหรือเปล่า”
ตำรวจรุ่นน้องเลิกคิ้ว “แก้แค้นหรือครับ เป็นไปได้ ในฐานะนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง เขาต้องมีศัตรูมากมาย ถ้าไม่มีศัตรูเลย เขาก็ไม่สามารถพัฒนาบริษัทให้ใหญ่โตขนาดนี้ได้ และเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะป้องกันตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพพอ ถ้าหนึ่งในศัตรูจ้องจะโจมตีเขาโดยไม่เปิดเผยตัว แล้วเขาจะถามศัตรูแต่ละคนว่า ‘คุณเป็นคนทำร้ายผมใช่ไหม’ ก็ไม่ได้”
“คดีแบบนี้มักจะจบลงด้วยการไม่สามารถคลี่คลายคดีได้ การผ่าตัดต้องใช้ลายเซ็นจากครอบครัวผู้ป่วย โทรหาครอบครัวเขา บอกให้มาที่นี่ด่วน” เจ้าหน้าที่ตำรวจรุ่นพี่เข้าไปดูในห้องฉุกเฉินและกล่าวว่า “ผมจะกลับไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดอีกครั้ง บางทีอาจได้เบาะแสอะไรบางอย่าง”
“แต่เราตรวจสอบหมดแล้วไม่ใช่เหรอครับ” เจ้าหน้าที่รุ่นน้องกล่าว “ไม่มีบุคคลน่าสงสัยในวิดีโอ เว้นแต่ว่า…”
“เว้นแต่ว่าผู้ลอบเข้ามาทำร้ายจะเป็นนักเลงมืออาชีพ เหมือนที่ฉินเปิ่นหยวนให้การว่าต้องเป็นคนที่รู้วิธีหลบเลี่ยงกล้องวงจรปิด” เจ้าหน้าที่รุ่นพี่กล่าวว่า “ผมจะตรวจสอบวิดีโอทั้งหมดอีกครั้ง หากมีอะไรผิดปกติที่นี่ รายงานให้ผมทราบ และตรวจสอบดูว่าเมื่อเร็วๆ นี้ ฉินเปิ่นหยวนติดต่อกับบุคคลใดบ้างที่น่าสงสัย”
ฉินซินหยิ่งที่นั่งอยู่บนชั้นเฟิสต์คลาสของเที่ยวบินไปยังเมือง A กำลังรอเครื่องบินขึ้น จู่ๆ เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากเลขาฯ ของเธอ เมื่อได้ยินเรื่องที่เลขาฯ รายงาน เธอก็ขมวดคิ้ว ถามอย่างเยือกเย็น “ใครเป็นคนทำ…
“คนที่รักถังซีงั้นเหรอ” ประกายดุดันวาววับไปทั่วดวงตาเธอ ถังซีรักกับบอดีการ์ดคนนั้นไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงมีผู้ชายอีกคนมาปรากฏตัว อ้างว่ารักถังซี และที่แย่ที่สุดคือถังซีได้พบกับเฉียวเหลียงอีกครั้งในงานเลี้ยงของรัฐบาล! เฉียวเหลียงถึงกับเสียอาการหลังจากเห็นเธอ! เขาแทบควบคุมตัวเองไม่ได้!
เมื่อนึกถึงภาพที่เธอเห็น ฉินซินหยิ่งก็อดกัดฟันแน่นไม่ได้ ทำไมทุกคนถึงรุมรักถังซี ในขณะที่เธอต้องพยายามอย่างหนักกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นพันเท่า เพื่อให้ได้สิ่งที่เธอต้องการ!
“ใช่ค่ะ ท่านประธานบอกอย่างนั้น แต่ท่านไม่ได้บอกรายละเอียดกับฉัน แค่ให้บอกคุณว่าอย่าทำอะไรผลีผลาม ท่านเชื่อว่าพวกอันธพาลพวกนั้นไม่ธรรมดา” เลขาฯ กล่าวด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว
เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเลขาฯ ฉินซินหยิ่งก็ขมวดคิ้ว ดวงตาเธอเต็มไปด้วยความร้อนรน เธอพยายามระงับความโกรธถามว่า “พ่อฉันเป็นยังไงบ้าง”
“ฉันได้ยินมาว่าซี่โครงหักสองซี่ กระดูกสันหลังร้าว และกระดูกแขนหักค่ะ ตอนนี้กำลังได้รับการผ่าตัด”
“บัดซบ!” ถังซี! ฉันสาบานว่าฉันจะไม่ปล่อยเธอแน่! สักวันหนึ่งฉันจะทำให้เธอมาคุกเข่าต่อหน้าฉัน ขอความเมตตาจากฉัน! ดวงตาฉินซินหยิ่งมีประกายดุดัน เธอหรี่ตาลง “ฉันเข้าใจแล้ว แจ้งฉันด้วย ถ้ามีอะไรผิดปกติกับพ่อฉัน และหลังจากผ่าตัดเสร็จแจ้งผลให้ฉันรู้ด้วย”
ถังซีไม่คาดคิดว่าฉินซินหยิ่งจะขึ้นเครื่องบินเที่ยวเดียวกับเธอและเฉียวเหลียง โชคดีที่เธอไม่ได้สวมหน้ากากผิวหนัง ไม่อย่างนั้น… เมื่อคิดเช่นนี้ถังซีก็นิ่งเงียบ ฉินซินหยิ่งดูแย่มาก เธอคงรู้แล้วว่าฉินเปิ่นหยวนถูกทำร้าย แต่ทำไมเธอถึงยังนั่งอยู่ที่นี่ เธอควรไปโรงพยาบาลทันทีไม่ใช่หรือ
ฉินซินหยิ่งเงยหน้าขึ้นเห็นถังซีกับเฉียวเหลียง เธอชะงักแล้วขมวดคิ้ว หรี่ตามองคนทั้งสอง และทักทายเฉียวเหลียง “เฉียวเหลียงคุณกำลังจะกลับเมือง A เหมือนกันเหรอ”
เฉียวเหลียงหันไปมองฉินซินหยิ่ง แล้วพาถังซีไปนั่งที่ที่นั่งของเธอ พร้อมกับขอให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินคนหนึ่งนำผ้าห่มมาให้ถังซี จากนั้นก็กระซิบว่า “กว่าจะถึงเมือง A ก็เที่ยงคืน คุณงีบหลับไปก่อนดีกว่านะ”
ฉินซินหยิ่งได้ยินคำพูดอันอ่อนโยนที่เฉียวเหลียงพูดกับถังซีก็รู้สึกเจ็บจี๊ด ราวกับหัวใจถูกมดกัด เธอฝืนยิ้ม “แปลกใจจริงๆ ที่เห็นคุณเซียวอยู่กับคุณ ฉันเพิ่งอ่านข่าว เลยคิดว่าตอนนี้คุณคงอยู่กับซีซี”