ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 359 บทสนทนาระหว่างชายสองคน
ณ กองบัญชาการทหาร ในเมืองหลวง
“ท่านครับ ผมไม่อยากไปประจำการที่หน่วยต่อต้านการก่อการร้ายอีกต่อไปแล้ว ผมอยากกลับมาอยู่ประเทศจีน อยากอยู่ประจำการในกองทัพมากกว่าจะต้องเดินทางไปรอบโลก ผมรู้สึกว่าตัวเองเหมาะกับการอยู่ประจำการกองทัพบกมากกว่าจริงๆ” เซียวเหยาซึ่งยืนระวังตรงอยู่ต่อหน้าผู้บังคับบัญชา กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “และผมไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มความสามารถ ในหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายของประเทศ M”
“ผมได้ยินมาว่า รัฐบาลของประเทศ M กำลังสืบค้นหลักฐานเพื่อเอาผิดหลงเซี่ยวกรุป และตั้งใจจะกำจัดหลงเซี่ยวกรุปในคราวเดียว” ชายวัยกลางคนในวัยสี่สิบ ยืนตัวตรงเป็นสง่าอยู่ตรงหน้าเซียวเหยา เขาประสานมือสองข้างไว้เบื้องหลัง เพ่งมองอย่างครุ่นคิดออกไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่าง และกล่าวว่า “แม้ว่าหลงเซี่ยวกรุปจะเป็นพ่อค้าอาวุธที่ดูเหมือนจะไม่เข้ากับฝ่ายใด แต่พวกเขาก็คอยสนับสนุนประเทศของเราอยู่อย่างลับๆ พวกเขาขายอาวุธที่มีประสิทธิภาพสูงในราคาต่ำที่สุดให้กับกองทัพเราอยู่เสมอ อาวุธที่เขาขายให้เรามีประสิทธิภาพและทันสมัยมากกว่าอาวุธที่เพิ่งพัฒนาใหม่ล่าสุดของประเทศ M เสียอีก ดังนั้นเราจึงไม่อาจนิ่งเฉยปล่อยให้หลงเซี่ยวกรุปถูกทำลายได้”
เซียวเหยาขมวดคิ้ว ตามองไปยังชายวัยกลางคนผู้นั้น ถามขึ้นว่า “เอกสารลับสุดยอดที่ท่านเพิ่งพูดถึงคือเอกสารเกี่ยวกับหลงเซี่ยวกรุป ใช่ไหมครับ”
“ใช่ นอกจากนายทหารระดับสูงของกองทัพแล้ว มีเพียงประธานาธิบดีของพวกเขาเท่านั้นที่ได้อ่านเอกสารชุดนั้น เรายังไม่รู้ว่าในเอกสารนั้นมีข้อมูลเกี่ยวกับอะไรบ้าง นั่นคือเหตุผลที่ผมสั่งให้คุณไปปฏิบัติภารกิจในหน่วยต่อต้านการก่อการร้าย”
ดวงตาเซียวเหยาฉายแววพิศวง ชายวัยกลางคนกล่าวต่อไป “คุณเป็นนายทหารที่มีศักยภาพที่สุดของเรา คุณมีความเก่งกาจเชี่ยวชาญที่สุดในทุกๆ ด้าน และยังปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์แวดล้อมได้เป็นอย่างดี คุณจึงไม่ถูกวางตัวในตำแหน่งทหารผู้น้อยเมื่อไปเข้าร่วมกับหน่วยต่อต้านการก่อการร้าย คุณจะอยู่ในตำแหน่งที่สามารถรับมือกับแก๊งเหล่าร้ายข้ามชาติได้ หรือแม้แต่ได้รับมอบหมายให้สืบสวนเรื่องขององค์การหลงเซี่ยว แต่… คุณจะต้องคอยกันไม่ให้ใครมาแตะหลงเซี่ยวกรุป…” ชายผู้นั้นมองกลับมาที่เขา เอื้อมมือมาตบไหล่เขาเบาๆ กล่าวว่า “แต่ไม่ต้องกังวล องค์การหลงเซี่ยวทำการค้าอาวุธ พวกเขาต้องมีการเตรียมป้องกันไม่ให้ใครค้นเจอหลักฐานที่จะใช้เล่นงานพวกเขาได้ง่ายๆ อยู่แล้ว”
เซียวเหยายืนนิ่ง ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ถ้าอย่างนั้น ภารกิจของผมคืออะไร”
“ปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมของหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายต่อไป ต่อสู้กับองค์กรก่อการร้ายทุกองค์กร และปกป้องหลงเซี่ยวกรุปอย่างลับๆ”
เซียวเหยาขมวดคิ้ว นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงก้มศีรษะรับ “ครับผม เข้าใจแล้วครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน”
เมื่อออกมาจากห้องทำงานของผู้บัญชาการทหารแล้ว เซียวเหยาก็ตรงกลับไปยังบ้านพัก เขาจุดบุหรี่สูบ ไปยืนที่ข้างหน้าต่าง แล้วโทรศัพท์ถึงเฉียวเหลียง
หลังจากกลับถึงบ้าน เฉียวเหลียงก็บอกให้เฉียวอวี่ซินทราบว่าทำไมถังซีจึงไม่ได้มาหานางในวันนี้ แล้วไปล้างหน้าล้างตา ทันทีที่ก้าวออกมาจากห้องน้ำ ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์เรียกเข้า เขาเลิกคิ้วมองไปที่โทรศัพท์มือถือ เมื่อเห็นว่าผู้โทรเข้าเป็นใคร ดวงตาเขาก็ฉายแววประหลาดใจ เขารับสาย แล้วถามอย่างไม่แน่ใจ “คุณเซียวหรือครับ”
เซียวเหยากล่าวว่า “ผู้บัญชาการทหารของผมสั่งให้ผมเข้าร่วมกับหน่วยต่อต้านการก่อการร้าย เพื่อคอยปกป้องหลงเซี่ยวกรุปอย่างลับๆ”
เฉียวเหลียงเลิกคิ้วสูง “จริงหรือครับ ถ้าอย่างนั้น คุณเซียวก็ต้องปฏิบัติตามที่ผู้บัญชาการของคุณสั่งอย่างเคร่งครัดนะครับ”
เซียวเหยาถามต่อ “เฉียวเหลียง คุณมือสะอาดจริงๆ หรือเปล่า”
เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว เขามองออกไปยังความมืดมิดภายนอกหน้าต่างราวกำลังไตร่ตรองบางอย่าง ครู่ต่อมาเขาจึงยิ้ม และถามว่า “มือสะอาดหรือเปล่า ผมไม่เคยคิดเลยว่าคุณเซียวจะถามผมด้วยคำถามเด็กๆ อย่างนี้ คนอย่างผมจะมือสะอาดได้ยังไง ผมจะยังมีชีวิตรอดอยู่หรือ ถ้าผม ‘มือสะอาด’ แบบนั้น”
เมื่อกล่าวออกไปเช่นนั้น เขาก็นึกถึงชีวิตที่เคยดำเนินอยู่ในช่วงเวลาของวิถีแห่งความดำมืด ถ้าไม่ได้เป็นคนหลั่งเลือดเสียเอง เขาก็ต้องเป็นฝ่ายทำให้คนอื่นหลั่งเลือด กฎของการเอาชีวิตรอดของพวกเขาคือ ถ้าไม่เป็นผู้ฆ่า ก็ต้องถูกฆ่า เขาพยายามอย่างหนักที่จะหลุดพ้นออกมาจากวิถีชีวิตที่เหมือฝันร้ายนั้น
ในสายตาคนทั่วไป ตัวเขา หลินหย่วน และลู่หลี โชคดีที่สามารถก่อตั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ขนาดนี้ได้ ถึงกับมีข่าวลือว่าพวกเขาก่อตั้งหลงเซี่ยวกรุปขึ้นมาได้เพราะการสนับสนุนจากครอบครัว อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงเป็นเพราะพวกเขาเชื่อใจซึ่งกันและกัน เพราะต่างฝ่ายต่างเคยผ่านประสบการณ์แบบเดียวกันมา และมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน พวกเขาทั้งสามจึงร่วมมือกันสร้างสรรค์ตำนานให้เกิดขึ้นได้!
เมื่อนึกถึงว่าเขาเคยหวาดกลัวเพียงใดตอนถูกขายไปยังเกาะแห่งนั้น ในครั้งแรกที่ไปถึงประเทศ M เฉียวเหลียงก็กำผ้าม่านแน่น ใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าเขาจะสงบจิตใจลงได้ ในตอนนี้เองที่เซียวเหยากล่าวขึ้นว่า “จริงสิ คนมือสะอาดคงไม่สามารถประสบความสำเร็จอย่างคุณได้ ดูอย่างผมสิ ผมประสบความสำเร็จในอาชีพเพราะเป็นนักฆ่าที่มีฝีมือ ไม่ใช่เพราะมือสะอาด”
เฉียวเหลียงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวขึ้นว่า “คนที่เติบโตมาเหมือนดอกไม้ในเรือนเพาะชำ ย่อมไม่มีวันเข้าใจถึงความเจ็บปวดของการโดนครอบครัวตัวเองทอดทิ้ง”
เมื่ออายุได้ห้าขวบ เขาถูกส่งไปยังเกาะร้างห่างไกลแห่งหนึ่ง ที่นั่นเขาต้องใช้พละกำลังของตนเองหลบหนีออกมา เขาว่ายน้ำหนีออกมาจากเกาะนั้น เสี่ยงกับการจมน้ำตายในทะเล เขาไม่อาจเล่าประสบการณ์อันเลวร้ายนี้ให้มารดาฟัง หรือแม้แต่ถังซี เพราะเกรงว่าจะทำให้ทั้งสองตกใจกลัว…
และชายที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญนี้ขึ้นกับชีวิตเขา ก็คือชายคนเดียวกันกับที่ได้ทำร้ายมารดาเขาอย่างโหดเ**้ยม เขาจึงส่งชายผู้นั้นไปเข้าคุก!
เซียวเหยาคิดว่าเฉียวเหลียงกำลังพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาเมื่อห้าปีที่แล้ว จึงกล่าวขึ้นว่า “คุณยังโชคดีกว่าใครๆ อีกหลายคน ถ้าไม่นับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อน คุณ…”
“ดูเหมือนว่าคุณเซียวจะยังไม่รู้จักผมดีนัก” เฉียวเหลียงคลายมือจากผ้าม่าน ผลักกระจกหน้าต่างให้เปิดออก ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงความอึดอัดในอกที่คลายลง เขาสูดลมหายใจลึกๆ เอาอากาศสดชื่นที่พัดมาจากภายนอกเข้าไป และกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ถ้าคุณรู้ว่าเคยเกิดอะไรขึ้นกับผมในอดีต คุณคงไม่โทรมาถามผมด้วยคำถามโง่ๆ แบบนี้ คนที่ต้องฆ่าคนมานับสิบเพื่อให้มีชีวิตรอด จะมือสะอาดได้ยังไงกัน คุณเซียว ผมเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังเพราะคุณเป็นพี่ชายของถังซี ผมจะคอยช่วยเหลืองานของคุณ แต่คุณต้องบอกพวกงี่เง่าที่ประเทศ M ว่าอย่ามายุ่งกับหลงเซี่ยว ไม่อย่างนั้น ผมไม่รับรองว่าคนของเราจะไม่ลงมือกับพวกเขาในแบบที่คุณต้องไม่อยากเห็นแน่”
“ผมได้ยินมาว่าคุณมีกองกำลังของตัวเองอย่างนั้นหรือ” เซียวเหยาหรี่ตาลง ยังคงถามต่อ “คุณรู้ไหมว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ที่มีกองกำลังทหารรับจ้างเป็นของตัวเอง ไม่ใช่แค่ทางเราเท่านั้นนะ แม้แต่ตำรวจสากลก็จะต้องสืบสวนคุณ”
“กองกำลังเหรอ” เฉียวเหลียงยิ้มเยือกเย็นขณะกล่าวว่า “ทำไมผมไม่เคยได้ยินเรื่องกองกำลังอะไรนี่มาก่อนเลย” เขาไม่อยากสนทนาเรื่องนี้ต่อไปแล้ว จึงกล่าวว่า “ดึกมากแล้ว คุณเซียว ไปนอนได้แล้ว”
“คุณหายจากอาการนอนไม่หลับแล้วหรือ” เซียวเหยาถาม “ได้ยินมาว่าคุณเป็นโรคนอนไม่หลับ”
เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว ขณะกล่าวประชด “คุณเซียวครับ คุณควรสนใจเรื่องความปลอดภัยของผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณ มากกว่าจะมาห่วงสุขภาพผม ถ้าพวกเขาสร้างความยุ่งยากให้หลงเซี่ยวกรุปเมื่อไรละก็ ผมเล่นงานพวกเขาแน่ คุณรู้ไหม สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือการโดนข่มขู่”