ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง - ตอนที่ 370 กลับมาแล้ว
เฉียวเหลียงจ้องหน้าเขานิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง แล้วขยับจะกดโทรศัพท์อีก ฉู่หลิงแทบร้องไห้โฮ เขามองเฉียวเหลียงด้วยสายตาวิงวอน พลางขอร้องว่า “อีกสองปีนะ ได้แค่นี้”
เฉียวเหลียงมองฉู่หลิงแล้วกล่าวว่า “ห้าปี ไม่งั้นก็กลับบ้านไปหาพ่อคุณ อยู่ข้างตัวท่านไปจนตลอดชีวิต เลือกเอาเอง”
“ถ้าอย่างนั้นก็…หุ้น” ฉู่หลิงคลายมือจากขาเฉียวเหลียง ไปทรุดตัวนั่งลงบนโซฟา เม้มริมฝีปาก จ้องหน้าเฉียวเหลียง “แบ่งหุ้นในหลงเซี่ยวกรุปให้ผม ส่วนที่เดอะควีนผมจะทำงานให้ห้าปี และต้องให้อิสรภาพผมเมื่อครบห้าปีแล้ว”
เฉียวเหลียงยิ้ม มองหน้าฉู่หลิง และนั่งลงบนโซฟาอีกตัวหนึ่ง “ผมจำได้ว่าคุณคือหมาป่าผู้โดดเดี่ยว”
“หมาป่าผู้โดดเดี่ยวงั้นเหรอ” ฉู่หลิงทำเสียงหัวเราะขึ้นจมูก “ทั้งโดนไล่ล่า ทั้งโดนแทงข้างหลัง ผมไม่เห็นว่าจะมีประโยชน์อะไรกับการเป็นหมาป่าผู้โดดเดี่ยว! แต่เมื่อมีพวกคุณคอยหนุนหลัง พ่อผมก็ไม่สามารถมาพาตัวผมกลับไปได้ ต่อให้รู้ว่าอยู่ที่ไหนก็เถอะ”
เฉียวเหลียงยิ้ม ลุกขึ้นไปรินไวน์แดงสองแก้ว ส่งแก้วหนึ่งให้ฉู่หลิง แล้วกล่าวว่า “ยินดีด้วย ผมพอใจกับคำตอบของคุณมาก ผมจะช่วยห้ามพ่อคุณเอง ถ้าท่านยังต้องการจะจับตัวคุณกลับไป”
ฉู่หลิงเลิกคิ้วพร้อมกับกล่าวว่า “ขอบใจนะ” แล้วจู่ๆ ก็ผุดลุกขึ้นถามว่า “เอ้อ แล้วผู้ช่วยชีวิตผมล่ะ อยู่ที่ไหน”
“ฉันอยู่นี่” ถังซีเดินเข้ามาในห้อง ยิ้มให้ฉู่หลิง แล้วอธิบายว่า “เฉียวเหลียงทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ฉันแค่เหนื่อยมากเลยหลับไป ไม่คิดว่าเขาจะวุ่นวายถึงขนาดพาฉันไปโรงพยาบาล ขอโทษด้วยนะ ที่ทำให้คุณต้องนอนอยู่ในรถทั้งคืน ทั้งที่อากาศหนาวมาก เฉียวเหลียงทำอาหารเช้าไว้แล้ว เราไปดูสถานที่จัดงานกัน หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว ดีไหม”
“ดีสิ คุณสาม ในที่สุดคุณก็กลับมาหาพวกเรา คิดถึงคุณมากเลย” เวลานั้นนั่นเองลู่หลีก็เดินมาจากอีกห้องหนึ่ง ในมือหนึ่งถืออาหารเช้า ทันใดนั้นฉู่หลิงก็รู้สึกตัวว่าเขาโดนคนทั้งสามรวมหัวกันหลอกเข้าให้แล้ว เขาผุดลุกขึ้นทันที และคำรามลั่น “เฉียวเหลียง นี่คุณล่อลวงผมใช่ไหม”
“เธอยังไม่ฟื้นจริงๆ ตอนที่คุณโทรมาเมื่อคืน” เฉียวเหลียงมองถังซี ส่วนถังซีก็เดินไปตักอาหารเช้า แล้วมายืนหลบอยู่ด้านหลังลู่หลีด้วยท่าทีสำนึกผิด โดยในมือถืออาหารเช้าไว้ด้วย ลู่หลีมองถังซี แล้วหันกลับไปมองฉู่หลิง กล่าวว่า “อย่าโกรธเลยน่า ผมเคยขอให้คุณมาร่วมงานกับพวกเรา แต่คุณปฏิเสธ บอกว่าคุณคือหมาป่าผู้โดดเดี่ยว ถึงตอนนี้หลังจากทนทุกข์ทรมานมานานหลายปี คิดว่าได้ลองทนกับความทุกข์ที่ผ่านมาคุ้มแล้วหรือยังล่ะ”
“อย่ามาเรียกผมว่าคุณสาม!” ฉู่หลิงจิกตาจ้องลู่หลีด้วยสีหน้าคุกคาม ทำเสียงขึ้นจมูก “คุณมันก็เก่งแต่เอามือซุกไว้ใน**บ รอดูผมตาย แล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้จักผม! บัดซบ! กล้าดียังไงมาพูดกับผมแบบนี้ คุณยอมให้ผมเข้าร่วมกับหลงเซี่ยว เพราะอยากได้เครือข่ายหน่วยข่าวกรองของผมต่างหาก!”
“นั่นก็จริง” เฉียวเหลียงมองหน้าฉู่หลิง ฉู่หลิงหรี่ตาลงจ้องเฉียวเหลียงเขม็ง ถ้าเจ้าหมอนี่กล้าพูดอะไรกวนประสาทอีก เขาจะกระโจนเข้าใส่ให้ล้มกลิ้งแล้วชกหน้าให้เละไปเลย อย่างไรก็ตามเฉียวเหลียงเพียงแค่ยิ้มและกล่าวว่า “แต่สิ่งที่เราเห็นคุณค่ามากที่สุดก็คือตัวคุณ”
ถังซียิ้ม “ว่าแต่ทำไมไม่เคยบอกฉันเลยว่าพวกคุณรู้จักกัน ตอนที่ฉันเจอฉู่หลิงในร้านอาหารครั้งนั้น ฉันก็นึกว่าเขาเป็นขาใหญ่มาเฟีย แต่มารู้ทีหลังว่าเขากลัวเฉียวเหลียงมาก แล้วคุณก็บอกว่าที่เขายอมช่วยฉันเป็นเพราะเขาติดค้างเฉียวเหลียง แต่ความจริงปรากฏว่าพวกคุณรู้จักกันมานานแล้ว”
ลู่หลียิ้ม กล่าวว่า “พวกเรารู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่เฉียวเหลียงกับผมถูกขายไปอยู่ที่เกาะนั่น ซึ่งคนที่ส่งเฉียวเหลียงไปก็คือพ่อของเขาเอง เราสองคนกลายเป็นเพื่อนตายกันที่เกาะ เอาไว้ผมจะเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังทีหลัง เราแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขาเพราะว่าเขาคือผู้ก่อการร้าย”
“คุณน่ะสิ ผู้ก่อการร้าย!” ฉู่หลิงถลึงตัวพรวดพราดด้วยความโกรธ “เป็นผู้ก่อการร้ายกันทั้งตระกูลนั่นแหละ!”
เฉียวเหลียงมองดูคนทั้งสอง แล้วเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “นี่จะไปดูสถานที่จัดงานกันหรือเปล่า”
“ไปสิ!” ฉู่หลิงลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะอาหาร “ผมต้องไปสำรวจสถานที่แน่นอนอยู่แล้ว! ผมเป็นผู้บริหารเดอะควีน นี่เป็นการแสดงแฟชั่นโชว์ครั้งแรกของบริษัทผม เราต้องดูเรื่องสถานที่ให้ดีที่สุดสำหรับโชว์ครั้งนี้”
ถังซียิ้ม แล้วลอบมองเฉียวเหลียงเพื่อส่งสัญญาณให้เขาเดินออกไปกับเธอ เฉียวเหลียงจึงเดินออกจากห้องไปพร้อมกับถังซี ปล่อยให้ลู่หลีและฉู่หลิงจิกกัดกันต่อไป ถังซีเหลียวกลับไปมองคนทั้งสอง พลางยิ้ม “ฉันคงดูไม่ออกแน่ว่าพวกคุณสามคนเป็นเพื่อนกัน ถ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเองแบบนี้ว่าพวกคุณสนิทกันแค่ไหน เมื่อสองวันก่อน พวกเขายังดูเหมือนคนไม่คุ้นเคยกันอยู่เลย แต่วันนี้ดูเป็นเพื่อนสนิทเลยทีเดียว”
“คุณมีอะไรจะบอกผมเหรอ” เฉียวเหลียงปิดประตูก่อนจะหันมาถามถังซี
ถังซีเม้มริมฝีปากก่อนจะกล่าวว่า “คือฉันบอกใครๆ ว่าไปอิตาลี แต่ไม่มีเอกสารยืนยันอะไรเลยที่กองตรวจคนเข้าเมืองว่าฉันเดินทางจากอิตาลีเข้ามาปารีส แล้ววันนี้ฉันอยากไปดูโชว์ของชาแนล เลยจะไปดูที่จัดแสดงโชว์ของเราได้แค่แป๊บเดียว”
“ไม่ต้องกังวล ผมจัดการเอง คุณแค่ไปจัดการหาบัตรเชิญ…”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา แบรนด์ชั้นนำต่างๆ สำรองที่นั่งในโชว์ไว้ให้ฉันอยู่แล้ว แล้วพวกเขาก็เคยมอบบัตรประจำตัวพิเศษที่ไม่มีวันหมดอายุให้ฉันไว้ มีบัตรนี้ ฉันก็ไม่ต้องใช้บัตรเชิญ” ถึงแม้แบรนด์หรูทั้งหลาย จะส่งบัตรเชิญมาให้ แต่ถังซีก็ไม่จำเป็นต้องใช้ เธอสามารถเข้างานได้เพียงแค่ใช้ใบหน้าของเธอและแสดงบัตรพิเศษนี้
เฉียวเหลียงพยักหน้า แล้วโทรเรียกอาหก
ภายในห้องนั่งเล่น ลู่หลีและฉู่หลิงเพิ่งจะเริ่มการประชุมทางวิดีโอกับหลินหย่วน เมื่อเห็นฉู่หลิงและลู่หลีนั่งอยู่เคียงข้างกัน หลินหย่วนถึงกับขมวดคิ้ว ถามว่า “คุณเจ็ด ทำไมมานั่งอยู่ข้างๆ คุณฉู่ แล้วคุณฉู่เมื่อคืนมาดื่มกับคุณเจ็ดเหรอ”
ฉู่หลิงมองหน้าหลินหย่วนซึ่งแกล้งทำเป็นไม่รู้จักคุ้นเคยกับเขา แล้วทำเสียงพ่นลมออกทางจมูก “เลิกเสแสร้งได้แล้ว ทุกครั้งที่ผมเห็นคุณเสแสร้ง ผมมักจะนึกถึง…”
“เฮ้!” หลินหย่วนมีลางสังหรณ์ว่าฉู่หลิงน่าจะพูดอะไรบางอย่างที่เขาไม่ชอบฟัง จึงรีบขัดขึ้น “ผมรู้จักคุณหรือ เราเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน! คุณไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับผม ตกลงไหม”
“อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิด ผมไม่ได้สนใจอะไรในตัวคุณเลย ผมไม่ได้เป็นเกย์ ไม่เหมือนคุณ…” ฉู่หลิงหัวเราะขึ้นจมูก ส่วนหลินหย่วนตวาดลั่นออกมาทันที “บัดซบ ไอ้คุณสาม! กล้าดียังไงมาพูดถึงเรื่องนี้อีก! ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ผมก็คงไม่โดนเข้าใจผิด…”
“ฮ่าๆ ผมจำได้ว่าคุณเพิ่งบอกว่าเราเป็นคนแปลกหน้า คุณมาตะคอกผมได้ยังไง ผมรู้จักคุณด้วยหรือ” ฉู่หลิงแสยะยิ้มมองหลินหย่วน แล้วทำเสียงหัวเราะขึ้นจมูกอีกครั้ง “คุณคงจะจำคนผิดแล้วล่ะ เพราะอันที่จริงแล้ว เราเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน จริงไหม”
“เลิกได้แล้ว พวกคุณ” ลู่หลีดึงคอมพิวเตอร์แลปท็อปมาจากมือฉู่หลิง แล้วกล่าวกับหลินหย่วนว่า “คุณสามกลับมาแล้ว เขาจะมาเป็นส่วนหนึ่งของหลงเซี่ยว”
ดวงตาหลินหย่วนฉายแววประหลาดใจ เขาเลิกคิ้วมองหน้าลู่หลี ถามว่า “ผู้มีความสามารถคนไหนกันทำให้เขากลับมาได้ ผมจำได้ว่าคุณสามสาบานไว้ว่าจะไม่มีวันกลับมาหาพวกเราอีก”
“เฉียวเหลียง”